EP01
-ลิ้มรสรักครั้งที่1-
“รู้ไหมว่าพี่คิดถึงส้มจี๊ดม๊ากมาก ทำไมไม่มาร้านไอ้โตมันบ้างล่ะครับ”
พี่ยูยะบ่นอุบนับตั้งแต่ฉันมาถึงที่ร้าน
“นี่ถ้าพี่ไม่จัดวันเกิดที่ร้านไอ้โต คนไม่มีโอกาสได้เจอหน้าส้มจี๊ดแน่เลยอ่ะ”
“พี่ยูยะก็พูดไปเรื่อย เราก็คุยกันอยู่ทุกวันนี่คะ” หลังจากฟังมานาน ฉันจึงเริ่มพูดบ้าง ส่วนมือยังคงวุ่นวายกับการหยิบถ้วยชามสำหรับใส่อาหารที่พี่โตกับพี่การ์ตูนกำลังไปซื้อ
“ก็เราเป็นแฟนกัน พี่ก็อยากเจอหน้าส้มจี๊ดทุกวันนี่ครับ”
ฉันสะดุ้งเมื่อจู่ๆ พี่ยูยะโผเข้าสวมกอดจากทางด้านหลัง มือของเขาประสานกันบริเวณหัวเข็มขัดนักศึกษา ฉันพยายามไม่สนใจ ยังคงหยิบจับถ้วยชามที่ต้องใช้ต่อไปจนกระทั่งพี่ยูยะโน้มลงมาฉวยโอกาสหอมแก้มฟอดใหญ่ พานให้ต้องเบี่ยงตัวหลบเพราะรู้สึกไม่ชิน
“พี่ยูยะอย่า มันจักจี้”
“จักจี้อะไรล่ะ พี่หอมแก้มนะไม่ใช่จี้เอว”
“นั่นแหละค่ะ หนวดพี่มันโดนแก้มหนู”
“งั้นส้มจี๊ดก็โกนหนวดให้พี่สิ เวลาหอมแก้มส้มจี๊ดจะได้ไม่จักจี้” ยังไม่ทันตอบอะไร พี่ยูยะก็รีบยิงลูกอ้อนพร้อมเปิดการ์ดเจ้าของวันเกิดทันที “นะๆๆๆ วันนี้วันเกิดพี่นะส้มจี๊ด”
“ค่ะๆ เดี๋ยวหนูโกนหนวดให้ แต่พี่ยูยะต้องปล่อยหนูก่อน” ฉันแสร้งทำหน้าดุพลางตีไปตามแขนเบาๆ อย่างมันเขี้ยว ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายยอมปล่อยกอดง่ายๆอย่างที่คิด ด้วยความเป็นคนขี้เล่นและขี้แกล้ง พี่ยูยะจึงแกล้งฉันหนักข้อขึ้น ด้วยการหอมแก้มฉันย้ำๆ จงใจเอาหนวดแหลมๆ มาถูกแก้มให้รู้สึกจักจี้ไปหมด
ฉันกับพี่ยูยะคบกันมาจะ 3 เดือนแล้ว ตามแรงยุของแต้ว เนื่องจากตั้งแต่ถูกพี่โตปฏิเสธตั้งแต่สมัยนั้น ฉันก็ไม่คิดจะมีแฟนอีกเลย ไม่ได้เข็ดหรอกนะก็แค่มัวแต่เอาเวลาไปกีดกันความรักชาวบ้านจนไม่มีเวลาหาให้ตัวเองเท่านั้น
“โดนบ่อยเดี๋ยวก็หายจักจี้ นี่แหนะๆ”
“พี่ยูยะ มันจักจี้ หยุดนะ คิกๆ”
ตึงง!!
เสียงวางกระแทกของหนักลงบนเคาน์เตอร์ทำทั้งฉันและพี่ยูยะซึ่งกำลังหยอกล้อกันอยู่สะดุ้งเฮือกหันมองต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนพบเข้ากับร่างสูง เพื่อนสนิทของพี่ยูยะกำลังยืนยิ้มโดยที่ในมือถือกล่องขวดเหล้าเอาไว้
พี่โตไม่ได้มองฉันแต่กำลังมองเพื่อนรักตัวเองที่กอดฉันอยู่ ก่อนจะพูดประโยคหนึ่งเชิงแซวเราทั้งคู่
“เสียงดังไปถึงหน้าร้านเชียว...”
