บทที่ 4 แม่สามีผู้เห็นแก่ตัว

1676 คำ
นางจ่างซื่อคิดตามสะใภ้คนโปรดจึงเกิดความไม่ยินยอมและไม่พอใจ เธอไม่เคยชอบสะใภ้ใหญ่ของเธอเลย เพราะว่าอยู่ดีๆ พ่อตายแต่กลับให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน ทั้งๆ ที่เธอเตรียมหลานสาวญาติทางฝั่งแม่เธอไว้แล้ว และที่สำคัญหลี่เหว่ยเฉียงและซวี่เซิ่งเสว่รักกันมาก่อน แต่กลายเป็นต้องมาทดแทนบุญคุณเจ้านายด้วยการแต่งงานดูแลลูกสาวเพียงคนเดียว หากหลิวชิงเย่วไม่มีสินเดิมมามาก เธอไม่มีทางยอมให้แต่งกับลูกชายเธอเด็ดขาด แต่แล้วยังไงแต่งเข้ามาไม่ทันไรเธอก็ไปขอซวี่เซิ่งเสว่มาให้เป็นภรรยาลูกชายอีกคน ที่สำคัญหลี่เหว่ยเฉียงทำตามคำสัญญาเพียงหน้าที่เท่านั้น ยังไม่เคยเข้าหอหรือหลับนอนกับหลิวชิงเย่วเลยสักครั้งเดียว แต่ถึงยังไงเธอก็ไม่เคยไว้ใจ วันดีคืนดีถ้าเกิดลูกชายเธอเกิดมีความรู้สึกให้กับหลิวชิงเย่วขึ้นมาเธอจะทำยังไง ดังนั้นเธอจึงใช้ให้ทำงานบ้านทุกอย่าง จนแทบจะไม่ได้เงยหน้ามองเห็นตะวัน เงินเธอก็เอามาบำรุงลูกสะใภ้คนโปรดและเอามาใช้จ่ายในบ้านอย่างสบาย เงินเดือนของลูกชายจะพอใช้อะไรล่ะ แค่ไม่กี่สิบหยวนต่อเดือนเท่านั้นเอง “มันไม่กล้าหรอกหล่อนไม่ต้องใส่ใจ พออาเฉียงกลับมามันก็ต้องวิ่งแจ้นออกมาต้อนรับสามีของตัวเอง หล่อนไปเตรียมอาหารรออาเฉียงเถอะ อาเฉียงรู้ว่าหล่อนท้องเขาคงจะดีใจที่มีลูกเสียที” นางจ่างซื่อถึงแม้ว่าจะไม่พอใจหลิวชิงเย่ว แต่เพราะลูกชายจะกลับมาถึงวันนี้ เธอจึงเลือกที่จะไม่ใส่ใจ “แม่สามีในครัวไม่มีเนื้อเหลืออยู่เลย จริงๆ วันนี้ชิงเย่วจะต้องไปซื้ออาหารมาเก็บไว้เพื่อเป็นเสบียงสำหรับอาทิตย์นี้ แต่เธอเข้าห้องไปแล้วแม่สามีจะให้ฉันทำยังไงคะ ฉันไม่มีเงินสินเดิมเหมือนเธอ” ซวี่เซิ่งเสว่บอกแม่สามีอย่างเสียไม่ได้ หน้าที่ซื้อหาอาหารนั้นเป็นของหลิวชิงเย่ว หากให้เธอทำอาหารแทนแล้วไหนวัตถุดิบล่ะ เธอไม่ได้เสกมันมาได้นะ นางจ่างซื่อควักเงินที่เก็บไว้ในอกออกมาเสียไม่ได้ หยิบเงินครั้งนี้ยิ่งกว่ามีใครเอามีดมากรีดเนื้อเธอเสียอีก เพราะเคยยากจนมาก่อนจึงไม่อยากที่จะเสียเงินโดยใช่เหตุ “เอาไปแค่ห้าหยวนพอจ่ายประหยัดหน่อยล่ะ ช่วงนี้นังคุณหนูนั่นคงเล่นตัว รออีกสักพักก่อนก็แล้วกัน ฉันจะให้อาเฉียงจัดการเอง” คอยดูเถอะเธอจะให้ลูกชายจัดการ มีอย่างที่ไหนไม่ยอมควักเงินออกมาจ่ายภายในบ้าน นางจ่างซื่อพูดจบจึงสะบัดหน้าออกจากบ้านไปหาเพื่อนๆ ที่ว่างงานด้วยกัน มักจะชอบนั่งจับกลุ่มนั่งแทะเมล็ดฟักทองนินทาคนนู้นคนนี้ ปล่อยให้สะใภ้คนโปรดยืนมองเงินในมือด้วยความไม่ยินยอม “จะขี้เหนียวไปถึงไหน เงินห้าหยวนจะซื้ออะไรได้ แค่เนื้อหมูก็ชั่งละสี่หยวนไปแล้ว ของในตลาดหมู่บ้านนั้นแพงจะตาย เอาตามเงินที่ได้มาก็แล้วกัน จำไว้เลยนะนังชิงเย่ว แค้นนี้ฉันจะต้องเอาคืน รอพี่เฉียงกลับมาก่อนเถอะ” ซวี่เซิ่งเสว่พูดคนเดียวอย่างแค้นใจ ก่อนจะอุ้มท้องตัวเองเดินไปซื้ออาหารที่ตลาดของหมู่บ้านด้วยความไม่พอใจและคับแค้นใจ หลิวชิงเย่วไม่ได้สนใจเลยว่าด้านนอกนั้นจะเป็นยังไง ตอนนี้เธอข้ามาอาบน้ำในมิติและทำอาหารกินอย่างมีความสุขในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตัวเอง จากความทรงจำตอนนี้ภาครัฐเปิดการค้าได้หลายแล้ว ในเมื่อเธอมีเงินมีทุนสำรอง หลังจากนี้ต้องหาเวลาเข้าอำเภอสำรวจสักหน่อยว่าสามารถเปิดร้านอะไรได้บ้าง และต้องหาคนมาดูแลร้านแทน หากเธอยังไม่หย่าเธอไม่สามารถให้ใครรู้ได้ว่าเธอนั้นเปิดร้านหรือทำการค้า ไม่อย่างนั้นชาตินี้อย่าหวังเลยว่าจะสลัดปลิงพวกนี้หลุด “ดีนะที่ในคฤหาสน์แห่งนี้มีทุกอย่างเหมือนกับคฤหาสน์ที่เคยอยู่ พูดไปก็คิดถึงพี่รามและยายหนูลูกแก้วเหมือนกัน หวังว่าพี่และหลานตัวน้อยจะอยู่ได้นะคะ” เมื่ออยู่ในสถานที่เหมือนกับอดีต หญิงสาวอดที่จะคิดถึงครอบครัวชาติที่แล้วไม่ได้ แต่ไม่ว่าหลังจากนี้จะเจอกับอะไร เธอจะต้องเดินหน้าต่อด้วยความสามารถและกำลังที่มี “หวังว่ายุคนี้คงจะใช้น้ำหอมกันแล้วนะ จะได้ลองทำในสิ่งที่ชอบดู เผื่อว่าจะขายได้” ปกติชาติก่อนหญิงสาวเป็นคนชอบเครื่องสำอางและน้ำหอมมาก เธอจะขอพี่ชายเรียนทางด้านนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นน้องสาวเพียงคนเดียว ไม่ว่าเธออยากจะเรียนอะไรพี่ชายของเธอนั้นไม่เคยห้าม ทำให้ชาตินี้เธอจึงมีความสามารถแทบจะทุกอย่างติดตัวมา หลิวชิงเย่วจึงเรียกหัวน้ำหอมกลิ่นต่างๆ ที่ชอบออกมาบวกกับแอลกอฮอล์ผสมไว้มัสก์ออกมาด้วย เธอขี้เกียจเอามาหลายอย่างเอาแบบสำเร็จก็แล้วกันนะ เมื่อได้ส่วนผสมที่ต้องการ หลิวชิงเย่วจึงนำส่วนผสมมาชั่งให้ได้ปริมาณที่ต้องการ ก่อนจะผสมให้เข้ากันจากนั้นจึงทิ้งไว้สิบสองถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง หญิงสาวทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบทุกกลิ่น ก่อนจะนำน้ำหอมเข้าตู้เย็นเพื่อเร่งการกระจายและการเข้ากันของน้ำหอมให้ดีและเร็วยิ่งขึ้น เมื่อทำทุกอย่างจนครบแล้วเธอจึงเงยหน้ามองนาฬิกา ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว เธอควรจะเข้าไปเดินเล่นในหมู่บ้านเสียหน่อย ปกติร่างนี้ทำแต่งานอย่าหวังว่าจะได้เข้าไปเดินเล่นเหมือนคนอื่นเลย ไม่เข้าใจในชะตาชีวิตคุณหนูคนนี้เสียจริง จะยอมอะไรขนาดนั้น ยอมจนตัวเองไม่เหลือทางเดิน หลิวชิงเย่วเดินออกมาจากบ้านไม่สนใจใคร เธอได้ยินเสียงการทำอาหารอยู่ในครัว บ้านนี้เป็นบ้านที่สร้างขึ้นมาใหม่ตอนที่เธอแต่งเข้ามา ‘เสวยสุขกันเสียจริงกับทรัพย์สินของคนอื่น’ เธอได้แต่ด่าในใจ ระหว่างเดินเข้ามาในหมู่บ้านชาวบ้านแต่ละคนมองหญิงสาวด้วยความไม่เข้าใจ วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับลูกสะใภ้บ้านหลี่ เธอจึงเดินเข้ามาเล่นในหมู่บ้านด้วยสภาพและหน้าตาที่ดูดีมาก ยังมองสองข้างทางเหมือนคนไม่เคยเดินเข้ามา จนมีบางคนอดที่จะถามขึ้นไม่ได้ “สะใภ้หลี่วันนี้ไม่มีงานให้ทำเหรอ ถึงเดินมาเล่นได้ไกลขนาดนี้” “ไม่รู้สิว่ามีหรือเปล่า เพราะไม่ได้อยากจะสนใจ ถ้าอยากรู้ลองไปถามแม่เฒ่าหลี่กับลูกสะใภ้คนโปรดดูสิ” หากถามดีๆ หลิวชิงเย่วคิดว่าเธอคงจะตอบแบบปกติ แต่นี่คำถามไม่น่าจะถาม คงไม่จำเป็นต้องดีด้วยหรอก ทุกคนได้แต่มองหน้ากันอย่างแปลกใจ สะใภ้หลี่คนนี้เกิดอะไรขึ้นจึงกล้าต่อปากต่อคำคนอื่น หญิงสาวไม่สนใจยังคงเดินไปเรื่อยๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนเดินมาถึงลำธารในหมู่บ้านก็ได้ยินเสียงเด็กสองคนคุยกัน “พี่รอง พี่ใหญ่จะกลับมาเมื่อไหร่พี่รู้ไหม” มู่ฟ่านปิงเอ่ยถามพี่ชายฝาแฝด จากที่ใบหน้าของเด็กสาวเคยสดใสแต่ตอนนี้นั้นช่างเศร้าหมองนัก “ไม่รู้เหมือนกันน้องเล็กแต่คิดว่าคงเร็วๆ นี้แหละ ได้ข่าวว่าพี่เหว่ยเฉียงบ้านหลี่เป็นทหารที่เดียวกับพี่ใหญ่เขาจะกลับมาวันนี้ ไม่รู้พี่ใหญ่จะกลับมาด้วยหรือเปล่า” มู่หยางบอกกับน้องสาวฝาแฝด ซึ่งมีสภาพไม่ต่างกับน้องสาวนัก แต่แววตาของเด็กหนุ่มคนนี้กลับเด็ดเดี่ยวมากกว่า “หากพี่ใหญ่รู้ว่าเราทั้งสองคนหยุดเรียนแล้ว จะต้องโกรธมากๆ แน่เลย เราจะทำยังไงดีพี่รอง” มู่ฟ่านปิงคิดมากจริงๆ พี่ใหญ่ยอมไปเป็นทหารเมื่อสามปีก่อนเพื่อจะส่งเงินมาให้เธอและพี่รองได้เรียนเหมือนคนอื่น แต่ใครจะคิดว่าเงินที่พี่ใหญ่ส่งมาให้แทบจะไม่เคยถึงมือเธอและพี่รองเลย บ้านลุงใหญ่เก็บเอาไปทั้งหมด อีกทั้งล่าสุดยังให้เธอและพี่รองลาออกจากโรงเรียนอีกด้วย “สาเหตุที่พี่ไม่ยอมให้เราเขียนจดหมาย หรือโทรไปหาพี่ใหญ่ที่ค่ายทหาร เพราะไม่อยากให้พี่ใหญ่ต้องคิดมาก พี่ใหญ่ยอมไปเป็นทหารที่เซี่ยงไฮ้เพื่ออนาคตของเราสองคน แต่ใครจะคิดว่าครอบครัวลุงใหญ่จะทำแบบนี้ ทั้งๆ ที่รับปากพี่ใหญ่อย่างดิบดีว่าจะดูแลเราทั้งสองคน” มู่หยางยอมรับชะตากรรม เขาไม่อยากให้พี่ใหญ่คิดมากกับเรื่องของเขาและน้องเล็ก “พี่จะลองไปหางานในอำเภอทำดู เผื่อว่าเขาจะรับเด็กอายุสิบสี่แบบพี่ น้องเล็กจะได้เรียนต่อ ตัวพี่เองเป็นผู้ชายไม่เป็นอะไรหรอก” “พี่รองหนูหิวจังเลย ตั้งแต่เมื่อวานเราได้กินเพียงน้ำข้าวต้มเองนะ” มู่ฟ่านปิงแม้จะมีความอดทนแต่เธอและพี่รองนอกจากน้ำข้าวต้มและแผ่นแป้งย่างแข็งๆ ก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องอีกเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม