PRARN TALK
“ต้องให้ผมรออีกนานแค่ไหนครับพ่อสุดที่รัก” หลังจากที่นั่งรอมาเกือบครึ่งชั่วโมง ผมไม่เห็นว่าคนที่พ่อนัดไว้จะมา ช้าอย่างนี้คำตอบมันก็ชัดอยู่แล้ว
“ฉันซื้อเวลาแกครึ่งวัน แกจะตายหรือไง” นี่คำพูดของพ่อสุดที่รักพูดกับลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล เป็นคำพูดที่ครอบครัวธรรมดาไม่มีวันได้รับอะไรแบบนี้ ผมควรปลาบปลื้มที่เจอ
“ผมไม่ตาย แต่มันโคตรน่าอาย ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ ไม่เห็นสนุก เจ้าสาวก็แก่กว่า นิสัยยังไงก็ไม่รู้ ห่างเท่าไหร่นะห้าถึงหกปีหรือเปล่า ไม่ไหวนะพ่อ เอามาทำเมียนะครับ”
“หุบปากหมา ๆ ของแกซะไอ้ปรานต์” พ่อสุดที่รักของผมถึงขั้นเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เฮอะ แล้วต้องสนเหรอวะ
ไม่ถึงสองนาทีมือขวาของพ่อเดินเข้ามากระซิบ เดาว่านัดนี้พ่อผมโดนเบี้ยวแล้วครับ มันแน่นอนอยู่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางจะมาทำอะไรแบบนี้ เธอไม่ใช่คนที่จะถูกใครบังคับได้
“หนูนาฬิกาป่วยมาไม่ได้”
“หึหึ”
“แกหัวเราะอะไรไอ้ปรานต์”
“ผมมีความสุขก็หัวเราะสิครับ จริงไหมครับคุณเอ๊ะ” หันไปยิ้มให้ผู้หญิงในชุดเดรสไหล่เฉลียงสีครีมที่นั่งข้างนายปฐพี ตรีโยธา ผู้ชายที่เป็นพ่อของผมไง
“…” เธอไม่ตอบผมหรอกครับ คนอย่างเธอน่ะเหรอจะพูดกับผม ไม่ใช่ว่าหยิ่ง เธอแค่พยายามสวมบทบาทผู้ดี ถึงแม้เล็บเท้าจะจิกเกร็งเก็บซ่อนความโมโหมากเท่าไหร่ก็ตาม
“จะว่าไปต้องขอบคุณนัดดูตัวครั้งนี้เลยนะครับ ทำให้เราพ่อลูกได้ทานข้าวด้วยกัน จริงไหมครับ” ผมยิ้มพลางใช้ส้อมจิ้มกุ้งชุบแป้งทอดมาใส่จานแล้วค่อยจิ้มใส่ปากอีกรอบ “อื้ม กุ้งร้านนี้ตัวอวบอ้วนเด้งนุ่มดีนะครับ ลองชิมสิครับคุณเอ๊ะ ผมเดาว่าคุณไม่น่าจะเคยกิน”
“ไอ้ปรานต์!”
“อย่าโมโหเลยค่ะคุณท่าน เอ๊ะก็ไม่เคยทานอย่างที่คุณปรานต์พูดจริง ๆ” จีบปากจีบคอพูดให้น่าสงสารถนัดนักล่ะ
“จะว่าไปควงคนใช้มาด้วยแบบนี้ คิดดีแล้ว…”
ตุบ ไม่ต้องตกใจ แค่เสียงที่ท่านปฐพีวางมือที่โต๊ะอาหารรุนแรงไปหน่อย สีหน้าเริ่มเข้มขรึมน้ำเสียงจะเริ่มเข้มขึ้น เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็วันนี้ผมหมดประโยชน์แล้งไงครับ “ไอ้ปรานต์! แกให้เกียรติผู้หญิงของฉันด้วย”
เคร้ง! คำพูดของพ่อแสลงหู ทำให้ผมไม่สามารถฝืนกระเดือกของกินดี ๆ ลงท้องได้ ผมจึงทิ้งส้อมกับมีดในมือรุนแรงไปหน่อยแล้วก็ลุกขึ้นยืนอย่างผ่าเผย “อ่า วันนี้ผมไม่มีบทแล้วเนอะ งั้นขอตัวนะครับ อ่อ ส่วนเกียรติที่พ่อต้องการผมให้ไม่ได้ครับ แต่เกลียดน่ะเกลียดแน่ ๆ แล้วก็รังเกียจด้วยครับ อยู่ให้ทนนะ”
ประโยคหลังผมบอกกับผู้หญิงคนใหม่ของพ่อ ซึ่งเป็นสาวใช้ในบ้าน
“ไอ้ปรานต์!” แหกปากเรียกให้ตายยังไงผมก็ไม่หันกลับไปมองหรือสนทนาด้วยอยู่แล้ว
ก่อนที่ผมจะเข้ามานั่งในรถ หนึ่งในบอดี้การ์ดของพ่อเดินเข้ามา “ท่านปฐพีบอกว่านัดรอบหน้าห้ามพลาดนะครับ”
สายตาเรียบเฉยมองไปที่คนของพ่อพลางคิดในใจ ยังจะมีรอบหน้าอีกเหรอวะ เฮอะ ถ้าทำไม่สำเร็จพ่อก็คงไม่หยุด ซึ่งไม่สำเร็จก็ดีเพราะมันปัญหาของพ่อ ไม่ใช่ปัญหาของผม ทว่าเมื่อไหร่ที่มันสำเร็จมันจะกลายเป็นปัญหาของผม
‘ปรานต์’ เป็นชื่อของผม พ่วงด้วยนามสกุลตรีโยธา พ่อเป็นนักธุรกิจครับ ขอเรียกแบบนี้เพื่อความดูดีแม้ว่าพ่อจะเป็นคนไม่ดี เหตุผลที่ผมต้องมานั่งรอผู้หญิงคนหนึ่งก็เพราะพันธะสัญญารุ่นบรรพบุรุษที่ปู่ทวดทวงถามก่อนที่จะใกล้ฝั่ง ปู่ทวดอยากจะทำสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนสำเร็จลุล่วง โดยให้ผมแต่งงานกับลูกหลานของท่านคุณวุฒิน้องชายของท่านคงคา แล้วไอ้สายเลือดที่แท้จริงของท่านคุณวุฒิเนี่ย ก็มีคุณธนภพคนเดียว พอมารุ่นลูกคุณธนภพก็เป็นลูกชายทั้งสอง รุ่นต่อมาจึงเป็นลูก ๆ ของลูกชายคุณธนภพซึ่งคนที่เหมาะสมที่สุดก็คือหลานสาวคนโตของคุณธนภพ ลูกสาวของนายภานุพัต ศิวะวานนท์ ชื่อนางสาวนาฬิกา ศิวะวานนท์ อายุ 28 ปี เป็นผู้หญิงที่เติบโตมาด้วยการใช้เงินซื้อทุกอย่างให้ตัวเอง ตั้งแต่สิ่งของจนถึงสิ่งมีชีวิต มิตรภาพ และผู้ชาย เอาแต่ใจ หลงตัวเอง เป็นผู้หญิงที่ไม่มีเคมีไหนที่จะเข้ากับผมได้ แล้วไอ้สัญญาแต่งงานบ้าบอนี่มันตั้งกี่ปีมาแล้ว จะมายึดถืออะไรสัญญาของเพื่อนเก่าที่ตายจากกันไปเกือบหกสิบปี
โคตรจะโบราณ ป่านนี้เพื่อนปู่ทวดที่ตายไปกลับชาติมาเกิดใหม่ละ ไหงความซวยกลับมาตกที่ผม บอกตรงนี้เลยว่าผมไม่มีทางจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ทัศนคติประหลาดคนนั้นเด็ดขาด ผมจะทำทุกทางให้เธอกับผมไม่ต้องอยู่ด้วยกัน
ครืด ครืด
นี่ไง โทรมาเช็กความคืบหน้าแล้ว “ครับคุณทวด”
(เจ้าสาวน่ารักไหมปรานต์)
“ไม่ได้พบกันครับ ได้ยินว่าป่วย”
(ปรานต์ก็ไปเยี่ยมที่บ้านสิลูก)
“ปรานต์จะไปได้ไงครับปู่ทวด ต้องเจอกันก่อนสิครับบุ่มบ่ามไปเดี๋ยวจะหาว่าเราเร่งรัด เผื่อพี่เขามีคนรักแล้วมันบาปนะครับ”
(คิดอะไรแบบนั้น ทางนั้นยืนยันมาแล้วว่าแม่หนูนาฬิกายังไม่มีคนรัก ทำให้ทวดสมหวังก่อนตายทีปรานต์ ทวดจะได้สู้หน้าไอ้วุฒิได้)
“ครับปู่ทวด ปรานต์จะทำสุดความสามารถ”
(อืม ทวดเชื่อใจปรานต์นะลูก)
เชื่อใจผมได้เลยครับปู่ทวด ผมจะทำสุดความสามารถเพื่อไม่ต้องแต่งกับผู้หญิงคนนั้น ไม่ว่าวิธีจะเลวทรามแค่ไหนผมไม่มีทางหยุด