คราวนี้กลับกลายเป็นฉันที่เริ่มรู้สึกแปลกๆ เมื่อรู้สึกว่าพี่โตเลื่อนนัยน์ตามองจ้องมา โดยคงระยะของใบหน้าหันไปทางเพื่อนตัวเอง และนั่นตามมาด้วยคำพูดสั้นๆ
“ท่าทางจะมีความสุขกันมาก...”
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ ซื้อเหล้าไรมาวะ” พี่ยูยะที่ไม่ได้รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ รีบผละตัวจากฉัน เดินเข้าไปหาพี่โตทันที
“หงส์”
“แหมะ กำลังเซี่ยนพอดี เอาของมาหมดยัง”
“ตูนกำลังถือเข้ามา”
“งั้นกูไปช่วยตูนถือของเข้าดีกว่า” พี่ยูยะเป็นคนมีน้ำใจ พูดเสร็จเขาก็หันมาบอกฉันอย่างขี้เล่น “เดี๋ยวพี่มานะจ๊ะ My Sexy Ladyyy ของพี่~”
“บ้า!” ฉันยิ้มเขิน และรู้สึกว่าความขี้เล่นของพี่ยูยะมันช่างน่าตีจริงๆ แต่แล้วฉันก็ยิ้มได้ไม่นาน เมื่อพี่ยูยะเดินออกไปแล้วทิ้งฉันไว้กับบุคคลที่อยากอยู่ให้ห่างที่สุด
ฉันหันกลับไปเลือกจานชามสำหรับใส่อาหารบนชั้นอีกครั้ง ทำราวกับว่าใครอีกคนซึ่งยืนอยู่ภายในห้องครัวด้วยกันนั้นเป็นแค่ธาตุอากาศ
“ใจคอจะยืนเลือกถ้วยชามอยู่อย่างนั้นจนลูกบวชเลยหรือเปล่าคะ?” ทั้งที่เลี่ยงอย่างสุดๆ แต่ก็ไม่วายถูกเขายียวนใส่อยู่ดี
“ไม่หรอกค่ะ เพราะหนูอยากได้ลูกสาวมากกว่าลูกชาย”
“สมเป็นแฟนไอ้ย๊ะจริงๆ พูดเหมือนกันเปี๊ยบ” การที่เขาพูดเหมือนจงใจคอยย้ำสถานะอยู่ตลอดเวลา เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันไม่อยากคุยกับเขานัก “วันนี้วันเกิดไอ้ย๊ะทั้งที จี๊ดเตรียมไรไว้ให้มันอ่ะ”
“มันเรื่องของหนูกับพี่ยูยะ พี่โตยุ่งอะไรด้วยล่ะ” ฉันแอบกัดเขาเล็กๆพลางเหลือบมองท่าทีอีกฝ่ายจากทางหางตาก่อนพบว่า พี่โตเองก็กำลังวุ่นวายกับการหยิบแก้วจากชั้นวางของเช่นกัน
“ก็พี่เป็นผู้ปกครองของจี๊ด พี่ก็ต้องมีสิทธิ์ถามสิคะ”
“ก็แค่ผู้ปกครอง...ไม่ใช่เจ้าของชีวิตหนูสักหน่อย”
“ปากคอเราะร้ายกับพี่จังเลยนะ...จี๊ดโกรธอะไรพี่เหรอ?”
เหอะ! เขาไม่รู้ตัวจริงๆน่ะเหรอว่าฉันโกรธหรือไม่พอใจอะไร
“ทะ...ที่ถาม เพราะพี่อยากรู้เฉยๆว่าของขวัญที่จี๊ดจะให้ไอ้ย๊ะ ตรงใจมันหรือเปล่าแค่นั้นเอง” พอพูดแทงใจดำเข้าหน่อย เขาก็เปิดการ์ดผู้ชายหวังดี แสร้งพูดเสียงอ่อนแถมยังจงใจบังคับเสียงตัวเองให้สั่นดูน่าสงสารเหมือนจงใจให้คนฟังรู้สึกผิด
เขาจะรู้ตัวไหมว่าเสียงแบบนั้นมันไม่เข้ากับฉายาและรอยสักน่ากลัวตามร่างกายที่เบียดกันจนแทบไม่เหลือผิวจริงให้เห็นสักนิด!
ถ้าถามว่ามันได้ผลไหม ค่ะ! มันใช้ได้ผลกับฉันทุกครั้ง...
“เหรอคะ? ถ้างั้นพี่โตก็บอกหนูสิว่าพี่ยูยะอยากได้อะไร”
“บอกไปจี๊ดก็ให้มันไม่ได้หรอก ไม่บอกดีกว่า” เห็นมะ! เขาก็เป็นเสียอย่างเนี่ย!!
เอาเข้าจริงฉันก็ไม่ใช่แฟนที่ดีนักหรอก ถ้าพี่โตรับฉันมาที่ร้านสักของเขา ฉันก็คงไม่รู้ว่าวันนี้วันเกิดพี่ยูยะเหมือนกัน เพราะเขาเป็นเพื่อนรักกันมาหลายปี ฉันจึงต้องไว้หน้าพี่โตสักหน่อย การตีเนียนแสร้งเป็นจำวันเกิดหรือเรื่องการเตรียมของขวัญไว้แล้ว เลยเป็นสิ่งที่ฉันเลือกพูดหรือทำเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียด
“แฟนทั้งคน ทำไมหนูจะให้ไม่ได้ พี่โตไม่รู้อะไรก็อย่าพูดให้หนูเสียหายสิคะ...” ฉันบอกเขาแบบไม่คิดอะไร จังหวะเดียวกัน ฉันก็เลือกลายถ้วยชามสำหรับเลี้ยงฉลองให้เข้าชุดกันเสร็จพอดี จึงตัดสินใจที่จะขนไปจัดวางที่โต๊ะสำหรับกินเลี้ยง ส่วนปากก็ยังพูด “สรุปแล้ว...พี่ยูยะเขาอยากได้อะไรเหรอคะ...อ๊ะ!”
ร่างกายชะงักงันด้วยความตกใจ เพราะไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พี่โตพาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังฉันแบบนี้ ทั้งที่ตอนแรกเขายังยืนหยิบแก้วอยู่บริเวณทางเข้าครัวห่างจากจุดที่ฉันยืนอยู่แท้ๆ
อีกเรื่องที่ฉันเกลียดที่สุดเวลาต้องอยู่ใกล้พี่โตแบบนี้ก็คือ การที่ต้องมองตาที่อ่านค่าไม่ออกของเขา รวมไปถึงระยะห่างและความใกล้ชิดแบบทีเล่นทีจริงที่เขาใช้หยอก
เพราะแบบนี้...ทุกครั้งฉันเลยเลือกเป็นฝ่ายหลบสายตาไปจากเขาก่อนเสมอ ฉันไม่อยากเห็นแววตาที่สะท้อนภาพของตัวเองที่อีกฝ่ายพยายามบอกและย้ำตลอดเวลาว่าเราเป็นอะไรกัน
“ถะ ถอยสิคะ หนูจะเอาของไปวางที่โต๊ะ” ทว่า ครั้งนี้มันดันไม่เหมือนกับทุกที เพราะพี่โตไม่ยอมหลบ แถมเขายังไม่หัวเราะคิกคักอย่างคนอารมณ์ดีต่อหน้าฉันแบบทุกครั้ง นอนจากจะไม่หลีกทางให้แล้ว เขายังทำให้ระยะห่างระหว่างเราหดสั้นลง
กึก!
คนตัวใหญ่วางมือสองข้างบนเคาน์เตอร์ด้านหลัง กักขังฉันไว้ในวงแขนกว้างเหมือนไม่อยากปล่อยไปไหน พี่โตตีหน้านิ่งก่อนทำเรื่องน่าตกใจ เมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าเข้ามาใกล้พานให้คนถูกกระทำเผลอเกร็งตัวตามระยะห่างที่ย่นลงอย่างรวดเร็วแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทั้งที่อยากหลบสายตา แต่สุดท้ายการกระทำของเขามันก็ทำให้ฉันต้องเหลือบมองเขากลับไปอีกครั้งอยู่ดี
“อยาก...” แค่วลีสั้นติดกระซิบของเขาแค่นั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฉันเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ว่าเขายังพูดต่ออีก “อยากได้ส้มจี๊ด...”
เขาเขย่าใจฉันให้เต้นโครมครามด้วยวลีบ้าๆ 4 พยางค์ ไม่ใช่แค่นั้นแต่ยังทำท่าโน้มตัวเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่จริงจังเหมือนว่าสิ่งที่เขาพ่นออกมาเมื่อครู่คือความต้องการของตัวเอง
“พะ พี่โตคิดจะทำอะไร!?” ฉันส่งเสียงท้วงแต่ก็ยังเอี้ยวตัวหลบการโน้มเข้าใส่ของเขาอยู่ดี
ไม่มีเสียงตอบจากคนตัวใหญ่ มีแค่การเคลื่อนไหวเข้าใกล้จะระยะห่างระหว่างเราหดสั่นลงชนิดที่รู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่าลดลงข้างแก้มเลยก็ว่าได้
“หยะ หยุดนะ!” ฉันปรามเป็นหนที่สองพลางเบี่ยงหน้าหลบการกระทำของอีกฝ่ายพร้อมทั้งหลับตาปี๋เพราะไม่กล้าที่จะมองนัยน์ตาคมซึ่งเวลานี้อยู่ในระยะประชิด
หนะ นี่มันใกล้เกินไปแล้วนะ!
“อยากได้สมจี๊ดเป็นแฟน...” หัวใจทำงานหนักยิ่งกว่าเก่า เมื่อคนตัวโตตรงหน้าเอ่ยกระซิบคำพูดคล้ายเดิมแต่แล้วทุกอย่างก็ฟ่อลง เมื่อเขาพูดประโยคต่อมา “เอ๊ะ!? ไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า ตอนนั้นไอ้ย๊ะพูดว่าไรนะ พี่ลืมไปแล้ว...”
ประโยคยืดยาวของพี่โตไม่ได้ทำให้ความรู้สึกฉันตายลงอย่างช้าๆอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงการที่เขาผละตัวออกไปแล้วทำหน้าครุ่นคิดราวกับเรื่องของขวัญวันเกิดเพื่อนคือเรื่องสำคัญ
โอเค! การที่เขาให้สำคัญกับวันเกิดพี่ยูยะ มันไม่ผิดอะไร เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกันมานาน มันก็สมควรแล้วที่พี่โตจะใส่ใจ แต่ฉันไม่โอเคกับรอยยิ้มและท่าทางของเขาซึ่งทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่ยังใช้แขนขังตัวฉันไว้ในระยะใกล้ชิดแบบนี้
“อ้าวนั่น...” โดยเฉพาะกับคำถามที่ถามเหมือนไม่รู้ว่าฉันกำลังคิดและรู้สึกอะไร “จี๊ดหน้าแดงแจ๋เลย ไม่สบายเหรอคะ?”
พี่โตเป็นคนขี้แกล้ง ชอบแกล้งฉันกับแต้วอยู่บ่อยๆเพราะเป็นน้องสาว แต่ครั้งนี้เขาแกล้งฉันแรงเกินไป
“พี่พาไปหาหมอไหมคะ ช่วงนี้ไข้หวัดยิ่งระบาดอยู่...”
“อย่ามายุ่งกับหนู!” ฉันตะคอกเสียงขัดแบบไม่ฟังคำพูดเป็นห่วงเป็นใยที่เขาเองก็น่าจะรู้ดีว่ามันไม่ใช่
พี่โตเงียบไปทันทีเมื่อเหตุการณ์เช่นนั้น ส่วนฉันก็ไม่รอช้ารีบละมือข้างหนึ่งจากถ้วยชามที่ถืออยู่ผลักอกเขาอย่างแรงจนอีกฝ่ายถอยไปไกลจนแผ่นหลังชิดกับโต๊ะอาหารกลางห้อง เชื่อเถอะลำพังแค่แรงเล็กน้อยจากฉัน ไม่ได้สามารถทำเขาเซไปไกลได้ขนาดนั้น แต่พี่โตเลือกที่จะถอยออกไปเองเสียมากกว่า
บรรยากาศภายในห้องครัวที่เปลี่ยนไป ทำฉันเดินออกจากห้องครัวไปพร้อมถ้วยชามภายในเวลาไม่ถึงนาที ไม่ได้มองหรือสนใจเขาด้วยซ้ำว่าจะโกรธหรือไม่ที่ถูกตะคอกใส่ เพราะตอนนี้ฉันโกรธเขามากจริงๆ
โกรธที่ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็แกล้งและมองฉันเหมือนเด็ก
โกรธที่เขาเมินความรู้สึกที่ฉันมีให้แต่ก็ยังหมั่นคอยดูแลเอาใจใส่ เป็นห่วงเป็นใย เหมือนมีใจให้กัน
อันที่จริงก็พอรู้นะว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์โกรธเขาด้วยซ้ำ เพราะมันก็แค่การแกล้งกันตามประสาพี่กับน้อง แต่ในทางกลับกันฉันก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องความรู้สึกของตัวเองที่เขาเห็นและทำเหมือนเป็นของเล่นไม่ใช่หรือไง?
อยากโกรธ อยากเกลียดเขาได้มากกว่านี้จริงๆให้ตายสิ!