ว่าที่สามี

1496 คำ
"เรื่องนี้ไว้แม่จะอธิบายทีหลัง ตอนนี้อินออกไปรับแขกที่หน้าบ้านให้แม่ก่อนนะลูก" เธอไม่อยากขัดผู้ใหญ่ จึงยอมลุกขึ้นเดินออกไปเปิดประตูบ้านให้แขกผู้มาเยือน อินเอวาพยายามคิดในทางที่ดี ว่าคุณป้านีรนาทคงแค่พูดเล่นเท่านั้น หญิงสาวเปิดประตูรั้วบ้านด้วยท่าทางเหม่อลอย จนกระทั่งรถยนต์ของแขกผู้มาเยือนขับเข้ามาจอดในรั้วบ้าน "รถคันนี้คุ้นๆ" เธอพึมพำ เป็นจังหวะที่พ่อเลี้ยงเสือเปิดประตูก้าวขาลงจากรถ "นี่คุณ!" อินเอวาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แม้เมื่อคืนจะเมามากแต่ก็จำได้ขึ้นใจ ว่าเขาคือผู้ชายที่ด่าตนอยู่หน้าไนต์คลับ พ่อเลี้ยงเสือดูไม่ต่างจากเมื่อคืนมากนัก แต่ตอนนี้กลับหล่อเหลาเอาเรื่อง 'จะด่าคืนให้สาแก่ใจไปเลย' อินเอวาคิดในใจ "หึ! โลกแคบชะมัด" เสือพึมพำพ่นคำร้ายกาจ แม้จะแปลกใจที่เจอหญิงสาวในบ้านหลังใหญ่โตที่มารดานัดตนมารับ แต่ก็ใช่ว่าอยากจะใส่ใจมากนัก "แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่าตามมาด่าฉันถึงที่บ้าน แต่วันนี้ฉันไม่ให้คุณด่าฉันฝ่ายเดียวหรอกนะ ว่าแต่คุณรู้จักบ้านฉันได้ยังไง?" อินเอวาเอาแต่คิดเรื่องที่ชายหนุ่มด่าทอตนเมื่อคืน จึงไม่แม้แต่จะฉุกคิดว่าเสือเป็นบุตรชายของคุณป้านีรนาทที่ตนเคารพรัก "ที่นี่บ้านของคุณอรวีใช่หรือเปล่า?" หญิงสาวขมวดคิ้วยุ่ง เขารู้แม้กระทั่งชื่อมารดาของตน คำด่าทอที่คิดไว้ในใจหายไปหมดในพริบตา "รู้จักแม่ฉันได้ยังไง?" "หึ! งั้นเธอก็คงเป็นลูกสาวของคุณอรวี ก็แปลว่าแม่ฉันอยู่ในบ้าน" เสือหันขวับมามอง คนหน้าดุยกยิ้มเหยียดหยันราวกับเกลียดชังกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว "ที่แท้คุณก็เป็นลูกชายของป้านี" เสือไม่ตอบ และถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจลูกสาวเจ้าของบ้าน อินเอวาสับสนและสังหรณ์ใจว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเป็นแน่ จึงรีบสืบเท้ายาวตามชายหนุ่มเข้าไปในบ้าน "อ้าว เสือ มาเร็วจัง สวัสดีน้าอรก่อนสิลูก" เสือยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตามมารยาท ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยปราศจากรอยยิ้มหรืออารมณ์ใดๆ "พ่อเลี้ยงเสือ เชิญนั่งก่อนสิคะ" คุณอรวีผายมือเชื้อเชิญแขก "ไม่เป็นไรครับ ผมต้องพาคุณแม่กลับไปถึงเชียงใหม่ก่อนค่ำมืด คงอยู่คุยนานกว่านี้ไม่ได้" คุณนีรนาทมองค้อนบุตรชายเล็กน้อยที่เสียมารยาท เสือไม่อยากปั้นหน้าพูดคุยกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว นางรู้จักนิสัยบุตรชายดีจึงไม่อยากขัด "งั้นก็ตกลงตามนี้นะคะ ถ้าอรคุยกับหนูอินเรียบร้อยแล้วให้โทรไปบอกพี่ เดี๋ยวพี่จะให้คนมารับถึงที่นี่เลย" เสือขมวดคิ้วแปลกใจกับสิ่งที่มารดาหันไปบอกคุณอรวี เป็นจังหวะที่อินเอวาเดินเข้ามาในห้องรับแขก "อ้อ สองคนนี้เจอกันแล้วใช่ไหมลูก แม่ถือโอกาสนี้แนะนำให้รู้จักกันเลยก็แล้วกันนะ หนูอินนี่พ่อเลี้ยงเสือลูกชายป้า เสือ...นี่หนูอินเอวา ลูกสาวของน้าอรเพื่อนสนิทแม่" คุณนีรนาทแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน อินเอวาจำใจยิ้มพร้อมทั้งยกมือไหว้เสือด้วยท่าทางสุภาพอ่อนโยน คุณนีรนาทพึงพอใจเป็นอย่างมาก ทว่าเสือกลับแค่นหัวเราะกับท่าทางเสแสร้งแกล้งเป็นคนเรียบร้อยของหญิงสาว เขาจึงถูกมารดาดุด้วยสายตา จากนั้นชายหนุ่มปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติและยกมือรับไหว้ตามมารยาทเช่นเดียวกัน 'มารยา' เสือคิดในใจ "งั้นอรเดินออกไปส่งนะคะ" จากนั้นทั้งสี่คนจึงเดินออกไปยังหน้าบ้าน "ไว้เจอกันใหม่เร็วๆ นี้นะหนูอิน แล้วโทรคุยกันนะอร" คุณนีรนาทหันมาบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วจึงหันไปโบกมือลาคุณอรวี "ค่ะ คุณป้า" อินเอวาคลี่ยิ้มแม้จะแปลกใจ จากนั้นจึงยกมือไหว้ลาก่อนที่นางจะเข้าไปนั่งในรถ พ่อเลี้ยงเสือหันมายกมือไหว้คุณอรวีเช่นเดียวกัน แต่สายตากลับเอาแต่จับจ้องอินเอวาไม่วางตา คุณอรวีสังเกตเห็นว่าหนุ่มสาวคงจะมีเรื่องอยากพูดคุยกัน นางจึงเดินกลับเข้าบ้านไป "แสดงละครเก่งดีนะ ตกลงว่าเธอเป็นนักแสดงจริงๆ ใช่หรือเปล่า?" เสือเลิกคิ้วถาม น้ำเสียงเย้ยหยันฟังแล้วกวนประสาท "เขาเรียกว่าคนมีมารยาท รู้จักปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ ไม่เหมือนคุณหรอก ไม่มีมารยาท แถมหน้าตาไม่ได้น่ามองเลยสักนิด" อินเอวาว่าให้ชายหนุ่มเสียงเบา เรื่องอะไรมากล่าวหาว่าเธอเป็นคนเสแสร้ง "ฉันเป็นคนตรงๆ ไม่ชอบใส่หน้ากาก ไม่ชอบเสแสร้ง" เสือพูดจบแล้วจึงเปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ อินเอวากำลังจะอ้าปากตะโกนด่าเขา แต่กลับเห็นคุณนีรนาทส่งยิ้มผ่านกระจกมาเสียก่อน จากนั้นชายหนุ่มจึงขับรถออกไปทันที อินเอวาสังหรณ์ใจประหลาด เธอจึงรีบเดินกลับเข้าไปหามารดาในบ้าน จึงเห็นว่านางกำลังมีสีหน้ากังวลใจ คุณอรวีนั่งรอเพื่อพูดคุยกับบุตรสาวอยู่ตรงโซฟากลางห้องโถงอยู่แล้ว "อิน..." "อินรู้นะคะว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ไม่งั้นคุณแม่ไม่มีสีหน้ากังวลขนาดนี้ คุณแม่คุยอะไรกับป้านีคะ?" ทันทีที่เห็นสีหน้ามารดาก็สามารถรับรู้ได้ทันที อินเอวารักและสนิทกับมารดา เพราะเธอและน้องสาวมักจะพูดคุยปรึกษากับนางทุกเรื่องเสมอ "แม่คุยกับป้านี..." "คะ?" แม้จะพอรู้ว่าเรื่องอะไร แต่ก็ไม่ได้ทำให้อินเอวารู้สึกโล่งใจขึ้นมาแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าถึงอย่างไรก็ต้องเป็นหนี้ไม่รู้จักจบสิ้น "เรื่องยืมเงินมาใช้หนี้ธนาคารเพื่อรักษาบ้านหลังนี้ไว้ อย่างน้อยก็ยื้อเวลาไว้จนกว่าเอมจะเรียนจบ" คุณอรวีหมายถึงเอมอรุณ บุตรสาวคนเล็กที่กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสองเท่านั้น "ห้าสิบล้านบาทเต็มจำนวนเลยเหรอคะ?" "ใช่จ้ะลูก" "แล้วป้านีเขาให้แม่ยืมแบบไม่ได้กำหนดเหรอคะว่าต้องใช้หนี้เมื่อไหร่?" "อิน...ลูกก็รู้ว่าเงินห้าสิบล้านบาทมันไม่ใช่น้อยๆ ต่อให้อินเอมแล้วก็คินทำงานหนักแค่ไหนก็คงยังไม่พอใช้หนี้" นางพูดถึงอคิน บุตรชายคนโตที่ไปอยู่ต่างประเทศนานสิบกว่าปี มิหนำซ้ำยังไม่ค่อยติดต่อกลับมาที่บ้านด้วย "คุณแม่พูดถึงพี่คินทำไมคะ ขนาดคุณพ่อเสียแท้ๆ เขายังไม่ยอมมาเลย" ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริง ที่อคินทิ้งครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศและไม่เคยกลับมาอีกเลย "นั่นสิ แม่รู้ว่าแม่ไม่ควรพูดถึง แต่เอาเป็นว่าถึงยังไงเราก็คงไม่สามารถที่จะหาเงินห้าสิบล้านมาคืนป้านีได้ แต่ป้านีเขาก็ใจดียื่นข้อเสนอมาอยากให้เราช่วยเหลือเขาเหมือนกัน" "ช่วยเหลืออะไรคะคุณแม่?" คุณอรวีไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่ นางอยากยกภูเขาลูกนี้ออกจากอกเต็มทน จึงตัดสินใจพูดความจริงออกไป เพราะรู้ดีว่าอินเอวาเป็นคนมีเหตุผลและจะไม่โวยวาย "เงินห้าสิบล้าน ป้านียกให้เป็นค่าสินสอดหากลูกยอมแต่งงานกับลูกชายของป้านีเขา แม่ก็เลยตอบตกลงไปว่าจะให้อินแต่งงานกับลูกชายป้านี" อินเอวาเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ "คุณแม่ว่าอะไรนะคะ...อย่าบอกนะคะว่าพ่อเลี้ยงเสือที่มารับป้านีเมื่อกี้" คุณอรวีเพียงแต่พยักหน้า อินเอวาถึงกับอ้าปากค้าง เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาราวกับคนหมดแรง ไม่อยากจะเชื่อว่าอนาคตที่ตนใฝ่ฝันไว้อาจจะต้องมาจบลงเพราะผู้ชายปากจัดเช่น'พ่อเลี้ยงเสือ' "พ่อเลี้ยงเสืองั้นเหรอคะ แล้วทำไมถึงอยากให้อินแต่งงานกับเขาล่ะคะ?" "เท่าที่แม่คุยกับป้านี จึงพอรู้ว่าพ่อเลี้ยงเสือเขาเคยหย่ากับอดีตภรรยาที่คบชู้ พ่อเลี้ยงเสือก็เลยเป็นคนที่ค่อนข้างมีอคติกับผู้หญิง" "ไม่น่า ปากจัดเชียว" เธอพึมพำ "ลูกว่าอะไรนะ?" "เปล่าค่ะคุณแม่ เล่าต่อสิคะ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม