CHAPTER 1 ไอ้ฉิบหาย

1768 คำ
อาการง่วงเหงาหาวนอนเริ่มตั้งแต่เดินเข้าห้องเรียน กระทั่งจบคลาสปากก็ยังอ้าหาวไม่ยอมหยุด แถมตอนนี้ตาก็ปรือแทบลืมไม่ขึ้น “ว่า?” กรอกเสียงถามปลายสาย ทั้งยังโบกมือลาเพื่อนร่วมคณะขณะเดินมายังรถของตัวเอง (วันนี้ว่าง) “ไม่” ตอบออกไปก่อนที่คนฝั่งนั้นจะพูดจบ เพราะรู้ว่าไอ้การถามแบบนี้จะตามมาด้วยอะไร ถ้าไม่ ‘ดื่มเหล้ากัน’ ก็คงเป็น ‘มาช่วยทำงานหน่อย’ ซึ่งคิดว่าครั้งนี้คงโทรให้ไปช่วยงาน เพราะเมื่อคืนเมาแอ๋กันทั้งคู่ คงไม่อาจหาญไปต่ออีกในคืนนี้ (ฟังให้จบก่อนก็ได้ชะนี แล้วค่อยปฏิเสธ) “ไม่ล่ะ เสียเวลาชีวิต” ว่าจบก็กดเปิดลำโพงแล้วออกรถ จุดหมายคือคอนโดของตัวเองที่อยู่ห่างจากมหา’ ลัยประมาณสองกิโลเมตร ได้ยินเสียงบ่นอุบอิบ คาดว่าคงกำลังเบ้หน้าเบ้ตาหมั่นไส้กัน แต่แล้วยังไง ต้องแคร์ไหม ก็ไม่นะ (เพื่อนนิวคนสวย) คนสวยก็มา (คืออย่างงี้~) ความทุกข์ระทมถูกบอกเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า แสดงเก่งเหลือเกินว่ากลุ้มใจนักหนาต้องการความช่วยเหลือ ฉันได้ยินทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เปิดประตูห้องแล้วเดินตรงเข้าห้องนอนอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก ว่าเรียนเสร็จจะกลับมางีบ “พล่ามเสร็จรึยัง จะได้นอน” (ที่พูดไม่ซึมเข้าสมองเลยรึยังไง ถึงยังมีหน้าบอกว่าจะนอน) “ก็แล้วมันกงการอะไรของฉัน อาจารย์สั่งงานแก แกก็ทำไปสิ จะมาวอแวเพื่อ?” คนง่วงจะตายละ ไม่มีทางไปนั่งตัดโมงก ๆ ช่วยมันหรอก อาจารย์สั่งงานตั้งแต่ต้นเดือนเจือกไม่ทำ พอใกล้ถึงกำหนดส่งพึ่งจะมากระตือรือร้น แล้วยังมีหน้ามาดรามากลัวส่งไม่ทัน ผีบ้ามาก (ฉันเพื่อนแกนะ) ดูมัน พอเราไม่ยอมหน่อยก็เอาสถานะเพื่อนฝูงมาอ้าง “ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นพ่อนี่” ได้ยินแว่ว ๆ ว่า ‘ตบปาก’ ฉันเลยหัวเราะพอใจ บอสเป็นเพื่อนชายใจหญิงของฉัน เราสนิทกันตั้งแต่อนุบาล ลากยาวจนถึงมหา’ ลัยปีที่สอง เราเรียนคนละคณะ ฉันเรียนบัญชี ส่วนรายนั้นเรียนสถาปัตย์ ถึงจะเรียนกันคนละอย่างแต่มันก็ขยันลากฉันไปทำงานช่วย (ไม่สงสารกันบ้างเหรอว่ะ ถ้างานนี้ส่งไม่ทันติดเอฟเลยนะเว้ย พอติดเอฟก็ต้องลงเรียนใหม่ เรียนใหม่แล้วเราก็จะจบไม่พร้อมกัน จำสัญญาของเราตอนจบมอหกไม่ได้เหรอที่บอกว่าจะรับปริญญาพร้อมกันไง) จะรับปริญญาพร้อมกันได้ยังไงในเมื่อมันเลือกเรียนห้าปี ประสาทมาก ฉันระอากับประโยคตัดพ้อแสนเวิ่นเว้อ กรอกตามองบนเป็นรอบที่สามมันก็ยังไม่หยุดพูด “เออ ๆ ขอนอนสักชั่วโมงเดี๋ยวเข้าไป” ว่าจบก็ตัดสายโยนมือถือลงข้างตัว สุดท้ายก็ทนความน่ารำคาญของไอ้บอสไม่ไหว ตอบตกลงไปในที่สุด ชั่วโมงต่อมาฉันจำใจตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก เหยียดแขนขาบิดขี้เกียจ กว่าจะดึงตัวเองลุกออกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำก็ใช้เวลาหลายนาที “เฮีย” เห็นกุญแจรถของคนที่อาศัยอยู่ด้วยกันวางอยู่จึงทำการเคาะประตูเรียก ไม่ให้รอนานคนที่หน้าคล้ายกันอย่างกับแฝดก็เดินมาเปิดประตูให้ “จะไปไหน” ตาคมที่สาว ๆ ต่างบอกว่ามีเสน่ห์ก้มมองกระเป๋าในมือฉัน แล้วไล่สายตามองการแต่งตัวระหว่างรอฟังคำตอบ “ไปช่วยบอสทำงานค่ะ” ใบหน้าหล่อพยักรับรู้ ไม่ได้แปลกใจว่าทำไมฉันต้องไป ก็เพราะชินจนชา ว่าถ้าเกิดไม่มีฉัน ชีวิตไอ้บอสคงดำเนินต่อไปไม่ได้ “แล้วเรียกเฮียมีอะไร ให้ไปส่ง?” “อือฮึ นิวขี้เกียจขับรถ” “ขากลับล่ะ” เอ่ยถามแล้วเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในห้องนอน เดินออกมาหยิบกุญแจรถ แล้วเดินออกจากห้อง ฉันเองก็เดินตามต้อย ๆ จนกระทั่งถึงลิฟต์ “เดี๋ยวให้บอสมันมาส่ง” เป็นอีกครั้งที่เฮียน็อตพยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไร พี่ชายฉันค่อนข้างประหยัดคำพูด สีหน้าก็ติดเหวี่ยงเหมือนคนไม่พอใจอยู่ตลอด แต่ด้วยความที่เป็นคนหล่อจัด ถึงลุคจะดูดุขนาดไหน สาว ๆ ก็พร้อมใจดาหน้าเข้ามาหา คงประมาณ ‘อยากโดนดุแรง ๆ จังเลยค่ะพี่น็อตขา..’ ล่ะมั้งนะ “แวะกินข้าวก่อนไหมหรือยังไง” เหลือบมองนาฬิกาหน้าคอนโซลหลังได้ยินคำถาม อีกไม่ถึงสิบนาทีจะหนึ่งทุ่มตามที่นัดไอ้บอสไว้ แต่ไม่เป็นไร กองทัพต้องเดินด้วยท้อง “ก๋วยเตี๋ยวเจ้แววได้ไหม นิวอยากกิน” “เค” ยิ้มจนตาหยีให้กับความตามใจเก่งของพี่ชาย เอนตัวกอดแขนล่ำข้างซ้ายที่ไม่ได้ใช้ขับรถ แล้วเอาหน้าซบไหล่อย่างออดอ้อน “อยากได้อะไร” คนโดนอ้อนถามกันในจังหวะที่รถติดไฟแดง “เห็นน้องเป็นคนยังไง” “เจ้าเล่ห์” รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นตรงมุมปาก ฉันมุ้ยหน้าใส่แล้วดึงตัวกลับมานั่งที่เดิม พอออกจากไฟแดงขับเลยมาอีกนิดก็ถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าเด็ด ที่ฉันกับเพื่อนมักมาฝากท้องหากนึกไม่ออกว่าจะกินอะไร “อ้าวไอ้น็อต พาสาวที่ไหนมา น่ารักเชียว” เดินเข้ามาไม่ทันไรพี่ชายฉันก็โดนทัก กลุ่มผู้ชายสี่ห้าคนมองมาทางเราอย่างใส่ใจ “แต่กูจำได้ ว่าเมื่อวานไม่ใช่คนนี้” “ไอ้สัส” ได้พรไป ทั้งกลุ่มก็หัวเราะ คาดเอาว่าเฮียน่าจะสนิทกับคนกลุ่มนี้พอสมควร อีกฝั่งถึงกล้าหยอกแรงขนาดนี้ ถ้าบังเอิญฉันเป็นแฟนเฮียจริง ได้ยินทักทายแบบนี้คงได้มีเคลียร์กันหลังไมค์ “ก๋วยเตี๋ยวมากินก่อนเลย เฮียไปหาพวกมันแป๊บ” ฉันพยักหน้าตอบ ไม่ได้งอแงที่ต้องนั่งอยู่คนเดียว จังหวะมองตามหลังพี่ชายโดยไม่มีจุดโฟกัส สายตาก็ปะทะกับใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในกลุ่มนั้น ‘หล่อ’ คำนี้ผุดขึ้นมาในหัว เขามองฉันโดยไม่หลบตา ฉันเองก็มองเขาโดยไม่หลบตาเช่นเดียวกัน เรื่องอะไรจะทำแบบนั้น ในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด “เล็กแห้ง แล้วก็เล็กต้มยำมาแล้วครับ” เป็นเด็กในร้านที่ทำให้ฉันละสายตาจากคนอีกฟากหนึ่ง ความสนใจเปลี่ยนจากใบหน้าหล่อเหลา เป็นชามก๋วยเตี๋ยวกลิ่นหอมฉุย เฮียน็อตเดินกลับโต๊ะตอนที่ฉันซัดก๋วยเตี๋ยวไปแล้วกว่าครึ่งชาม แต่ถึงอย่างนั้นคนกินไวก็หมดก่อนฉันเหมือนอย่างเคย เราออกจากร้านทันทีหลังกินเสร็จ ตอนเดินออกมาเพื่อนต่างคณะของเฮียไม่อยู่แล้ว ฉันแวะซื้อขนมในร้านสะดวกซื้อ หยิบเต็มตะกร้าไว้เผื่อแผ่ไปยังไอ้เพื่อนตัวดีที่ไลน์ตามจิกเหมือนกับไก่ “มีอะไรโทรหาเฮีย ถ้าบอสไปส่งไม่ได้เดี๋ยวมารับ” ตะเบ๊ะรับอย่างแข็งขัน ได้รับสายตาเอ็นดูพร้อมกับมือที่ขยี้ย้ำลงบนหัว ฉันเดินเข้ามาในตึกคณะสถาปัตย์ ทั่วบริเวณลานเต็มไปด้วยนักศึกษาที่กำลังก้มหน้าก้มตาติดนั่นต่อนี่ ดูท่าจะใกล้ถึงเดดไลน์ ถึงได้ดูมีไฟในการทำงานกันมากขนาดนี้ “ไม่มาพรุ่งนี้เลยละ” “แล้วก็ไม่บอก” ฉันหมุนตัวเตรียมเดินกลับ แต่เดินได้แค่ครึ่งก้าวแขนก็ถูกยึด “ล้อเล่นไหม นั่งค่ะคนสวย เชิญนั่งค่า” ไอ้บอสปัดที่ให้ฉันนั่งอย่างเอาใจ แม้ปากมันจะเบ้แบะแต่ก็ยังพูดเยินยอ คงกลัวไม่มีคนช่วยทำงานนั่นแหละ ไม่ได้พิศวาสอะไรกันนักหรอก “พึ่งทำได้แค่เนี่ย?” ฉันมองงานที่พึ่งทำได้ไม่ถึงครึ่งแล้วเปลี่ยนไปมองหน้าไอ้ตัวดี ก็ว่าทำไมมันรบเร้ากับฉันจัง ที่แท้ก็ยังทำไม่ถึงไหน “เออ ก็ถ้าทำเยอะแล้วจะเรียกให้ช่วยทำไมล่ะ” ดูมันตอบ อยากจะเตะให้หงายหลังแล้วตามไปกระทืบซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในมหา’ ลัย แล้วก็ยังอยู่ในถิ่นมัน ฉันจะเล่นงานให้กระอัก “โทรเรียกไอ้ปั้นเลย” กลัวว่าถ้ามีกันแค่สองคนคืนนี้คงไม่ได้นอน ดังนั้นจึงให้ไอ้บอสโทรเรียกเพื่อนสนิทอีกคนให้มาช่วย “โทรแล้ว มันไปค่าย กลับมาวันเสาร์โน่น” ให้ตายเถอะ วิศวะจะออกค่ายกันทุกเดือนเลยรึไง หลังบ่นไปก็ไม่ได้ทำให้งานเสร็จไวขึ้น จึงหยุดทุกอย่างแล้วโฟกัสกับไอ้กระดาษแผ่นเล็กแล้วก็กระปุกกาวในมือ จดจ่อจนสายตาเริ่มล้า จึงเลื้อยตัวลงกับเสื่อพักเอาแรง “ชะนีนิวลุกขึ้นเลย อย่ามาอู้” “ง่วง” นี่ก็เกือบห้าทุ่มเข้าไปแล้ว ปกติถ้าไม่ได้ไปไหนฉันจะนอนเร็ว อีกอย่างก็ยังอึนจากเหล้าที่ดื่มมาเมื่อคืน ทำให้ตอนนี้ตาฉันหนักอึ้งเหมือนมีคนเอาหินถ่วง “อย่าสะตอค่ะ ลุกเลย เร็ว ๆ” “โอ้ยยยย แกก็ทำไปก่อน ขอพักสิบนาที” ปัดมือที่เขย่าตัวออกอย่างรำคาญ “พูดดี ๆ ไม่ฟังใช่ไหม ได้...” ไม่สนใจว่าไอ้บอสจะทำอะไร ยังฟุบหน้าอยู่กับหมอนกระต่ายที่หยิบมาจากรถของเฮียน็อต ระหว่างนั้นได้ยินเสียงหัวเราะฮึดังอยู่ข้างตัว ตาขวาเริ่มกระตุกเหมือนเป็นลางบอกใบ้เหตุ ฉันรู้สึกถึงเค้าลางความฉิบหายยังไงบอกไม่ถูก ตัดสินใจยืดตัวแล้วลืมตา สิ่งแรกที่เห็นคือไอ้บอสกำลังยกยิ้มตรงมุมปาก สายตาที่มองมาแสดงชัด ‘เสร็จกูแน่’ หลังจากนั้นมันก็อ้าปากแล้วตะโกน “พี่ครับพี่ เพื่อนผมมันชอบพี่!” ฉันตาตื่นเมื่อไอ้บอสชี้นิ้วเข้ามาหา สายตาหลายสิบคู่มองตรงมายังฉัน โดยเฉพาะผู้ชายกลุ่มนั้นที่มันบอกว่าฉันชอบ ไอ้เหี้ยบอส ไอ้เพื่อนชั่ว ไอ้วอดวาย ไอ้ฉิบหาย!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม