วันต่อมา...
“พี่เขตต์คะ วันนี้ฝากส่งเด็กๆ กลับบ้านหน่อยนะคะ วันนี้อบมีคุยธุระกับทนาย” อบเชยเอ่ยบอกคุณครูอนุบาลรุ่นพี่ด้วยใบหน้าเซ็งๆ
“ได้เลยอบ อบไปเถอะ ทางนี้ไม่ต้องห่วงนะ” เขตต์เอ่ยบอกอบเชยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมกับส่งยิ้มให้
“ขอบคุณน้าพี่เขตต์ ไว้อบจัดการธุระเสร็จ อบจะชดเชยอยู่แทนนะคะ”
“ไม่เป็นไรเลยอบ อย่าคิดมากสิ ถึงบ้านแล้วทักมาบอกพี่ด้วยนะ พี่เป็นห่วง” เขตต์กล่าว
“รับทราบค่ะ” จากนั้นอบเชยก็รีบสะพายกระเป๋าใส่บ่าแล้วเดินไปขึ้นรถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด ก่อนที่จะขับออกจากโรงเรียนอนุบาล มินิแบร์ไปทันที
วันนี้เธอนัดคุยเรื่องที่ดินกับชินจังและแน่นอนว่าฐานทัพก็ต้องมาคุยเรื่องราคาค่าจ้างต่างๆ อีกด้วย
จริงๆ คดีนี้ป้าเธอต้องมาด้วยเพราะที่ดินที่เธอต้องการทวงสิทธิ์นั้นแบ่งครึ่งกับป้า แรกเริ่มเดิมทีที่ดินนี้เป็นของปู่ ปู่มีลูก2คน นั่นก็คือป้าอารี และพ่อของเธอคืออานนท์ ที่ดินตรงนี้มีพื้นที่กว่า100ไร่ ปู่ก็แบ่งให้เท่าๆ กัน คือคนละ50ไร่นั่นเอง แต่เพราะพ่อป่วยเป็นไข้เลือดออกและแพ้พิษไข้จนเสียชีวิต ต่อมาไม่นานแม่ของเธอก็หนีไปมีสามีใหม่ เธอที่อายุแค่4ขวบกว่าๆ ถูกเลี้ยงดูมาโดยอารี เลี้ยงคู่มากับองศา และแน่นอนว่าที่ดินที่เป็นชื่อพ่อ ก็ต้องตกเป็นของเธอโดยปริยาย
แต่เพราะที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินสปก.หรือชื่อเต็มคือสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร ซึ่งที่ดินประเภทนี้เริ่มมีการอนุมัติใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 โดยตกลงร่วมกันถึงการแบ่งที่ดินของรัฐให้กับประชาชน รายละไม่เกิน 50 ไร่ สงสัยใช่ไหมว่าทำไมปู่ถึงมีถึง100ไร่ เพราะที่จริงย่าของเธอก็จับจองที่ดินตรงนี้เช่นกัน รวมกันก็เลยถึง100ไร่
แต่ทางราชการไม่ได้ออกโฉนดและไม่ได้ออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินตามกฎหมายให้ว่ามีสิทธิ์ครอบครองที่ดินแปลงนั้น ๆ จะออกให้เพียงเอกสาร ส.ป.ก. อนุญาตให้ทำประโยชน์ได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ซื้อขาย แต่ใครที่ทำประโยชน์ ก็สามารถยกให้คนรุ่นหลังทำต่อได้และมีข้อแม้ว่าไม่ให้พื้นที่นั้นรกร้าง มิเช่นนั้นทางราชการจะยึดคืน
และทำไมถึงต้องมาหาทนาย ก็เพราะว่ามีนายทุนมาแอบอ้างว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของเขา และต้องการฟ้องร้องเธอและป้า ว่าไปยึดครองที่ดินของครอบครัวเขา เธอจึงจำเป็นต้องหาทนายเพื่อรักษาพื้นที่ที่เป็นมรดกตกทอดที่รัฐจัดสรรให้ทำกิน เอาไว้ แม้ว่าตอนนี้จะมีแค่หนังสือยืนยันว่าเป็นพื้นที่ส.ป.ก. แต่อนาคตก็จะมีกฎหมายที่มอบที่ดินตรงนี้และออกโฉนดให้และมีสิทธิ์ครอบครอง
@ร้านอาหาร
อบเชยมาตามที่ชินจังนัด และเป็นเหมือนเดิม วันนี้ยังไม่เห็นชินจังเลย แถมยังเห็นแต่นายฐานทัพอะไรนั่นนั่งหัวโด่ยกยิ้มกวนๆ ให้เธอ จนอยากที่จะเดินเข้าไปเอากำปั้นยัดไปที่เบ้าตาของเขาสักทีสองที
“ไงป้า”
“เห้อ!” อบเชยพ่นลมหายใจออกมาดังๆ หวังให้เขารู้ตัวว่าน่ารำคาญแค่ไหน พร้อมกับกรอกตามองบน แล้วหย่อนก้นนั่งลงตรงข้ามเขา
“คุยกันเลยไหม”
“ไม่ ฉันจะรอพี่ชิน”
“พี่ชินไม่มาหรอกเขาติดธุระ ถ้าตกลงก็มัดจำแล้วเซ็นสัญญาเลย”
“ไม่มีคนอื่นแล้วหรือไงนะ” เธอบ่นพึมพำ
“นี่ป้า ตกลงจะเอายังไง? ผมไม่ได้มีเวลามานั่งเล่นจ้องตากับป้าแบบนี้นะ”
“ฉันต้องการทนาย เป็นทนายให้ฉันได้ไหม” สุดท้ายก็ต้องยอม เพราะคงจะไม่มีใครแล้วจริงๆ
“ค่าตัวผมแพง”
“เท่าไหร่”
“สองแสนห้า!!”
“แพงเกินไปหรือเปล่า” อบเชยตกใจกับค่าจ้างที่มันเยอะเกินตัวของเธอ
“ก็ถ้าอยากชนะคดี ก็ต้องจ่าย”
“ไม่มี นายกะจะขูดเลือดกับปูหรือไง?”
“นี่ถูกสุดแล้ว” เขาเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง ตีมึน จริงๆ เขาไม่เอาค่าจ้างก็ได้ เพราะบ้านเขาก็รวยอยู่แล้ว ปกติใครเดือดร้อนก็ช่วยเหลือ ว่าความฟรีๆ ก็ยังเคย แต่เพราะเป็นอบเชยไง เขาเลยอยากจะแกล้ง อยากที่จะปราบพยศ ไม่รู้ทำไม แต่มันมีเสน่ห์ดึงดูดเขาตั้งแต่แรกเจอ อยากได้ อยากลอง อยากจะรู้ว่าภายใต้เสื้อผ้าแม่ชีของเธอ ด้านในมันจะน่าตื่นเต้นแค่ไหน
“ถูกบ้าอะไร”
“งั้นมีส่วนลดให้เอาไหม”
“ว่ามาสิ”
“ผมให้คุณหลักหมื่นได้นะ” น้ำเสียงยียวนไม่สะทกสะท้าน
“ฉันต้องทำยังไงถึงจะได้ส่วนลด”
“ก็...ขึ้นเตียงสิ”
“ว่าไงนะ!!”
“ขึ้นเตียง แล้วจะลดให้”
“ทุเรศ บ้ากาม ฉันไม่ได้ขายตัว ถ้าจะมาชักจูงให้ฉันไปนอนด้วย ฝันไปเถอะ!! ฉันจะไปหาทนายคนใหม่!!”
“แล้วแต่นะ ผมไม่ซีเรียสอยู่แล้ว แต่บอกไว้เลยนะ กับคนอื่นไม่ต่ำกว่า5แสน แต่ผมให้คุณได้หลักหมื่น คิดดีๆ นี่นามบัตรผม อ้อ...ที่ดินแปลงนี้คงไม่สำคัญกับคุณขนาดนั้นหรอกมั้ง ปล่อยให้เขาฟ้องร้องไปเถอะ แค่100ไร่เองไม่ใช่หรอ อืม...100ไร่ ที่สวยซะด้วยสิ พวกที่แอบอ้างว่าที่ดินเป็นของเขาก็คงกะจะใช้เงินฟ้องร้องชาวบ้านธรรมดาๆ อย่างพวกคุณ ลงทุนฟ้องร้องแค่ไม่กี่แสนรอให้รัฐออกโฉนดให้ พอชนะคดีก็ได้ไปเลย100ไร่ ตีถูกๆ ไร่ละ2ล้าน หูว...กำไรเห็นๆ เลยเกือบ200ล้านเลยหรอเนี้ย” ฐานทัพทำทีพูดลอยๆ เพื่อชักจูงให้อบเชยยอมรับข้อตกลงของเขา แน่นอนว่าเธอไขว้เขว เพราะที่ตรงนี้เป็นมรดกตกทอดของเธอ
“ขอคิดดูก่อน”
“ต้องคิดอะไรอีก แค่เสียตัวครั้งสองครั้งจากแสนเหลือหมื่นนี่คุ้มมากเลยนะ ทำเป็นไม่เคยไปได้” ก็ไม่เคยน่ะสิ ถึงได้คิด อีตาบ้าโรคจิต
“หมื่นนี่เท่าไหร่ ขอตัวเลขที่ชัดเจน”
“ป้ามีงบเท่าไหร่ล่ะ”
“เลิกเรียกว่าป้าสักทีได้ไหม”
“ไม่เรียกป้า งั้นเรียกที่รักได้ไหมล่ะ” เขากระตุกยิ้มกวนๆ อีกครั้ง พร้อมกับยักคิ้วให้ข้างหนึ่ง