มู่หยางส่งสารน้องเล็กของตัวเองมาก แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสี่ปี แต่ความคิดของเขานั้นกลับเป็นผู้ใหญ่กว่า อาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยู่กับพี่ใหญ่มาตั้งแต่เล็ก เลยถูกปลูกฝังว่าเป็นลูกผู้ชายนั้นต้องเข้มแข็งต้องคอยปกป้องน้องสาวแทนพี่ ตัวเขาและน้องเล็กอายุห่างจากพี่ใหญ่สิบเอ็ดปี
สามคนพี่น้องอยู่กันเองพ่อแม่นั้นตายไปเพราะป่วยด้วยไข้ป่าไปเมื่อสิบปีที่แล้ว เขาและน้องเล็กจึงอยู่กับพี่ใหญ่มาตลอด แต่เมื่อสามสี่ปีก่อนครอบครัวของลุงใหญ่ขออาสาเข้ามาดูแลเขาและน้องสาว จะว่าดูแลไม่น่าจะใช่ เพราะต่อหน้าพี่ใหญ่นั้นดีแสนดี แต่พอลับหลังกลับเอาเปรียบเขาและน้องเล็กทุกอย่าง
ยิ่งเมื่อสามปีก่อนพี่ใหญ่ของเขายอมสมัครไปเป็นทหารเพื่อส่งเขาและน้องเรียนต่อ ครอบครัวลุงใหญ่แทบจะกระโดดตัวลอยเพราะเงินที่พี่ใหญ่ส่งมาให้นั้นไม่เคยถึงมือพวกเขาทั้งสองคนเลย ยังดีที่ได้เรียนหนังสือ แต่ตอนนี้นี่เฮ้อ....
“เดี๋ยวพี่ไปจับปลามาให้เราสองคนจะได้ย่างปลากินกัน น้องเล็กรอพี่ก่อนนะ รอไหวไหม” มู่หยางกำลังจะลุกขึ้นเดินไปจับปลาในลำธาร แต่กลับได้ยินเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาทางด้านหลัง
“หิวไหม ฉันมีซาลาเปาไส้เนื้อหลายลูกมากินด้วยกันสิ”
หลิวชิงเย่วสงสารทั้งสองคนมากหลังจากที่ยืนฟังอยู่นาน เธอไม่ได้คิดที่จะแอบฟังแต่เผอิญดันเดินผ่านมาทางนี้พอดี หญิงสาวจึงเดินเข้ามาพร้อมตะกร้าใส่ซาลาเปามาเต็ม ดีนะแถวนี้เป็นทางขึ้นเขาไม่อย่างนั้นคงจะหาที่แอบเอาซาลาเปาออกมาไม่ได้
“เอ๋...พี่สาวชิงเย่วภรรยาพี่เฉียงนี่” มู่หยางจำพี่สาวตรงหน้านี้ได้ เขาเคยเดินสวนกับเธอหลายครั้งแล้วในหมู่บ้าน
“ใช่ พี่สาวชิงเย่วจริงๆ ด้วย” มู่ฟ่านปิงจำได้เหมือนกัน พี่สาวคนนี้น่าสงสารเธอมักจะโดนแม่สามีด่าไม่ไว้หน้า อีกทั้งพี่เหว่ยเฉียงยังพาภรรยาคนใหม่เข้าบ้านทั้งๆ ที่แต่งงานได้ไม่ถึงเดือน
“พวกเธอทั้งสองคนรู้จักฉันด้วยเหรอ” หลิวชิงเย่วขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าร่างนี้แทบจะไม่รู้จักใครเลย สองพี่น้องบ้านมู่พยักหน้ารับ จะไม่ให้รู้จักได้ยังไงเรื่องของพี่สาวชิงเย่วใครบ้างในหมู่บ้านนี้ไม่รู้
“ทั้งสองคนคงจะรู้จักชื่อเสียของฉันสินะ ช่างเถอะเรามากินซาลาเปากันก่อน ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว” หลิวชิงเย่วไม่สนใจว่าจะรู้จักเธอในแง่ไหน แต่ตอนนี้ทั้งสองคนคงจะหิวแล้ว มากินให้อิ่มท้องก่อนดีกว่า
“ไม่เป็นไรพี่สาวชิงเย่ว ไม่ใช่สิผมต้องเรียกว่าพี่สะใภ้หลี่เพราะพี่แต่งงานแล้ว” มู่หยางเปลี่ยนคำเรียก ถ้าเกิดพี่สาวตรงหน้ายังไม่แต่งงานนั้นเรียกพี่สาวได้ แต่ส่วนมากคนในหมู่บ้านหากแต่งงานแล้วจะไม่เรียกพี่สาวกัน
“เราสองพี่น้องพอจะรู้เรื่องของพี่สะใภ้หลี่มาบ้าง แต่มันต้องเป็นชื่อเสียงไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องเป็นชื่อเสียล่ะ” มู่ฟ่านปิงไม่เข้าใจจึงเอียงคอถาม ทำไมพี่สาวชิงเย่วจึงบอกว่าชื่อเสียแทนจะเป็นชื่อเสียง
“แล้วเรื่องของฉันที่ทั้งสองคนได้ยินมามีเรื่องดีบ้างไหมล่ะ ถ้าให้เดาคงจะไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างใช่ไหม นั่นแหละฉันจึงบอกว่าชื่อเสียยังไง อีกอย่างทั้งสองคนเรียกฉันว่าพี่ชิงเย่วดีกว่า เรียกพี่สะใภ้หลี่แล้วขนลุกชอบกล เดี๋ยวจะพาลกินอาหารไม่ได้เปล่าๆ
มานั่งด้วยกันเถอะ ทั้งสองคนชื่ออะไรกันบ้างบอกฉันหน่อย เธอทั้งสองคนรู้ว่าฉันเป็นใครแต่ฉันยังไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนชื่ออะไรกันบ้าง” หลิวชิงเย่วคิดจะตีสนิทกับสองพี่น้องไว้ อย่างน้อยๆ มาเกิดใหม่ครั้งนี้เธอจะได้มีเพื่อนแม้ว่าจะเป็นเพื่อนต่างวัยก็เถอะ
“ผมไม่รบกวนพี่ชิงเย่วดีกว่า ผมจะลงไปจับปลาในลำธารมาย่างให้น้องเล็กกิน อ้อ...ผมชื่อมู่หยาง พี่ชิงเย่วเรียกผมว่าอาหยางก็ได้ ส่วนน้องเล็กชื่อมู่ฟ่านปิง พี่จะเรียกเสี่ยวปิงหรือฟ่านปิงก็ได้เหมือนกัน” มู่หยางเกรงใจ เด็กหนุ่มรู้ดีว่าซาลาเปาไส้ผักลูกละหลายเหมา ยิ่งไส้เนื้อบางร้านก็เกือบสองหยวน เขาไม่กล้ากินหรอกมันแพง
“มานั่งนี่ นายพูดยากนะอาหยาง ฉันบอกให้มานั่งก็มาเถอะ กว่านายจะลงไปจับปลากว่าจะจับได้ ไหนจะต้องก่อไฟกว่าจะย่างเสร็จ พอดีฟ้ามืดเสียก่อน มาเถอะตอนนี้เรารู้จักกันแล้ว ดังนั้นเราทั้งสามคนจึงมาเป็นเพื่อนต่างวัยกันดีกว่า
นายและเสี่ยวปิงรู้ไม่ใช่เหรอว่าตั้งแต่ฉันแต่งงานมาที่นี่ ฉันไม่รู้จักใครเลยนอกจากบ้านหลี่ แต่ถ้าทั้งสองคนรังเกียจที่ฉันเป็นหญิงแต่งงานแล้วที่แม้แต่บ้านสามีรังเกียจฉันก็ไม่ห้าม ฉันไปก็ได้แต่ซาลาเปานั้นทั้งสองคนเก็บไว้กินเถอะนะ ฉันให้”
หลิวชิงเย่วเตรียมจะลุกขึ้นเดินจากไป เพราะคิดว่าสองพี่น้องคงจะไม่กล้ามาเป็นเพื่อนกับเธอ แต่กลับโดนมือของมู่ฟ่านปิงจับไว้
“พี่ชิงเย่วพวกเราไม่ได้รังเกียจพี่ แต่พี่รองกับฉันรู้ว่าซาลาเปาไส้เนื้อนั้นมันแพง พวกเราเลยไม่กล้ากิน อีกอย่างพี่เอามาให้พวกเราแบบนี้บ้านสามีพี่จะไม่ดุด่าพี่อีกเหรอ ใครๆ ก็รู้ว่าแม่เฒ่าหลี่นั้นเป็นยังไง”
มู่ฟ่านปิงกลัวว่าพี่สาวตรงหน้ากลับไปแล้วจะโดนแม่สามีเล่นงานเอา
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก มานั่งกินกันดีกว่า” หลิวชิงเย่วเมื่อได้รู้ความคิดของทั้งสองคนจึงกลับลงมานั่งที่เดิม ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้คนละสองลูก “ถ้าไม่อิ่มก็หยิบกินได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“อันนี้เป็นของฉันเองไม่เกี่ยวกับบ้านสามี พวกเธออยู่ในหมู่บ้านมานานเรื่องที่ฉันแต่งเข้าบ้านหลี่นั้นก็คงจะพอรู้กันใช่ไหม” หลิวชิงเย่วกินไปด้วยเล่าเรื่องราวทั้งหมดของตัวเองไปด้วย ทั้งสองคนได้รู้ความจริงต่างก็เห็นใจ เพราะมันคนละอย่างกับที่แม่เฒ่าหลี่เที่ยวมาพูดกับคนในหมู่บ้าน
“ไม่ใช่ว่าพี่ชิงเย่วหลงรักพี่เหว่ยเฉียงหรอกเหรอ ก่อนที่พ่อพี่ชิงเย่วตาย พ่อพี่ชิงเย่วเลยบังคับให้พี่เฉียงแต่งงานด้วยทั้งๆ ที่พี่เหว่ยเฉียงมีคนรักอยู่แล้ว” มู่ฟ่านปิงเป็นเด็กช่างพูดหากรู้สึกคุ้นเคย ในเมื่อสงสัยจึงเลือกที่จะถามออกมาตรงๆ แม้แต่มู่หยางยังพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องสาว
“มันก็มีส่วน พ่อพี่ตายเพราะปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งหลี่เหว่ยเฉียงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่พ่อพี่ช่วยชีวิตไว้ เลยขอร้องให้เขาช่วยดูแลพี่ก่อนท่านจะหมดลมหายใจ ตอนนั้นพี่เองก็อายุแค่สิบหกสิบเจ็ดปีพอพ่อตายแล้วก็เหมือนขอนไม้ลอยในทะเล หาหลักยึดไม่ถูกทำได้เพียงแต่งเข้าบ้านหลี่
แต่ใครจะคิดล่ะว่าบ้านหลี่นั้นเป็นปลิงดูดเลือดดีๆ นี่เอง หากพี่รู้ก่อนสักนิดว่าหลี่เหว่ยเฉียงมีคนรักอยู่แล้ว พี่จะแต่งเข้ามาทำไม ทั้งสองคนว่าจริงไหม” หลิวชิงเย่วเริ่มที่จะคุ้นเคยกับทั้งสองคนจึงแทนตัวเองว่าพี่
“คุยแต่เรื่องของพี่ คุยเรื่องของเราทั้งสองคนดีกว่า พี่ได้ยินว่าอาหยางกับเสี่ยวปิงหยุดเรียนแล้ว ทำไมจึงหยุดล่ะเท่าที่ดูจากอายุน่าจะเรียนชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งไหม”
“เราทั้งสองคนกำลังจะขึ้นเรียนมัธยมปลายปีหนึ่ง แต่เพราะลุงใหญ่บอกว่าเงินไม่พอที่จะให้เรียน เลยมีเพียงลูกๆ ของลุงใหญ่ที่ได้เรียน กลัวแต่พอพี่ใหญ่ของพวกเรากลับมา แล้วรู้ว่าผมและน้องเล็กหยุดเรียนพี่ใหญ่จะโกรธเอานะสิครับ”
จากนั้นมู่หยางจึงเล่าเรื่องครอบครัวของเขาให้พี่สาวตรงหน้าฟัง หลิวชิงเย่วฟังแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว ไม่คิดว่านอกจากบ้านหลี่ที่เธอเจอยังมีบ้านมู่ที่เห็นแก่ตัวยิ่งกว่า ทั้งๆ ที่อาหยางและเสี่ยวปิงเป็นหลานแซ่เดียวกันแท้ๆ ยังโกงกันได้
ทั้งๆ เป็นเงินที่พี่ชายของทั้งสองคนส่งมาให้ ไม่ว่ายุคสมัยไหนพวกเห็นแก่ตัวก็มีเยอะจริงๆ ทั้งสามคนยังนั่งคุยกันพักใหญ่ เมื่อคิดว่าได้เวลาที่ควรจะกลับแล้ว หลิวชิงเย่วจึงยัดซาลาเปาที่เหลืออีกห้าลูกให้กับพี่น้องบ้านมู่ไว้กินเย็นนี้
“เอากลับไปกินที่บ้านอย่าให้ใครเห็นล่ะ หากพรุ่งนี้ไม่ไปไหนก็มาเจอพี่ที่นี่เวลาเดิม พี่จะเอาของอร่อยมาให้กินไม่ต้องปฏิเสธนะ เพราะเราทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันแล้ว และห้ามบอกให้ใครรู้เรื่องที่เรานัดเจอกัน ตัวพี่นะไม่เท่าไหร่ หากคนอื่นรู้อาหยางกับเสี่ยวปิงรู้ใช่ไหมว่าแม่เฒ่าหลี่ปากเธอร้ายแค่ไหน”
หลิวชิงเย่วบอกทั้งสองคน สองพี่น้องบ้านมู่พยักหน้าเข้าใจ เพราะพี่สาวชิงเย่วแต่งงานแล้วจะมาคลุกคลีกับพวกเขาคงจะไม่งาม เมื่อตกลงกันเรียบร้อยทั้งสามคนจึงต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง