บรื้นนนนนนนนนน
รถสองคันออกตัวอย่างสูสี เสียงกรี๊ดและเชียร์ดังลั่นแต่ไม่สามารถกลบเสียงของเครื่องยนต์ได้
สองสายตาเพื่อนสนิทอย่างเพลิงและพายุที่อยู่ข้างสนามจดจ่อไปที่รถของทั้งสองคันที่กำลังวิ่งแข่งขันกันบนสนามแข่ง หากไม่คิดไปเองครั้งนี้คนขับฝ่ายท้าแข่งดูมีทักษะที่ต่างไปจากครั้งก่อน ๆ มาก พวกเขาจำได้ดีเพราะเคยแข่งกันมาแล้วหลายสิบรอบ และทุกรอบคู่อริที่ท้าแข่งก็มีทักษะเฉพาะตัวจนเขาจำกันได้ แต่ครั้งนี้ต่างกัน! ตั้งแต่การออกตัว ดิฟท์เข้าโค้ง ทักษะต่าง ๆ ที่ใช้ แตกต่างจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด!
จวบจนใกล้ถึงรอบเส้นชัย เมื่อถึงโค้งสำคัญในการตัดสิน จากที่เพลิงและพายุนั่งมองอยู่ขอบสนาม ทั้งสองไม่อาจจะนั่งติดเก้าอี้ได้อีกต่อไป
ตอนนี้ไฟขับนำคู่แข่งอยู่ แต่ไม่นานคันด้านหลังก็ไม่ยอมแพ้ไล่บี้หวังแซงเพื่อขับนำให้ได้แต่ไม่เป็นผล
เมื่อถึงโค้งวัดใจโค้งสุดท้ายเขาก็จะเข้าเส้นชัยได้เป็นคนแรก อีกเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
แต่ทว่า...
ช่วงโค้งอันตรายนั่น ไฟกลับเสียจังหวะ จู่ ๆ คู่แข่งใช้ทักษะดริฟเข้าโค้งเร่งจังหวะไล่ช่วงชิงอันดับขับนำเขาได้สำเร็จพร้อมกับวิ่งเข้าเส้นชัยไปต่อหน้าต่อตา!
“เชี่ย!!”
ไฟอึ้งตาค้างกับทักษะดริฟเมื่อครู่ที่สามารถแซงนำรถเขาเพื่อเข้าโค้งจนล้อเกิดเป็นควัน ทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่อีกจะทำได้ เพราะแข่งกันมาไม่รู้กี่รอบก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะดริฟเทพอย่างนี้ได้สักครั้ง
“เชี่ยเอ๊ย” เสียงไฟสบถอย่างหัวเสีย หงุดหงิดกับความชะล่าใจของตัวเอง เมื่อรถจอดสนิท ไฟก็ยังหัวเสียไม่หาย เขาถอดหมวกกันน็อกออกพร้อมกับหันไปบอกเพื่อนชายทั้งสองที่กำลังวิ่งเข้ามาหา
“เกิดเหี้ยไรขึ้นวะ” พายุรีบวิ่งเข้ามาถามด้วยความสงสัย จังหวะเมื่อกี้เพื่อนชายของเขาพลาดท่าเสียเองหรือเพราะอีกคนเก่งขึ้นกันแน่
“ไม่รู้! มึงจัดการที่เหลือต่อด้วย” ไฟตอบอย่างหงุดหงิด เขาหัวเสียเป็นอย่างมากก่อนจะเอ่ยบอกให้เพลิงและไฟ ไปจัดการส่งมอบรถให้อีกฝ่ายตามคำขอก่อนที่ตัวเขาจะเดินขึ้นไปยังห้องพักท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้ที่เข้ามาเชียร์
โคตรจะหัวเสียให้กับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้
และที่สำคัญ!
โคตรจะหัวเสียที่ต้องสูญเสียรถคันโปรดที่ถูกใช้เป็นสิ่งเดิมพันให้กับคู่แข่งไป
“กูเอารถของกูคืนแน่ ไอสัส มึงกับกูได้เจอกันอีกแน่” ไฟกัดฟันกรอด! ก่อนจะเดินออกไปจากสนาม
เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลงรู้ผลแพ้ชนะ ฝ่ายท้าแข่งล้มที่หนึ่งของสนามได้สำเร็จ กลายเป็นแชมป์ที่หนึ่งของสนามเสียงโห่ร้องให้กับอดีตแชมป์ดังกึกก้องไปสนาม ผู้คนที่เข้ามาดูต่างรู้สึกถึงชัยชนะต่างกันออกไป
เว้นก็แต่...
คู่แข่งปริศนาในชุดนักแข่งสวมหมวกกันน็อกมิดชิดก้าวลงจากรถที่เข้าเส้นชัยเป็นคันแรก ก่อนจะเดินมุ่งไปยังรถตู้กระจกทึบที่อยู่ภายใต้อาคารสนามแข่งปลอดจากสายตาผู้คน โดยไม่สนใจสิ่งรอบตัวเลยสักนิด
เพราะหน้าที่ของ ‘เธอ’ หมดลงแล้ว
เรื่องแพ้ชนะเธอไม่สน สนแค่เพียง...หน้าที่ของเธอจบ
ปัง!
“ทำดีมาก เกินความคาดหมาย ไม่คิดว่าเธอจะชนะมันได้ด้วย” เมื่อฉันขึ้นมาบนรถตู้ที่จอดรออยู่ก็พบกับคนที่จ้างวานให้ฉัน มาแข่งแทน
ใช่ ฉันสวมรอยเข้ามาแข่งในครั้งนี้ ก็เพื่อ...
“ไหนล่ะเงิน”
เพื่อเงิน...คือสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดในตอนนี้ไม่ว่าจะแลกมาด้วยอะไรก็ตาม
ไม่ว่าสิ่งที่ทำจะอันตรายหรือเสี่ยงตายแค่ไหน
ขอแค่ได้เงินมาก็พอ
….
-ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อน-
เหตุผลที่ฉันต้องทำอย่างนี้ก็เพราะว่า...พ่อฉันเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน และได้รู้สิ่งที่ทำให้ฉันช็อกมากที่สุดในชีวิตก็คือ พบว่าพ่อ...เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน
เป็นอะไรที่ฉันตั้งตัวตั้งรับมันไม่ทัน ในตอนนั้นฉันมืดแปดด้านไปหมด โลกทั้งใบเหมือนพังทลายลงมาในทันที แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมาทำให้ฉันมีแรงสู้ต่อ ในเมื่อเรามีกันแค่สองคนพ่อลูกฉันจะไม่ปล่อยให้พ่อเป็นอะไรไปเด็ดขาด
แต่ทว่า...สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเงินที่ต้องใช้รักษาพ่อ ลำพังเงินเก็บที่มีก็ไม่เพียงพอ เพราะพ่อต้องผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจให้เร็วที่สุด ฉันต้องหาเงินมารักษาพ่อให้ได้ แต่...ค่ารักษาเฉียดล้านขนาดนั้นฉันจะหาจากที่ไหนได้
และในตอนที่ฉันกำลังนั่งกลุ้มใจอยู่ที่ระเบียงหลังห้องของพ่ออยู่นั้น ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือเพราะโชคช่วยกันแน่ เมื่อหูฉันไปได้ยินคนไข้ห้องข้าง ๆ กำลังพูดถึงเรื่องหาคนมาแข่งรถแทน เพราะคนที่ต้องลงแข่งนั้นประสบอุบัติเหตุกะทันหัน
ในตอนนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แค่ฟังไปผ่าน ๆ เพราะเข้าหูมาเอง ความบังเอิญไม่มีอยู่จริงแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี เพราะสนามแข่งที่ใช้แข่งคือสนามที่พ่อฉันทำงาน ก่อนที่จะออกมารักษาตัวเพราะป่วยทำงานต่อไม่ไหว พ่อฉันเป็นช่างประจำสนามที่นั่นและพ่อก็เคยสอนฉันขับรถเล่น ๆ ตอนTest Drive แถมยังเคยสอนเทคนิคต่าง ๆ ในการดริฟเข้าโค้งกับฉันอยู่บ้าง
ฉันเลยคิดว่า ถ้าฉันรับแข่งแทนล่ะ
ใช่! ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งความรู้เหล่านั้นจะได้นำมาใช้จริง แต่เพื่อเอาเงินมารักษาพ่อ ไม่ว่าอะไรฉันก็ยอมทำทั้งนั้น
….
“ลูกพี่กูให้มึงสองเท่าเลย เก่งนี่ เอาชนะมันได้ด้วย” คนตรงหน้ายิ้มอย่างชอบใจที่ฉันชนะมาได้ ก่อนจะยื่นซองสีน้ำตาลให้
“ค่อยคุ้มหน่อย” จากที่ตกลงกันไว้สองแสนฉันได้มาสี่แสนเพราะแข่งชนะ
ฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะขับชนะคนที่เป็นแชมป์มาได้ เพราะความรู้จากพ่อที่เคยสอนฉันไว้แท้ ๆ ฉันถึงได้เงินเพิ่มมาอีกเท่า ถึงแม้มันยังไม่ถึงครึ่งของค่ารักษาก็ตาม แต่ก็ได้จ่ายก้อนแรกให้พ่อได้ผ่าตัดไปก่อนก็ยังดี
“เปลี่ยนเสื้อผ้ามันในนี้แหละ กูจะลงไปรอ” คนจ้างเอ่ยบอกพร้อมกับทำท่าจะลุกลงจากรถ
“ไม่เป็นไร” ฉันรีบเอ่ยห้ามออกไป
ในตอนนี้แม้แต่หมวกกันน็อกฉันก็ยังไม่ถอดเพราะเซฟตัวเองอยู่ ทั้งเซฟจากคนภายนอกและเซฟตัวเองจากพวกมัน ฉันไม่เคยเผยหน้าจริงให้พวกมันเห็น เพราะทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากันฉันจะใส่เสื้อฮู้ดสวมหมวกและใส่แว่นกันแดดรวมทั้งแมสปิดมิดชิด
ฉันก็แค่…ไม่อยากให้พวกมันรู้ว่าฉันเป็นใครเพราะมันจะเป็นอันตรายต่อตัวฉันในอนาคตก็เป็นได้
“ไม่ได้ มึงลงไปคนเขาก็เห็นสิ”
“ฉันไม่ได้โง่ ที่จะเดินไม่หลบคน”
และก็คงไม่โง่กว่าที่จะเปลี่ยนชุดในรถของพวกมัน พวกมันอาจจะซ่อนกล้องแอบถ่ายไว้แบล็คเมล์ฉันก็ได้ใครจะรู้
“อย่าลืมนะเว้ย ว่ามึงต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ” พร้อมกับกำชับขึ้นมาอีก
“ต้องให้ฉันบอกอีกกี่รอบ ว่าฉันไม่ได้โง่” พูดเสร็จฉันก็สะบัดตัวลงจากรถของพวกมัน เพื่อเดินหาห้องน้ำของสนามที่มีคนใช้น้อยที่สุด ด้วยเพราะฉันมาที่นี่กับพ่อประจำเพราะฉะนั้น รู้ดีว่าโซนไหนค่อนข้างอับผู้คน
ปัง!
เมื่อเข้ามาในห้องน้ำ ฉันรีบจัดการล็อกกลอนประตูและถอดหมวกกันน็อกออกทันที
อันดับแรกคือเช็กเงินในซองว่าครบไหม
แต่…เฮ้อ
“ยังเหลืออีกตั้งครึ่งจะหาจากที่ไหนล่ะมีอา”