บ้านไร่ดอยเหนือ

1499 คำ
"พ่อเลี้ยงเสือไม่คบผู้หญิงคนไหนมาตั้งแต่หย่ากับอดีตภรรยาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ป้านีเขาไม่อยากเห็นลูกชายเป็นคนกระด้างกระเดื่องแบบนี้อีกต่อไป และที่สำคัญพ่อเลี้ยงเสือเขามีลูกติดอายุสิบเอ็ดขวบ เป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก อยู่ในวัยที่เขากำลังต้องการแม่" "งั้นเด็กก็น่าสงสารมากค่ะที่มีพ่อแบบนี้" อินเอวาเอาแต่ขุ่นเคืองใจกับคำพูดของพ่อเลี้ยงเสือไม่หาย เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่กล้าดีมาด่าตน "แม่ก็เลยอยากให้อินลองช่วยป้านีเขาดู คิดซะว่าช่วยเด็กน้อยตาดำๆ คนหนึ่ง อินจะว่ายังไงลูก แม่ถามความคิดเห็นของหนู ถ้าหนูไม่อยากแต่งก็ไม่เป็นไร" "เด็กผู้หญิงน่าสงสารจังเลยนะคะ แล้วอินก็คงจะกลายเป็นคนที่น่าสงสารอีกคนหนึ่งเหมือนกัน..." เรียวปากอิ่มขบเม้ม พลันผุดคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ "น้องดาวโชคดีที่ยังมีคุณปู่คุณย่าแล้วก็อาหนุ่มอาสาวคอยดูแลอยู่ แต่ก็คงไม่มีใครที่จะสามารถทำหน้าที่แม่ได้ดีไปยิ่งกว่าผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของพ่อ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แม่ที่แท้จริงก็ตาม อีกอย่างอินก็จะมีป้านีลุงขุนแล้วก็น้องๆ ของพ่อเลี้ยงเสือคอยอยู่ข้างๆ ไม่ต้องกังวลหรอกลูก" อินเอวาครุ่นคิดอีกครั้ง เธอเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดด้วยสติ และพยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์เพื่อตัดสินใจ คุณอรวีรู้จักนิสัยบุตรสาวดี อินเอวาเป็นคนเข้มแข็ง เป็นเสาหลักของครอบครัว มีความคิดหลักการและเหตุผล นางจึงปล่อยให้หญิงสาวใช้เวลาตัดสินใจเพียงลำพัง... ณ ไร่ดอยเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ อินเอวาก้าวขาลงจากรถ ร่างงามในชุดแซกสีขาวกระโปรงยาวพลิ้วไหวยืนรับอากาศยามเย็นอยู่ริมถนน มองตรงไปตามถนนเบื้องหน้าเป็นเส้นทางสู่บ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางไร่ดอยเหนือ มองไปทางซ้ายมือเห็นพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงจนใกล้จรดยอดเขา หญิงสาวถอนหายใจตัดพ้อกับโชคชะตาชีวิตของตน "ถ้านับว่าถอนหายใจไปกี่รอบแล้วก็น่าจะเกินร้อยรอบนะ คงไม่ใช่เพราะเหนื่อยที่นั่งรถจากกรุงเทพฯ มาจนถึงเชียงใหม่สิบชั่วโมงใช่มั้ย?" 'สิงห์ ราชสีห์' ลงจากรถและเดินมาหาอินเอวา เธอรู้สึกประหม่าจึงขอลงรถเพื่อสูดดมกลิ่นอายไร่เหนือต้นฤดูหนาวเดือนตุลาคมก่อนจะเดินทางไปถึงบ้านหลังใหญ่ "ถอนหายใจเพราะว่านั่งรถเหนื่อยนั่นแหละค่ะ ไม่เคยนั่งรถไกลขนาดนี้ ปกติขึ้นแต่เครื่องบิน" เธอหันมามองสิงห์ เจ้าของใบหน้าหล่อคมเข้ม แววตาดุดันและน้ำเสียงจริงจัง ดูรวมๆ แล้วไม่ต่างจากเสือเลยสักนิด แต่มีมารยาทกว่าคนเป็นพี่ชายอยู่มากโข พ่อเลี้ยงสิงห์เป็นลูกชายคนกลางของตระกูลราชสีห์ ได้รับคำสั่งจากมารดาให้ขับรถไปไกลถึงกรุงเทพมหานครเพื่อรับอินเอวามาที่ไร่ดอยเหนือ หลังจากที่เธอตกลงรับข้อเสนอการแต่งงานกับพ่อเลี้ยงเสือนั่นเอง "นั่นน่ะสิ นั่งเครื่องบินมาก็สิ้นเรื่อง ไปรับที่สนามบินก็ได้ คุณแม่ให้ขับรถไปรับทำไมไกลถึงกรุงเทพฯ" สิงห์บ่นพึมพำ คุณนีรนาทไม่ได้บอกเหตุผลกับบุตรชาย นางโทรไปกำชับกับคุณอรวีไว้ตั้งแต่แรกแล้ว มิหนำซ้ำยังขอให้เก็บเป็นความลับอย่าเพิ่งบอกพ่อเลี้ยงเสือเรื่องแต่งงานอีกด้วย "ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะค่ำมืดซะก่อน คุณสิงห์เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" อินเอวาบอกแล้วเดินกลับมาขึ้นรถ สิงห์ยังคงแปลกใจกับการมาเยือนของหญิงสาว เขาขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ ใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็จะขับรถถึงบ้านหลังใหญ่ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมออกรถ "คุณแค่มาเที่ยวชมไร่ชมดอยอย่างนั้นเหรอ เพราะคุณเป็นลูกสาวน้าอรเพื่อนของคุณแม่ผมก็เลยต้องไปรับถึงกรุงเทพฯ ใช่หรือเปล่า?" สิงห์หันมาจ้องมองใบหน้าสวยพิศ ไม่น่าแปลกใจเพราะใบหน้างามละเมียดละไมจึงดึงดูดให้ตนหันกลับมามองครั้งแล้วครั้งเล่า คงไม่มีผู้ชายคนไหนเมินเฉยผู้หญิงที่มีใบหน้าสง่างดงามเช่นนี้ได้ เสือและสิงห์ไม่เคยชอบสาวเมืองกรุง ทว่าแววตาของอินเอวากลับเศร้าหมองเกินกว่าจะเมินเฉยได้... "คิดซะว่ามาเที่ยวชมไร่ชมดอยก็แล้วกันค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีเหตุผลอื่นมากกว่านี้ก็ตาม" "งั้นเหรอ เหตุผลอื่นที่ว่าคงเป็นเรื่องสำคัญมากแน่ๆ คุณแม่ถึงให้ผมไปรับคุณถึงที่กรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่คุณแม่ก็เพิ่งไปที่นั่นมาเมื่อวานซืน" เสือเป็นคนเล่าให้ฟัง แต่ถึงอย่างนั้นสิงห์ก็ไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ "คุณสิงห์จะเชื่อหรือเปล่า ว่าฉันมาที่นี่เพื่อมาทำงาน?" อินเอวาถามเสียงตัดพ้อ "ทำงาน...ทำงานอะไร อย่าบอกนะว่าจะมาเป็นผู้จัดการไร่ เพราะว่าที่นี่ต้องมีผู้จัดการไร่สามคน แต่ว่ายังขาดอยู่อีกคนหนึ่ง" "ผู้จัดการไร่เลยเหรอคะ ฉันไม่เคยทำงานอะไรพวกนี้ จะเป็นผู้จัดการไร่ได้หรือยังไงกัน" "นั่นน่ะสิ แต่อย่าบอกนะว่าจะมาเก็บใบชาเก็บผักเก็บผลไม้ ก็เชื่ออีกไม่ได้อีกนั่นแหละ ดูบอบบางซะเหลือเกิน ตากแดดได้ไม่เกินสิบโมงเช้าก็คงเป็นลมแล้วมั้ง" "ดูถูกกันชัดๆ ถึงฉันจะดูบอบบางก็ไม่ได้แปลว่าจะทำอะไรไม่ได้ซะหน่อย" เธอเถียง แม้มันอาจจะจริงอย่างที่เขาว่า "ไม่ได้ดูถูก ก็แค่ประเมินดูจากรูปร่างหน้าตาผิวพรรณของคุณ น่าจะไม่เคยตากแดดด้วยซ้ำ" "ตากแดดไปสักหน่อยก็คงชินมั้งคะ" "หึ แต่ถ้ามาทำงานจริงๆ ก็มีช่วงทดลองงาน อย่างคุณไม่เห็นจะต้องไปเก็บใบชาตากแดดเลย มีงานอย่างอื่นในสำนักงานให้ทำเยอะแยะ" สิงห์พูดพลางส่ายหน้าน้อยๆ เขาแค่นหัวเราะในลำคอ จากนั้นจึงขับรถตรงไปยังบ้านหลังใหญ่โตกลางไร่ ขณะนี้เป็นยามตะวันลับขอบฟ้าเวลาหกโมงเย็นแล้ว บ้านไร่ดอยเหนือ บ้านเรือนหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นที่ตกแต่งงดงาม ตัวบ้านแทรกด้วยไม้สักเกือบทั้งหลัง ขนาดของบ้านสองชั้นบ่งบอกว่าอยู่ได้นับสิบคน บ้านหลังใหญ่โอบล้อมด้วยพันธุ์ไม้งาม หลอดไฟประดับประดาทั่วบ้าน มีศาลานั่งเล่นหลายจุด ตรงประตูบ้านมีสาวใช้ใบหน้าละอ่อนยืนรออยู่ อินเอวามองไปยังแปลงผักเล็กๆ อยู่ฝั่งขวามือ บ้านหลังนี้ช่างให้บรรยากาศอบอุ่นและปลอดภัยได้เป็นอย่างดี เธอเดินตามหลังพ่อเลี้ยงสิงห์มาจนถึงประตูบ้านที่สาวใช้ยืนอยู่ "สวัสดีเจ้า แม่นายให้มาช่วยยกกระเป๋าคุณอินเจ้า" หล่อนยกมือไหว้และทักทายผู้มาเยือนเป็นภาษาเหนือ ดูเหมือนคุณนีรนาทจะบอกเล่าเรื่องกันมาของอินเอวากับสาวใช้ไว้แล้ว "จริงด้วย ฉันลืมกระเป๋า ขอเดินไปเอาก่อนนะ" อินเอวาบอกพ่อเลี้ยงสิงห์ "ไม่ต้องหรอก ไม่ได้ยินเหรอว่าคุณแม่ให้สาวใช้มายกกระเป๋าให้แล้ว อ้อ นี่แสงหล้า" ชายหนุ่มแนะนำสาวใช้ "สวัสดีค่ะคุณแสงหล้า" อินเอวาทักทายแสงหล้าด้วยรอยยิ้ม "คุณจะไปเรียกสาวใช้ว่าคุณทำไม?" สิงห์ขมวดคิ้วเข้ม "อ้าว ทำไมจะเรียกไม่ได้ล่ะคะ ฉันยังเรียกคุณว่าคุณเลย" "ก็ผมไม่ใช่คนใช้ไง" "สมัยที่บ้านจะมีคนใช้ฉันก็เรียกเขาว่าคุณเหมือนกัน" "นั่นมันบ้านคุณ ที่นี่มันบ้านผม" "ก็หัดเรียกให้มันเท่าเทียมกันบ้างสิ" อินเอวาหน้ามุ่ย แสงหล้าคลี่ยิ้มน้อยๆ เธอรู้สึกชอบใจที่อินเอวากล้าต่อปากต่อคำกับพ่อเลี้ยงสิงห์ "คุณนี่น่าจะเถียงเก่งนะ" แม้จะว่าให้หญิงสาวแต่ก็แอบคลี่ยิ้มพอใจกับบทสนทนาที่ดูเหมือนจะสนุกสนาน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้มีบทสนทนาเช่นนี้กับผู้หญิง "แล้วนี่คุณสิงห์จะไปไหนคะ?" อินเอวาเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะเดินกลับไปที่รถ "เถียงคำไม่ตกฟากแล้วก็ยังถามมากอีก แบบนี้น่าจะเป็นผู้จัดการไร่ได้นะ รีบเข้าไปหาคุณแม่ได้แล้ว หกโมงเย็นแล้ว" เขาเดินตรงไปตามถนนซึ่งเป็นเส้นทางไปยังบ้านอีกหลัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม