ในห้องนอนอากาศไม่โกรกเท่าระเบียงหลังบ้าน ถ้าอยู่เฉยๆ ก็ไม่ร้อนมาก ฉันไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแต่นั่งเหยียดขาอยู่กับพื้นติดหน้าต่างพลางเล่นโทรศัพท์ ตอนแรกตั้งใจจะคุยกับแฮค แต่พอเปิดเข้าไปก็ไม่รู้จะคุยอะไร สุดท้ายฉันก็ไม่ได้พูดอะไรกับแฮค กดเลื่อนหน้าจอไปเรื่อยๆ ดูโน่นดูนี่กระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ฉันเดินมาเปิดประตูก่อนจะเห็นเรซยืนหน้าตึงอยู่ด้านนอก
“เรซ?” ฉันทั้งสงสัยทั้งแปลกใจ “มีอะไรหรือเปล่า”
“ไปค้างข้างนอก”
“ห๊ะ!?” ฉันอึ้งและมึนไปชั่วขณะ ก่อนจะถูกเรซกำชับมาอีกรอบถึงได้สติ รีบร้อนเข้ามาเก็บของแล้วตามเขาออกไป
ถึงจะบอกเก็บของ แต่สิ่งที่ฉันได้ติดตัวมาก็มีแค่เสื้อคลุม กระเป๋าสะพายกับโทรศัพท์เท่านั้น เราช่วยกันดับเทียนทุกเล่มก่อนนั่งรถจากเซฟเฮาส์ที่มืดสนิทสู่ท้องถนนที่พร่างพราวด้วยแสงไฟ
“นายจะพาฉันไปไหน”
ฉันจ้องใบหน้าด้านข้างของเรซอย่างรอฟังแต่เรซกลับเงียบใส่ ท่าทางเคร่งขรึมเหมือนจมอยู่ในความคิดของตัวเอง บางทีเขาอาจจะไม่ได้ยินเสียงฉันเลยก็ได้ ฉันทอดถอนใจ ความเงียบเหมือนเป็นสัญญาณประจำตัวเรซไปแล้ว เป็นแบบนี้บ่อยๆ ก็ขี้เกียจพูดซ้ำ
ฉันเบือนหน้าออกมามองนอกกระจก ไม่อยากสนใจแล้วว่าจะถูกพาไปที่ไหน ยังไงฉันก็ไม่อยู่ในสถานะที่จะเลือกอะไรได้อยู่แล้ว
รถแล่นเข้ามาในลานจอดรถของคอนโดหรู ฉันมองไปรอบๆ อย่างสงสัย หันไปมองคนข้างๆ “ที่นี่คือ?”
“คอนโดฉันเอง”
เรซลงจากรถด้วยท่าทางสบายๆ ฉันกะพริบตาปริบ อยู่ดีๆ ก็ใจสั่นรวนอย่างไม่รู้สาเหตุ รีบเปิดประตูลงจากรถเดินตามเรซเข้าไปข้างใน
ฉันพอเดาได้ว่าเขามีที่พักส่วนตัวแยกจากเซฟเฮาส์แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะพาฉันมา ความจริงเขาควรจะทิ้งฉันไว้ที่เซฟเฮาส์ แล้วกลับมานอนคอนโดคนเดียวก็ได้ แต่เรซไม่ทำ… ฉันมองแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้าอย่างรู้สึกสับสน
“นายคิดอะไรอยู่เรซ ทำไมถึงพาฉันมาคอนโด”
ฉันโพล่งถามระหว่างทาง เรซชำเลืองมองขณะเดินไปข้างหน้า “หรือเธออยากอยู่คนเดียว”
“ไม่ใช่” ฉันงึมงำตอบ มองเรซปลดล็อกประตูแล้วตามเขาเข้ามาข้างใน
“จะอาบน้ำอีกหรือเปล่า” เรซถามหลังจากเดินหายไปทางมุมหนึ่งแล้วกลับออกมาอีกรอบ
ฉันส่ายหน้า
“ห้องนอนอยู่ทางนั้น ถ้าง่วงก็ตามสบาย”
เรซส่งสายตาไปทางทิศที่เขาเพิ่งเดินกลับมา ฉันมองตามแล้วพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ถือโอกาสช่วงที่เรซอาบน้ำ เดินสำรวจรอบๆ
คอนโดเรซกว้างแต่ไม่ซับซ้อน แต่ละห้องกั้นด้วยผนังแบบไม่มีประตู ยกเว้นห้องนอนกับห้องน้ำ ข้าวของทุกอย่างถูกเก็บเป็นระเบียบ สะอาดไร้ฝุ่น สายตาฉันสะดุดเข้ากับรูปถ่ายบนชั้นวางของในห้องนั่งเล่น ในกรอบรูปเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือมีรูปถ่ายเรซในชุดแข่งรถคู่กับผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง ฉันเขม้นมองอย่างประหลาดใจถึงขั้นต้องหยิบมาดูใกล้ๆ …นี่มันไม่ใช่ลูกตาลแต่เป็นใครกัน สำคัญถึงขนาดต้องใส่กรอบโชว์เลยเหรอ
การที่รู้ว่ามีผู้หญิงอีกคนซ่อนอยู่หลังลูกตาล ฉันเองก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง อิจฉาคนในรูปเหรอ …ก็เปล่า แค่สงสัยและอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร เกี่ยวข้องยังไงกับเรซ
เป็นครั้งแรกที่ฉันตระหนักได้ว่าไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเรซเลย ตัวตนจริงๆ ของเรซเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้ สำหรับฉันเรซมีแค่ด้านที่ใจร้ายและเย็นชา
ฉันวางกรอบรูปลงที่เดิม เดินเข้ามาในห้องนอนเรซ มองเตียงกว้างด้วยความรู้สึกคลุมเครือ เสียงเปิดประตูด้านหลังทำให้ฉันหันไปมอง
เรซเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาสวมกางเกงวอร์มขายาวสีเทาสำหรับใส่นอน ส่วนลำตัวท่อนบนเปลือยเปล่า เผยเส้นสายกล้ามเนื้อที่สวยงาม แต่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร มองสบนัยน์ตาคมเข้มนิ่ง
“นายจะให้ฉันนอนบนเตียงเหรอ”
“ใช่ ทำไม”
ฉันมองสบสายตาคมเข้มของเรซ รู้สึกไม่สะดวกใจ ความจริงที่ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันมันเสียดลึกในอก และฉันก็ไม่แน่ใจว่าฉันเป็นอะไรกับเขา ถึงวันนี้เรซจะใจดีเป็นพิเศษแต่รูปถ่ายในห้องนั่งเล่นก็ทำให้ฉันรู้ตัวว่าไม่ได้เข้าใกล้เรซมากขึ้นไปกว่าเดิมเลย
“ฉันนอนโซฟาดีกว่า” ฉันก้มหน้าพูดอย่างห่างเหินแล้วรีบเดินออกมาแต่ยังไม่ทันถึงสามก้าวข้อมือก็ถูกรั้งเอาไว้
“เรซ” ฉันหลุบตามองข้อมือที่ถูกจับหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร ทำไมต้องห้ามไม่ให้ฉันไปนอนโซฟาด้วย
หรือว่า… ฉันมองหน้าเรซด้วยสายตาสั่นไหว ไม่กล้าคิดต่อ ทว่าในดวงตาคมกริบของเรซไม่มีอะไรเลยนอกจากแววตำหนิในความเรื่องมากของฉัน
“กลัวฉันทำอะไรเธอหรือไง”
“ปะเปล่า” แก้มฉันร้อนวูบ รีบปฏิเสธเสียงหลง
“หึ” ได้ยินเสียงเย้ยหยันของเรซเบาๆ ฉันไม่กล้าสบตาเรซเลยไม่รู้ว่าตอนนี้เขามีสีหน้ายังไง “ถ้าอยากนอนขดอยู่บนโซฟาก็ตามใจ แต่บอกไว้ก่อนว่าไม่มีผ้าห่มให้”
เขาปล่อยข้อมือฉันเป็นอิสระ ให้เลือกเอาเองระหว่างเตียงอุ่นๆ กับโซฟาเย็นๆ ฉันไม่อยากเลือก ฉันยืนชั่งใจอยู่นาน ก่อนจะกลั้นใจเดินมาที่เตียง นอนกับเรซ
Zzz…
อุณหภูมิที่พอเหมาะกับฟูกนุ่มๆ ทำให้เผลอหลับแบบไม่รู้ตัว กระทั่งสัมผัสได้ถึงความรัดแน่น พลิกตัวไม่ได้ ฉันปรือตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ แม้จะปิดไฟแล้วแต่ภายในห้องก็ยังมองเห็นรางๆ ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อรู้ตัวว่าตกอยู่ในอ้อมกอดของเรซ
หัวใจฉันกระตุกไหว จำได้ว่านอนริมเตียง แล้วตอนนี้มาอยู่กลางเตียงได้ยังไงแถมยังโดนเรซกอดอีก
“เรซ…”
ฉันดึงมือเขาออกจากเอว เพื่อจะผละออกห่างแต่ยิ่งพยายามเรซยิ่งกระชับอ้อมกอดแน่น ยกขาขึ้นพาดสะโพกหนีบร่างฉันเอาไว้เหมือนเป็นหมอนข้าง
“เรซปล่อยสิ”
Zzz…
มีแค่เสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังกลับมา ท่าทางจะไม่รู้ตัวจริงๆ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้นะ ฉันถอนหายใจยาว ยอมแพ้ที่จะต่อต้าน ปล่อยให้เรซกอดตามใจชอบ ยังไงเขาก็ไม่รู้ตัวอยู่แล้ว
ในฝันเรซ ฉันอาจจะเป็นใครสักคน ไม่ก็กำลังคิดว่ากอดหมอนข้างอยู่จริงๆ ก็ได้ สักพักฉันก็โดนความง่วงงุนเกลี้ยกล่อมและหลับไปในที่สุด
เพราะตื่นเช้าจนชิน ฉันลืมตาขึ้น ภายในห้องยังคงมืดสลัว เอื้อมมือขึ้นหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงมาเปิดดูเวลา ตีห้าครึ่ง
ความหนักอึ้งที่พัวพันอยู่รอบเอวทำให้ฉันขยับตัวไม่ถนัดนัก หลังจากปล่อยมือจากโทรศัพท์บนหัวเตียงฉันก็เคลื่อนตัวกลับมานอนท่าเดิม เรซยังคงกอดฉันอยู่ แต่ไม่แน่นและแนบชิดเหมือนก่อนหน้านี้ ถึงแบบนั้นก็ทำให้หัวใจฉันสับสนได้ ฉันลังเลอยู่พักหนึ่งว่าจะลุกหรือนอนต่อ วงแขนของเรซทำให้ฉันอยากซุกตัวเข้าหาและหลับต่อ แต่ความหวั่นไหวเป็นเหมือนของหวานที่ผสมไปด้วยยาพิษ ล่อลวงให้คนติดแล้วสุดท้ายก็ต้องทนทุกข์ ฉันหักห้ามใจตัวเองแล้วลุกขึ้น แต่ถูกแรงกระตุกที่เอวรั้งตัวกลับเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนบนเตียง
“เรซ!”
ฉันเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตกใจ แรงขนาดนี้ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ตัว และมันก็เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ ด้วย ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็สบสายตาเข้ากับดวงตาคมกริบที่มองลงมา หัวใจฉันกระตุกวูบ
“ตื่นแล้วเหรอ”