บทที่ 5

1334 คำ
บทที่ 3 นลินดาไปทำงานในเช้าวันใหม่ด้วยการงัวเงียติดอ่อนเพลีย เพราะตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาหญิงสาวแทบไม่ได้นอนทั้งคืน ต้องตามมารดาบุญธรรมไปโรงพยาบาล หลังจากทำแผลเสร็จแล้วพอกลับมาถึงบ้านก็ต้องปวดหัวหนักกว่าเดิม เมื่อเอริณอาละวาดทำลายข้าวของในห้องนอนจนเละเป็นโจ๊ก เธอและคนรับใช้อีกสองคนต้องทำความสะอาดห้องแทบทั้งคืน พอล้มตัวลงนอนไม่ทันถึงสองชั่วโมงดี ก็ต้องตื่นมาเตรียมอาหารมื้อเช้าให้บุพการีบุญธรรมทั้งสอง ก่อนจะเดินทางมาทำงานหลังจากลางานไปหนึ่งวันแล้ว           ทันทีที่เดินเข้ามาในร้านอาหารซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของตนเอง ผู้เป็นเจ้าของร้านถึงกับเอ่ยเรียกด้วยความดีใจเมื่อเห็นนลินดามาทำงานในวันนี้           “นลิน...พี่ดีใจที่สุดที่นลินกลับมาทำงานแล้ว” ปาริดาเจ้าของร้านอาหารเอ่ยทักพร้อมกับเดินไปจับมือนลินดาโดยไม่ลืมบ่นอุบในตอนท้ายด้วย “รู้ไหมเมื่อวานลูกค้าแทบทุกรายถามหาแต่นลิน แถมลูกค้าก็เยอะมาก พี่ทำอาหารไม่ทัน บางคนถึงกับยอมไปกินข้าวร้านอื่นเพราะต้องรอนานเป็นชั่วโมง” “ลูกค้าเยอะมากเลยหรือคะพี่ปา” นลินดาเอ่ยถามพลางหยิบผ้ากันเปื้อนและหมวกสีขาวมาสวมใส่ให้เรียบร้อยก่อนลงมือทำอาหาร “ใช่แล้วจ้ะ” ปาริตาพยักหน้ารับก่อนจะชี้นิ้วไปยังตึกสูงนับสิบๆ ชั้น ซึ่งอยู่ถัดจากร้านอาหารของตนไปราวๆ ห้าร้อยเมตรแล้วเอ่ยบอกต่อว่า “นลินเห็นตึกใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จตึกนั้นไหมจ๊ะ” นลินดาหันมองตามคำบอกของปาริตา ตึกสูงที่ว่าถูกออกแบบอย่างทันสมัยสวยงาม เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน “ค่ะพี่ปา ตึกนี้นลินได้ยินคนงานก่อสร้างพูดกันว่ามูลค่ารับเหมาเป็นพันล้าน เจ้าของตึกสั่งให้ใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพเกรดเอ และเป็นชนวนกันไฟไหม้ด้วย แว่วๆ ว่าเจ้าของตึกเป็นชาวต่างชาติใช่ไหมคะพี่ปา” “ใช่จ้ะ พี่ได้ยินมาเหมือนกันว่าเป็นของชาวต่างชาติ รู้สึกว่าจะเป็นเศรษฐีชาวรัสเซีย และเมื่อวานก็เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว หลายบริษัทที่เช่าตึกนี้เป็นสำนักงาน ต่างก็เริ่มทำงานเป็นวันแรก” “ตึกสูงเป็นสิบๆ ชั้น คงมีสำนักงานเป็นร้อยและพนักงานก็มากเอาการ นั่นทำให้ร้านของพี่ปามีลูกค้ามากขึ้นเป็นเท่าตัวใช่ไหมคะ” นลินดาเอ่ยยิ้มๆ รู้สึกดีใจที่ร้านของเจ้านายแสนดีคนนี้มีลูกค้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย “ถูกต้องแล้วนลิน ถือว่าเป็นอานิสงส์ให้ร้านของเราพลอยมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย และวันนี้เรามีออเดอร์อาหารให้เอาไปส่งที่ตึกนั้นด้วยจ้ะ” นลินดาเบิกตาโตพลางเอ่ยถามกลับไปว่า “พนักงานบนตึกนั้นสั่งหรือคะ พี่ปา” “ใช่แล้วนลิน ผู้จัดการบริษัทโมเดลลิ่งมาสั่งเมื่อวาน เขาให้พี่ทำกับข้าวสี่รายการสำหรับพนักงานหนึ่งร้อยคน ให้เอาไปส่งที่ชั้น 19 ของตึก พี่ดีใจจนแทบกระโดดตัวลอย ดีใจที่เขาไว้ใจเลือกร้านของเราให้ทำอาหารให้พนักงานของเขารับประทาน” “กับข้าวสี่อย่างสำหรับพนักงานหนึ่งร้อยคน ถ้ายังงั้นเราต้องรีบลงมือทำอาหารแล้วล่ะค่ะพี่ปา เดี๋ยวไม่ทันส่งอาหารให้เขาก่อนมื้อเที่ยง” ขณะเอ่ยเตือนเจ้าของร้านผู้ใจดี นลินดาก็เดินเข้าไปในห้องครัวขนาดใหญ่ และก็เห็นว่ามีพนักงานหลายคนกำลังจัดเตรียมเครื่องปรุงอาหารต่างๆ เพื่อรอให้เธอและกุ๊กอีกสองคนได้ทำการปรุงอาหาร “ลุกมือกันเลยจ้ะ แต่เขาสั่งเป็นอาหารมื้อเย็นจ้ะนลิน” ปาริตาเอ่ยบอกยิ้มๆ แก้ไขความเข้าใจผิดขณะเดินตามลูกน้องสาวเข้าไปในห้องครัว นลินดาชะงักฝีเท้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาเอ่ยถามด้วยความสงสัย “อ้าว! ทำไมเป็นมื้อเย็นล่ะคะ นลินนึกว่าเขาสั่งสำหรับมื้อเที่ยงซะอีก” ทุกครั้งที่มีออเดอร์ทำอาหารจำพวกอาหารกล่อง ก็มักเป็นอาหารมื้อเที่ยงทั้งนั้น เพิ่งมีรายนี้รายแรกที่สั่งให้ทำสำหรับอาหารมื้อเย็น “คนที่มาสั่งอาหารเขาบอกพี่ว่าเย็นนี้บริษัทของเขาจะมีการ [1]แคสติ้งนางแบบ (casting) เพื่อเดินแบบในงานแฟชั่นโชว์ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า บอสของเขาซึ่งเป็นเจ้าของตึกและเป็นเจ้า ของบริษัทโมเดลลิ่งยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคเอเชียต้องการเตรียมงานให้พร้อมที่สุดและไม่มีคำว่าผิดพลาด จึงสั่งให้พนักงานทุกคนทำงานล่วงเวลาไปจนถึงเที่ยงคืนทุกวันจนกว่าจะถึงวันเดินแบบ” “โดยมีอาหารมื้อเย็นเลี้ยงพนักงานทุกวันและร้านของเราก็ทำอาหารไปส่งทุกวันถูกต้องไหมคะ พี่ปา” นลินดามั่นใจว่าต้องเป็นเช่นนั้น และปาริตาก็พยักหน้ารับ ยิ้มหน้าบานกับเม็ดเงินที่ไหล่เข้ามาร้านของตน “ใช่แล้ว นลิน ภายในเจ็ดวันนี้พวกเราต้องทำงานหนักหน่อยนะ แต่ไม่ต้องห่วงพี่จ่ายเงินล่วงเวลาให้ทุกคนแน่นอนจ้ะ” คราวนี้ปาริตาหันไปบอกพนักงานในร้านทุกคน ซึ่งกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเตรียมเครื่องปรุงเพื่อรอเวลาให้กุ๊กได้ลงมือปรุงอาหาร “ดีจังเลยที่ได้ทำงานล่วงเวลา” นลินดาเอ่ยพึมพำกับตนเอง ที่ดีใจหาใช่เพราะได้เงินค่าล่วงเวลา แต่ที่เธอดีใจนั้นก็เป็นเพราะว่าจะได้ใช้เป็นเหตุผลในการกลับบ้านช้า เพราะเธอไม่อยากอยู่เป็นที่ระบายอารมณ์ของเอริณรวมทั้งมารดาบุญธรรม ซึ่งทุกครั้งที่เอริณอารมณ์เสียคนที่ถูกเล่นงานก็คือเธอคนเดียวเท่านั้น “นลินขอดูรายการอาหารที่จะทำหน่อยคะพี่ปา” นลินดาเอ่ยบอกเจ้าของร้าน “นี่จ้ะ นลิน” ปาริตาหยิบรายการอาหารให้นลินดารับไปอ่าน ส่วนนลินดาพอได้รายการอาหารมาแล้ว ก็กวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปคุยกับกุ๊กอีกสองคนเพื่อตกลงกันว่าใครรับผิดชอบทำอาหารอะไรบ้าง “นลินขอทำอาหารก่อนนะคะพี่ปา” “ลงมือเลยนลิน ทำให้สุดฝีมือเลยนะ พวกเขาจะได้ติดใจในรสมือของนลิน” ปาริตาสั่งพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างมั่นใจว่าทุกคนที่ได้กินอาหารฝีมือของนลินดาต้องติดใจในทุกรายอย่างแน่นอน “ได้เลยค่ะพี่ปา” นลินดารับคำคลี่ยิ้มให้เจ้าของร้านผู้ใจดี ก่อนจะลงมือทำอาหารตามที่ได้ร่ำเรียนมาและฝึกปรือฝีมือจนกลายเป็นกุ๊กมือหนึ่งของร้านนี้ไปแล้ว ด้วยมารดาบุญธรรมประกาศว่าจะให้เรียนจบแค่ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพเท่านั้น นลินดาจึงเลือกเรียนในสาขาวิชาคหกรรม เรียนทำอาหารทำขนมเพื่อเป็นวิชาชีพติดตัว และหญิงสาวก็ตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกเรียนในสาขาวิชานี้ เพราะเธอได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาหางานทำเพื่อเลี้ยงตัวเอง           และขณะเอื้อมมือไปหยิบอุปกรณ์เตรียมทำอาหาร พลันนั้นสายตาก็มองปะทะกับนิ้วมือของตนเองข้างที่ถูกมีดบาดเมื่อวาน ซึ่งตอนนี้เธอติดพลาสเตอร์ยาแล้ว พอเห็นบาดแผลก็นึกถึงเจ้าของผ้าเช็ดหน้าสีขาว ที่เธอซักทำความสะอาดเรียบร้อยและนำผ้าเช็ดหน้าติดตัวมาด้วย หญิงสาวไม่รู้ว่าผู้ชายคนที่ทำแผลให้ด้วยกริยาอ่อนโยนนั้นคือใครกัน และได้แต่หวังว่าจะมีโอกาสพบเขาอีกสักครั้ง เพียงเพื่อคืนผ้าเช็ดหน้าให้กับเขาเท่านั้นเอง...  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม