ตอนที่ 2 ยื่นคำขาด (1)

1486 คำ
ห้าปีผ่านไป... “เห็นทีข้าคงจะหมดหวังเสียแล้ว พี่ชายเจ้าก็ได้แต่ผลิตลูกสาวออกมาจนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะจากองค์หญิงเองหรือพวกนางสนมก็ล้วนไร้วาสนา แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเจ้า ที่แม้แต่ลูกสักคนก็ไม่มีมาให้ข้าได้ชื่นใจ สงสัยราชวงศ์ของเราคงจะต้องจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้เป็นแน่” เสียงทุ้มจากปากของฮ่องเต้ชราดังก้อง องค์ชายหวังจื่อเทียนถึงกับเสียกิริยา ลอบถอนหายใจเพราะตกที่นั่งลำบาก เมื่อองค์ชายรัชทายาทไร้ความสามารถที่จะผลิตรัชทายาทสืบเชื้อสาย ความคาดหวังจึงตกอยู่ที่เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ การหาผู้สืบทอดต่อจากเขาและพี่ชายกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกวัน “เจ้าเองก็ตบแต่งภรรยาครองเรือนมานานกว่าห้าปีแล้ว ยังไร้วี่แววของทายาทสืบสกุล หวังว่ามันคงไม่เกี่ยวกับปัญหาทางด้านสุขภาพของเจ้า อย่าว่าข้าใจยักษ์ใจมารเลยนะ ขอให้เหตุผลที่เจ้าไม่มีหลานให้ข้าเป็นเพราะผิงอันทีเถิด เพราะข้าทำใจไม่ได้จริงๆ” “เสด็จพ่อ ข้าว่าไม่ถูกต้องนักที่จะกล่าวโทษนาง ท่านคงพอเดาได้ว่าข้าก็แอบมีซุกซนตามประสาผู้ชายบ้าง แต่ไม่เคยมีใครอุ้มเด็กตัวเล็กๆ มาแสดงสิทธิ์เลยแม้แต่ผู้เดียว ชะรอยตอนท่านแม่เบ่งข้าออกมา หมอตำแยคงจะทำคลอดผิดท่ากระมัง” หวังจื่อเทียนพยายามแทนที่ความกดดันด้วยความขำขัน แต่เหมือนจะไร้ผล เขาจึงเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องอื่น เพื่อให้พระบิดาสบายใจขึ้น อาจจะเป็นเรื่องโกหก แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ชายชราเก็บความกังวลนี้ไว้นานจนเกินสมควร “เสด็จพ่อโปรดวางใจ อีกไม่กี่วันผิงอันจะเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมเยียนครอบครัว นางเล่าให้ฟังเมื่อไม่นานมานี้ ว่ามีวัดแห่งหนึ่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ใครอยากมีบุตรก็จะไปขอพรสวดภาวนาที่นั่น” หวังจื่อเทียนรีบเอ่ยสมทบ เมื่อสังเกตเห็นท่าทีสนใจของพระบิดาที่มีต่อสถานที่ดังกล่าว “ในทีแรกข้าเห็นเป็นเรื่องเหลวไหล จึงบอกนางว่าข้าจะไม่ร่วมเดินทางไปด้วย แต่ถ้าเสด็จพ่อเห็นว่าการเดินทางนี้คุ้มค่าแก่การเสียเวลา ข้าก็จะไปกับนาง แม้จะไม่เชื่อว่าเทวดาหรือผีสางนางไม้จะบันดาลให้ข้าทำใครท้องได้ก็ตาม” องค์ชายรองแสร้งฝืนใจยอมตรากตรำลำบากเดินทางไกล เพื่อทำให้ความปรารถนาของพระบิดาเป็นจริง “เอาเถิด ดีกว่าไม่พยายามอะไรเลย หวังว่านางจะได้ลูกชายสมปรารถนา และอีกอย่าง ตั้งแต่เจ้าไปขอลูกสาวคนเดียวของบ้านต้าหวังมา ก็ไม่เคยกลับไปเยี่ยมครอบครัวของเมียเจ้าอีกเลย เจ้าคงไม่มีใครที่นั่น แต่ผิงอันคงจะพอมีคนให้คิดถึงอยู่บ้าง” “ข้าจะถือโอกาสนี้เดินทางไปเยี่ยมเยียนท่านเสนาบดีด้วยตนเอง คงจะต้องรีบจัดเตรียมข้าวของให้พร้อม เพื่อจะได้เลื่อนกำหนดการเดินทางให้เร็วยิ่งขึ้น” หวังจื่อเทียนเอ่ย ในใจนึกถึงภรรยาที่ป่านนี้คงกำลังเตรียมข้าวของวุ่นวายอยู่ “ถ้านักบวชบอกให้สวดมนต์สิบรอบ เจ้าก็สวดไปเสียร้อยรอบเถิด จะได้รีบมีลูกเร็วๆ กลัวจะเหมือนข้าที่มามีลูกตอนแก่แล้ว จะตายเสียก่อนที่จะได้เห็นหน้าหลานชาย” ฮ่องเต้ชรายังคงบ่นพึมพำ มือเหี่ยวย่นโบกเบาๆ เป็นการปฏิเสธนางกำนัลที่กำลังจะเติมชาที่พร่องไป ชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้อะไรดลใจให้ภาพของเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้ม ปรากฏขึ้นชัดเจนในความทรงจำที่หวังจื่อเทียนเคยมีต่อเมืองเล็กๆ ทางแดนใต้ ช่วงเวลาไม่กี่วันที่พักอยู่ในบ้านต้าหวัง เขาพยายามมองหาเด็กหนุ่มคนนั้น แต่กลับไม่พบ การแต่งงานที่เกิดขึ้นได้ช่วงชิงเวลาว่างของเขาไปเสียหมด ไหนจะต้องปลอบใจว่าที่เจ้าสาวไม่ให้สติแตก เพราะยังทำใจไม่ได้กับงานมงคลที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั่นอีก องค์ชายรองยังจำความรู้สึกในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี พระบิดาได้ออกอุบายให้ร่วมเดินทางไปเยี่ยมเยียนสหายเก่าแก่ที่บ้านต้าหวังด้วยกัน โดยไม่แจ้งถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง หวังจื่อเทียนค่อนข้างตกใจเมื่อทราบข่าวว่าตนต้องแต่งงานกับผิงอัน แต่ด้วยมารยาทที่ถูกอบรมมาเป็นอย่างดี ทำให้สามารถซ่อนความตื่นตระหนกเอาไว้ในใจได้ ผิงอันเสียอีกที่เป็นฝ่ายหน้าซีดตัวสั่นจนแทบไม่สามารถยืนอยู่ได้ตลอดงาน นางฝืนใจรับของหมั้นหมายจากทางวังหลวง และขอตัวพักผ่อนทันทีที่ทราบว่าฤกษ์มงคลคืออีกสองวันถัดจากนี้ ใบหน้าอมทุกข์นั้นมีอะไรมากกว่าการถูกจับคลุมถุงชนกับชายหนุ่มที่เพิ่งเคยได้พบหน้า ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษที่ดี หวังจื่อเทียนจึงขอเข้าพบและพูดคุยกับผิงอันเป็นการส่วนตัว โดยอธิบายให้นางฟังว่าการแต่งงานในครั้งนี้นับเป็นข่าวใหม่สำหรับตนเช่นกัน คาดว่าทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันเพราะพระบิดาตั้งใจจะดัดนิสัยชอบเก็บเนื้อเก็บตัวของเขา และหากมีอะไรที่จะทำให้นางสบายใจขึ้นได้บ้าง องค์ชายรองก็ยินดีที่จะทำมัน ทั้งคู่ใช้เวลาคุยกันอยู่หลายชั่วยาม ตามที่สาวใช้รายงานให้ฮ่องเต้และท่านเสนาบดีทราบ ผู้สูงอายุเห็นเหมาะควรแล้วเรื่องให้เวลาว่าที่บ่าวสาวได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น จึงไม่ได้ขัดข้องแต่ประการใด ชายชราทั้งสองคนใช้เวลาที่เหลือดื่มด่ำสุราชั้นเยี่ยม ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันตามประสาเพื่อนรักที่ไม่เจอกันนานหลายสิบปี ด้วยตระหนักดีว่านี่จะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้าย เนื่องจากสังขารเริ่มจะไม่อำนวยเสียแล้ว “ตกลงตามนั้น” องค์ชายรูปงามไม่พอใจนักกับข้อแม้มากมายที่ผิงอันได้ร้องขอ ทว่าก็ยอมรับแต่โดยดีเพราะต้องการทำหน้าที่ของลูกและสามีให้ครบถ้วนสมบูรณ์ หวังจื่อเทียนเข้าพิธีแต่งงานด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยอันเป็นเอกลักษณ์ เขาทำทุกอย่างเพื่อให้พระบิดาสบายใจ เพียงชั่วขณะนั้นเอง เขาคิดว่าตนได้เห็นเด็กหนุ่มที่เฝ้าตามหายืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่เมื่อมองให้แน่ชัดอีกที จึงสรุปได้ว่าเขาเพียงแค่เหนื่อยจากงานพิธีจนตาฝาดไป “ราวเดือนหน้าหมอหลวงจะกลับมาจากต่างเมือง เห็นว่าค้นพบสมุนไพรหายากที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายแข็งแรงและมีบุตรเต็มบ้านเต็มเมืองตามดั่งใจหวัง ข้าจะให้ทางหมอหลวงส่งไปให้เจ้าก็แล้วกัน” เสียงของฮ่องเต้ชราปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์อย่างไม่เต็มใจนัก หวังจื่อเทียนกล่าวลาพระบิดา ก่อนจะเดินทางไปยังตำหนักที่อยู่ใกล้ๆ องค์ชายใหญ่กำลังอุ้มทารกตัวน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานด้วยความรัก พี่ชายของเขาไม่เคยแสดงอาการผิดหวังต่อพระชายาหรือนางสนมที่ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ทั้งยังแบ่งปันความรักให้กับบุตรีทุกคนอย่างเท่าเทียม “หวังจื่อเทียน มาดูหลานสาวคนล่าสุดของเจ้าเสียสิ ใบหน้าเหมือนท่านแม่ของพวกเราไม่ผิดเพี้ยน เป็นโชคขององค์หญิงน้อยแล้ว” ร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์กล่าวด้วยรอยยิ้มอันสดใส เขาไม่แยแสกับเพศของบุตรที่เพิ่งลืมตาออกมาหน้าดูโลก ทั้งยังพอใจที่เจ้าตัวเล็กตรงหน้าดูสุขภาพแข็งแรงดี หวังเจี้ยนผิง องค์ชายใหญ่มีอุปนิสัยที่แตกต่างจากน้องชายคนเล็กโดยสิ้นเชิง เขาเป็นคนมุ่งมั่นเอาการเอางาน เพียงแค่ย่างเข้าสู้วัยรุ่นไม่นาน ก็สามารถช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของพระบิดาได้เป็นจำนวนมาก เมื่อเข้าสู่วัยฉกรรจ์เต็มตัวก็ได้จัดการบริหารงานทั้งหมดโดยไม่มีข้อผิดพลาด ภายนอกดูเป็นคนเจ้าสำราญ ด้วยข้างกายมีชายาเอกที่งามราวกับนางสวรรค์และนางสนมอีกนับไม่ถ้วน จึงกล่าวได้ว่าองค์ชายรัชทายาทมีชีวิตความเป็นอยู่ที่น่าอิจฉากว่าทุกบุรุษในใต้หล้า ทว่าเรื่องรัชทายาทสืบสกุลกลับเป็นเรื่องเดียวทำให้ชื่อเสียงของเขายังคงมีตำหนิอยู่บ้าง “งานเขียนตำราของเจ้าเป็นอย่างไร ไม่เห็นนำมาให้ข้าอ่านชมดูบ้าง” หวังเจี้ยนผิงถามน้องชายหลังจากส่งองค์หญิงตัวน้อยให้กับแม่นม ใบหน้าที่หยอกเย้าบุตรสาวเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม