“ดีสิครับ นานๆ ที่ผมจะได้หยุดพักผ่อน ดื่มนิดหน่อยไม่เป็นอะไรหรอก อีกอย่างลูกน้องผมก็บอกว่าอากาศหนาวๆ แบบนี้มันต้องดื่มครับ ร่างกายจะได้อบอุ่นขึ้นมาหน่อย”
“จริงหรือค่ะพี่กลาง ไม่ใช่ว่าวางแผนอะไรอยู่นะคะ” เพียงตะวันเอ่ยล้อแฟนหนุ่ม
“ไม่มีหรอกครับน้องแก้ม อีกอย่างคนที่ชวนดื่มเหล้าก็เป็นน้องอร ไม่ใช่พี่”
ก้องภพบอกตัวการของการดื่มเหล้าครั้งนี้ และเขาเองก็คิดว่าพินทุอรเป็นคนชวนนะดีแล้ว เพราะมันจะดีกว่าเขาชวน ไม่อย่างนั้นก็คงจะถูกแฟนสาวเข้าใจผิดอีก นี่ขนาดเขาไม่ได้เป็นคนชวนดื่มเหล้า สาวเจ้ายังเข้าใจว่าเป็นฝีมือเขาเลยแถมยังหาว่าเขากำลังวางแผนที่จะทำอะไรเสียอีก
“อรหรือค่ะ”
เพียงตะวันเหมือนจะไม่อยากจะเชื่อกับคำตอบของแฟนหนุ่ม แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะในบรรดาเพื่อนทั้งหมดของเธอพินทุอรนี่แหละดื่มเหล้าเก่งที่สุด รองลงมาก็คาร่าแล้วก็เธอ ส่วนปิยะดานั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเธอเคยขยั้นคะยอให้ดื่ม แต่ปิยะดาก็ปฏิเสธมาตลอด สรุปว่าในกลุ่มของพวกเธอมีแต่ปิยะดาคนเดียวเท่านั้นที่ไม่แตะของที่มีแอลกอฮอร์
“ใช่แล้วครับ พี่ว่าตอนนี้พวกเราน่าจะไปเตรียมแก้วกับกับแก้มสักสองสามอย่างน่าจะดี อีกไม่นานสุเมธกับนิมิตก็น่าจะกลับมาแล้ว”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ งั้นพวกเราไปหาแก้วกับกับแก้มมาเตรียมเอาไว้ดีกว่าค่ะ”
“โอเค! งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ” ก้องภพเอ่ยชวนทั้งสองสาว
“ค่ะพี่กลาง/ค่ะคุณกลาง”
เพียงตะวันกับคาร่าตอบ ก่อนจะลุกตามก้องภพไป ทิ้งเอาไว้แค่ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนหลบมุมอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ สายตามองไปยังร่างสูงโปร่งอย่างมาดหมาย
ยังไงคืนนี้เขาก็จะต้องจัดการพาศัตรูหัวใจของเจ้านายไปขังเอาไว้ที่เกาะสมุยสักพัก รอให้เจ้านายหนุ่มกับแฟนสาวตกลงเรื่องแต่งงานกันได้เสียก่อน แล้วเขาจะปล่อยให้กลับอเมริกา
“ยังไงคืนนี้คุณก็เสร็จผมแน่”
/////////////
20 : 40 นาฬิกา
ภาสกรเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่เปลือยเปล่า เนื่องจากเขายังอาบน้ำไม่เสร็จเพราะเจ้าเครื่องมือสื่อสารรุ่นร้องดังขึ้น อาจเพราะเสียงเพลงเรียกเข้าที่เขาตั้งเอาไว้เมื่อหลายเดือนก่อนนั่นเอง เลยทำให้เขารู้ว่าเจ้าของเบอร์ที่โทรมาหาเขาเป็นใคร
ร่างสูงรีบสาวเท้าเดินตรงมายังหัวเตียงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดแล้วก็อดนึกถึงคนตัวเล็กของเขาไม่ได้ คิดถึงจะแย่แต่ก็ติดงานลงไปหาไม่ได้ ส่วนสาวเจ้าก็มัวแต่ยุ่งกับงานที่รีสอร์ทจนไม่มีเวลาขึ้นมาหาที่เชียงใหม่ และยังมีศัตรูตัวฉกาจอีกคนที่อยู่ข้างกาย
ไม่รู้ว่าป่านนี้คนสนิทของเขาจะจัดการไปถึงไหนแล้ว เพียงไม่กี่ก้าวชายหนุ่มก็เดินไปหยุดอยู่หัวเตียงพร้อมกับยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วก็กดรับสายก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ว่าไงครับหนูอร คิดถึงพี่เหรอครับถึงได้โทรฯ มา”
พินทุอรฟังปลายสายพูดด้วยสีหน้าขุ่นขวาง พอรับสายก็เลี่ยนมาเชียว ถามมาได้ว่าคิดถึงไหมก็คิดถึงน่ะสิถึงได้โทรศัพท์มาหา ใจจริงเธอก็อยากขึ้นไปหาเขาที่เชียงใหม่นั่นแหละ แต่ติดที่ว่าตอนนี้บิดามารดาไม่อยู่ แล้วคาร่าก็ยังอยู่กับเธอ หากเธอไปหาเขาก็ต้องพาคาร่าไปด้วย ซึ่งเธอคิดว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย
หากเธอจะพาผู้หญิงที่ภาสกรไม่ชอบหน้าไปด้วย คราวก่อนเธอเห็นสายตาของเขายามมองคาร่า มันช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร เพราะเหตุนี้นี่แหละ เธอถึงไม่เคยคิดที่จะพาคาร่าขึ้นเชียงใหม่ หรือถ้าเธอจะไปจริงๆ ก็คงจะไปคนเดียว
“ว่ายังไงครับหนูอร คิดถึงพี่หรือครับถึงได้โทรมาหาพี่คืนนี้”
“ถ้าไม่คิดถึงนี่โทรฯ ไปหาไม่ได้ใช่ค่ะ”
พินทุอรถามกลับไปอย่างงอนๆ นี่ถ้าอยู่ใกล้จะข่วนให้หน้าเละ ชอบพูดให้เธออารมณ์เสีย หากไม่คิดถึงเธอก็โทรศัพท์ไปหาเขาไม่ได้หรือยัง เอะ! หรือว่าเขาแอบนอกใจเธอไปมีคนอื่น
“พี่กรอยู่ที่ไหนค่ะเนี่ย”
“พี่หรือครับ เอ้...หนูอรอยากให้พี่อยู่ไหนดีล่ะครับ”
ภาสกรยังกวนอารมณ์แฟนสาวไม่เลิก นี่คงคิดล่ะสิว่าเขากำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่แน่ๆ ถึงได้มาถามเขาแบบนี้ ทีตัวเองละหายไปเป็นเดือน จะโทรศัพท์หาเขาบ้างก็ไม่มี คงมีแต่เขานี่แหละที่โทรศัพท์ไปหาหญิงสาวตลอด แบบนี้มันน่าแกล้งเสียให้เข็ด
“ถ้าอย่างนั้นพี่กรรู้หรือเปล่าล่ะค่ะว่าอรอยู่ที่ไหน”
พินทุอรเอ่ยรวนกลับไป ใบหน้าคมสวยเริ่มบึ้งเล็กน้อยกับนิสัยขี้เล่นของแฟนหนุ่ม แค่เธอไปขึ้นไปหาแค่นี้ คิดจะหาเรื่องเธอเลยหรือไง ถ้าอยากมีเรื่องเดี๋ยวเธอจัดให้
“แล้วน้องอรอยู่ที่ไหนล่ะครับตอนนี้”
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหญิงสาวอยู่ไหน ในเมื่อคนสนิทของเขาอยู่ที่นั้นและคืนนี้แหละยัยตัวมารความรักของเขาก็จะถูกจัดการให้หายไปจากชีวิตของเขากับพินทุอรเสียที เตือนแล้วไม่ฟังมันก็ต้องใช้แผนนี่แหละ ภาสกรหัวเราะออกมาเบาๆ กับแผนการที่เขาคิด
“ไม่ต้องการนอกเรื่องเลยนะคะพี่กร ตอบอรมาก่อนว่าพี่กรอยู่ไหน”
“พี่เหรอครับ”
“ค่ะ! ตอบมาได้หรือยังค่ะพี่กร”
พินทุอรเริ่มเสียงเขียว มือเล็กกำมือถือเครื่องจิ๋วเอาไว้แน่น นึกโกรธตัวเองที่ดันเชื่อเพียงตะวัน ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่โดนตาแก่จอมกวนคนนี้แกล้งหรอก
“ไม่เอาน่าหนูอร ทำไมต้องทำเสียงเขียวใส่พี่ด้วยล่ะครับ พี่แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง คือพี่กำลังอาบน้ำอยู่ พอได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง พี่ก็วิ่งออกมารับทันทีแต่พี่ดันลืมพันผ้าเช็ดตัวออกมาด้วย ตอนนี้หนาวจะแย่แล้ว
เฮ้อ...หนาวกายนะไม่เท่าไร แต่หนาวใจนี่สิ ใครจะมาช่วยห่มใจให้พี่น่า”
ภาสกรพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า เขานึกสภาพของแฟนสาวไม่ออกเลยว่าตอนนี้จะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เขาพูด หากให้เดา สาวน้อยจอมแสบของเขาคงจะอายจนหน้าแดงหรือไม่ก็ทำตาเขียวใส่เขาแน่นอน
“ตาแก่บ้า! แล้วจะพูดทำไม ไม่อายผีสางเทวดาบ้างหรือไง เดินออกมาแบบนั้น”
พินทุอรแว้ดกลับเสียงเขียว ใบหน้าคมสวยแดงระเรื่อไปกับคำพูดของอีกฝ่าย เนื่องจากเธอดันนึกสภาพตอนที่เขาวิ่งออกมารับโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้สวมอะไรออกมาจากห้องน้ำ
“ก็พี่รับนี่นา นานๆ ทีหนูอรจะโทรฯ มาหาพี่”
“ก็อยากโทรฯ หาหรอกค่ะ แต่กลัวจะได้ใจ”
คนอยากโทรศัพท์หาทุกวัน บอกอย่างเก้อเขิน ใจจริงเธอก็อยากจะโทรศัพท์ไปคุยกับเขาทุกวัน แต่ถ้าหากเธอโทรฯ ไปทุกวัน เดี๋ยวเขาก็รู้สิว่าเธอรักเขาแค่ไหน นี่ถ้าไม่ติดว่าเธออยากเอาคืนเขาบ้าง เธอคงรับคำขอแต่งงานจากเขาไปนานแล้ว
“แต่ตอนนี้อรว่าพี่กรไปหาเสื้อผ้าใส่ก่อนดีไหมค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวพี่จะเข้าไปอาบน้ำต่อ ว่าแต่เมื่อไหร่หนูอรจะขึ้นมาถูหลังให้พี่สักทีล่ะครับ รอมานานแล้วนะ หรือว่าไม่อยากถูหลังให้พี่อีก”
“ไม่ต้องมาทะลึ่งเลยนะคะพี่กร ใครมาได้ยินเข้าเดี๋ยวอรจะเสียหาย”
ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งหน้าแดง ไม่รู้ว่าภาสกรกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้พูดแบบนี้กับเธอ กี่ครั้งแล้วที่เขาอยากให้เธอไปถูหลังให้ โชคดีแค่ไหนที่เขาอยู่ในห้อง เรื่องที่เขาเคยอาบน้ำให้เธอเมื่อสี่ปีก่อนก็คงยังเป็นความลับ พินทุอรคิดถึงเรื่องในอดีตแล้วก็ต้องหน้าแดงซ่าน สายตาคู่สวยเริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ ที่เธอยืนอยู่ อย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตของเธอ
เกิดคนของบิดามาได้ยินเข้าแล้วเธอจะทำยังไง ดีไม่ดีบิดาอาจจะเกลียดภาสกรไปมากกว่านี้ ที่สำคัญเธอรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างบิดากับแฟนหนุ่มนั่นไม่ค่อยดีนัก อาจเพราะเขาอายุมากกว่าเยอะ บิดาก็เลยคิดว่าไม่เหมาะสม และกลัวว่าชายหนุ่มจะไม่จริงใจกับเธอ ส่วนมารดานั่นไม่ต้องพูดถึงเพราะความคิดของเธอแตกต่างจากบิดามากมาย
มารดาของเธอคิดว่าแฟนหนุ่มเหมาะสมที่จะแต่งงานกับเธอ ด้วยความที่แฟนหนุ่มค่อนข้างจะอ่อนข้อให้กับมารดา และด้วยเหตุผลนี่แหละที่มารดาอยากได้เขามาเป็นลูกเขย
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...