ครืด!!
“ครับพี่ ถึงไหนแล้วครับ”
[ฐานทัพ เดี๋ยวเข้าไปก่อนเลยนะ คนที่พี่อยากให้เจอชื่อคุณอบเชย เดี๋ยวพี่ส่งรูปไปให้ในไลน์ เข้าไปคุยกันก่อนเลยนะ พี่รถเสียคงไปช้า]
“โอเคครับพี่”
ติ้ง!
ชินจัง : ส่งรูปภาพ
ทันทีที่ฐานทัพเปิดดูรูปภาพที่ชินจังส่งให้ ก็ขมวดคิ้วทันที แต่ก็แค่วินาทีเดียวเท่านั้นแหละ เพราะหลังจากนั้นรอยยิ้มร้ายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาแทน
“สนุกแน่ วุ๊ว!” ฐานทัพกล่าวกับตัวเองอย่างพอใจ แล้วรีบเดินเข้าไปในคาเฟ่ทันที
พอเปิดประตูเข้ามาก็เห็นว่าผู้หญิงในรูปกำลังนั่งจัดเรียงเอกสารอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะ โดยข้างๆ กายก็มีเด็กผู้ชายตัวน้อยนั่งกินไอศกรีมอย่างสบายใจ
ตึก ตึก ตึก พรึ่บ!!
ฐานทัพเดินไปหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับอบเชย พร้อมกับวางกระเป๋าเอกสารไว้ที่เก้าอี้ตัวข้างๆ เขาอีก
“นี่นาย ลุกออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันไม่ได้มีเวลามานั่งเถียงกับนายนะ”
“ไม่ลุก แล้วก็จะนั่งตรงนี้ด้วย จะทำไม โต๊ะนี้เป็นของป้าหรือไง?”
“อย่ามากวนประสาทฉันนะ ลุกออกไปเดี๋ยวคนของฉันจะมานั่ง”
“คนของฉัน นี่ผมไปเป็นคนของป้าตั้งแต่เมื่อไหร่ครับคุณไอยวริญ เตชะวงค์”
“นี่ คุณ รู้จักชื่อฉันได้ไง!!”
“หาทนายอยู่ไม่ใช่หรอ?”
“อย่าบอกนะว่าคนที่คุณชินนัดมาให้คือคุณน่ะ” เธอเอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่มันวันซวยอะไรของเธอเนี้ย ถ้าอีตานี่มาเป็นทนายให้ มีหวังเป็นประสาทตายก่อนแน่ๆ
“ใช่ ผมเองแหละป้า ทำไม หน้าของผมไม่เหมือนทนายหรอ”
“ไม่คิดว่าจะเป็นทนายด้วยซ้ำ มารยาททราม ปากก็เสีย”
“นี่!! น้อยๆ หน่อย พูดแบบนี้ไม่ว่าความให้นะ”
“ฉันจ้างย่ะ ฉันไม่ได้ให้ว่าความฟรีๆ”
“หึ พี่ชินคงไม่บอกคุณสินะ ว่าค่าตัวผมแพงน่ะ”
“เก่งแค่ไหนหรอ ถึงเรียกค่าตัวแพงน่ะ อย่ามั่น!”
“เก่งไม่เก่ง แต่ก็ไม่เคยว่าความแพ้นะ” เขากล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
ติ้ง!!
เสียงประตูร้านพร้อมกับกระดิ่งดังขึ้น ตามด้วยชายหนุ่มใบหน้าหล่อเข้มเดินเข้ามาหาอบเชย
“ป๊ะ ป๊า” เสียงโอบรักเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อ ก่อนที่จะรีบกระโดดลงจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่ง ไปกอดผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ
“อบ ยังคุยไม่เสร็จหรอ คุยไปถึงไหนแล้ว” องศาเอ่ยถามน้องสาว
“พี่องศา เราไปหาทนายคนอื่นกันไหม อบว่าอีตานี่มันช่วยป้าไม่ได้หรอก ดูหน้าแล้ว เชื่อถือไม่ได้”
“นี่ป้า ดูถูกกันเกินไปแล้วนะ”
“ก็มันจริง ไปกันเถอะพี่องศา ไว้อบจะคุณกับคุณชินอีกที กลับบ้านกันเถอะ” จากนั้น อบเชยก็รีบเก็บเอกสารต่างๆ ลงกระเป๋าแล้วรีบสะพายกระเป๋า เดินจ้ำอ้าวออกจากร้านไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“หึ เดี๋ยวก็รู้ ว่าฉันจะได้ว่าความให้เธอหรือเปล่า ไอยวริญ!” ฐานทัพลุกออกไปนอกร้านแล้วขับรถเข้าบริษัททันที
ฐานทัพ : พี่ชิน เรื่องที่ดินทับซ้อนของคุณไอยวริญ ห้ามยกให้ใครเด็ดขาด พี่ต้องยัดเยียดเธอมาให้ผมเท่านั้น
ชินจัง : อะไรของแกวะฐาน เจอกันแล้วหรอ?
ฐานทัพ : เจอแล้ว ปากดีจนอยากเอาอะไรกระแทกปาก
ชินจัง : ระวังเขาจะเอาตีนกระแทกปากแกก่อนนะ
ฐานทัพ : หึ แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ
ชินจัง : งั้นเดี๋ยวพี่โทรบอกคุณอบเชยก่อน
ฐานทัพ : ครับพี่ได้เรื่องยังไงบอกผมนะ
อีกด้าน...
ครืด!!!
‘คุณชินจัง’
“สวัสดีค่ะ”
[อบเชย ได้คุยกับทนายที่พี่แนะนำหรือยัง?]
“อบกำลังจะบอกเรื่องนี้กับพี่พอดีเลย อบไม่เอาอีตาทนายคนนี้นะคะพี่ชิน” อบเชยเอ่ยบอกรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แค่นึกถึงใบหน้ากวนประสาทของอีตานั่น ก็อยากจะหนีไปให้ไกลๆ แล้วมีอย่างที่ไหนมาแกล้งหลานหัวแก้ว หัวแหวน หัวนาฬิกา ของเธอจนร้องไห้ นี่ตั้งแต่เธอเลี้ยงมาตั้งเล็กๆ หลานของเธอแทบจะไม่ร้องไห้เลยนะ
[แต่ราคานี้ และถนัดด้านนี้มีแค่ฐานทัพคนเดียวแล้วนะอบ]
“อบยังยืนยันคำเดิมค่ะ ว่าไม่เอาคนนี้ อบอยากได้ทนายคนอื่น”
[แต่คนอื่นค่าตัวแพงกว่านี้อีกนะ นี่ถูกสุดแล้ว ถ้าเป็นทนายคนอื่นหลักล้านเลยนะอบ ถ้าอบอยากชนะคดีน่ะ]
“แต่อบร่วมงานกับอีตานี่ไม่ได้หรอก กวนประสาท!!”
[ทนๆ หน่อยนะ ถูกกว่านี้และฝีมือเก่งระดับนี้หาตัวยากแล้ว แล้วพี่ก็ไม่รู้จักทนายเก่งๆคนอื่นแล้วด้วย]
“เห้อ แต่อบเพิ่งไปปะทะฝีปากกับนายนั่นมานะพี่ชิน อบจะไม่เป็นประสาทก่อนใช่ไหม”
[คิดดีๆ นะอบ ที่ดินตรงนี้ป้าและครอบครัวอบหวงแหนมากไม่ใช่หรอ อย่าตั้งแง่นักเลยเชื่อพี่เถอะ พี่มั่นใจว่าฐานทัพจะพาอบชนะคดีได้แน่ๆ] ก็เพราะว่าสมบัติตกทอดมันสำคัญกับเธอและครอบครัวนี่แหละ สุดท้ายเลยต้องจำยอม จะให้ไปจ้างทนายคนอื่นราคาสูงลิ่วก็คงไม่ไหวแน่ๆ เอาวะ เผื่อจะต่อลองได้บ้าง แม้คิดว่ามันจะเป็นไปได้ยากก็ตาม
“ค่ะ งั้นอบจะคิดดูอีกทีนะคะ”
[เดี๋ยวพี่จะส่งเบอร์และไลน์ส่วนตัวของฐานทัพให้นะ]
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นธุระให้อบอีกแล้ว” เธอเอ่ยขอบคุณรุ่นพี่ที่สนิทกันด้วยน้ำเสียงใส
“ยังไงเรา” องศาเอ่ยถามน้องสาวที่เพิ่งวางมือถือทั้งที่ก่อนหน้านั้นหัวฟัดหัวเหวี่ยงจะไม่เอาท่าเดียว
“ยังไงล่ะ คงต้องเป็นไอ้บ้านั่น เห้อ มันไม่มีคนอื่นแล้วจริงๆ น่ะหรอ?” ไอ้มีน่ะมันมี แต่ในเมื่อฐานทัพเขาล็อคเป้าหมายแล้ว สุดท้ายเธอก็ต้องจำยอม เพราะเห็นว่าค่าจ้างถูกกว่าคนอื่นหรอกนะ