“หวังดีก็หาว่ายุ่ง ถ้านายวิชญ์ไม่ตัดสายไปดื้อๆ เจนก็ไม่เสียเวลานอนวิ่งมาดูหรอก ไอ้เราก็นึกว่าใจเสาะฆ่าตัวตายไปแล้ว ถึงได้รีบมาดู...หึ! นอกจากจะไม่เห็นความดีของคนอื่นแล้ว ยังมากล่าวหากันทุเรศๆ แบบนี้อีก” เธอพูดรัวเร็วด้วยความโมโห แทบไม่เว้นจังหวะหายใจ มือกำแน่น อยากจะเหวี่ยงหมัดซัดใส่หน้าขาวๆ นี่นัก
“ทุเรศงั้นเหรอ”
“ใช่! ทุเรศมาก เจนไม่เคยคิดจะทำอะไรต่ำๆ แบบนั้นหรอก”
“หึ! เธอรู้เหรอว่าฉันคิดอะไร” น้ำเสียงเยือกเย็นและท่าทางคุกคามของเจ้านาย ทำเอาเธอก้าวถอยหลังกรูด
“ไม่รู้! รู้แต่ว่าเป็นความคิดชั่วๆ” ริมฝีปากเบะออก ท่าทางยียวนกวนประสาท
“ฉันเคยคิดนะ ว่าเธอไม่เหมือนคนอื่น”
“อะไร?” จู่ๆ เขาก็พูดในสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ
“แผนสูงกว่าที่ฉันคิดมาก เอาสิ ทำแบบนี้บางทีฉันอาจจะลองเล่นตามเกมเธอก็ได้”
“กะ...เกมอะไร” เจนจิราถอยหลังไปจนชิดขอบเตียง ก่อนจะใช้มือคลำหาทางหนี เมื่อเจ้านายยังเดินเข้ามาไม่หยุด
“ทำไมต้องแกล้งโง่ อยากนอนกับฉันก็บอกตรงๆ สิ”
“ใครจะอยากนอนกับนายวิชญ์กัน ถอยออกไปนะ”
เจนจิราหน้าถอดสี เมื่อเจ้านายโน้มตัวลงมา กักเธอไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ใบหน้าคมก้มลงมาใกล้ สายตาจ้องประสานกัน เธอถึงกับหนาวสะท้าน ขนลุกซู่ไปทั้งกาย นี่มันแววตาของฆาตกรโรคจิตชัดๆ
“นะ...นายวิชญ์จะทำอะไร”
“เธอคิดว่าไงล่ะ”
“นายวิชญ์...ยะ...อย่านะ” หญิงสาวก้าวถอยหลัง แต่ไม่ทันแล้ว เมื่อมือใหญ่คว้าจับไหล่เธอบีบแน่น
“อยากได้แบบนี้ไม่ใช่เหรอ จะหนีทำไม” เสียงหัวเราะในลำคอ แต่แววตากลับดูเยือกเย็น ไอร้อนผ่าวจากตัวเขาทำให้ประสาทเธอตึงเปรี๊ยะ
เจนจิราออกแรงดิ้น ใบหน้าซีดเผือด ยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกลัวเขาจริงๆ ที่ผ่านมาถึงแม้จะเคยมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน ถกเถียงจนหน้าดำหน้าแดง แต่จบก็แยกย้ายไม่มีเสียเลือดเสียเนื้อ แต่คราวนี้แค่สบตาเจ้านาย เธอก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ยิ่งเธอออกแรงดิ้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งบีบแน่นจนกระดูกแทบแหลกคามือ
เจ็บกายไม่เท่าไหร่ แต่ที่น่าปวดใจคือแววตาเยาะหยัน กำลังกวาดมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า อย่างประเมินราคา มุมปากกดลึก ดวงตาดุดันเยือกเย็นน่ากลัวกำลังแผ่รังสีอำมหิตออกมา ทำเอาร่างเธอสั่นน้อยๆ อย่างห้ามไม่อยู่
แต่ก่อนเตวิชญ์คือเจ้านายแสนดี น่ารัก สนุกสนาน ลูกน้องสามารถพูดคุยเล่นเย้าแหย่ได้ไม่เคยโกรธ แต่ตอนนี้ราวกับปีศาจร้าย มองเธอตาขวาง หากเผลอพูดผิด หรือไม่ถูกหูเพียงนิดเดียว อาจถึงตายได้ง่ายๆ
“เคยเตือนแล้วใช่มั้ย ว่าอย่ายุ่งเรื่องของฉัน แต่ในเมื่อเธอไม่ฟัง กล้าล้ำเส้น คราวนี้ฉันคงต้องสั่งสอนให้หลาบจำบ้าง”
“สั่งสอน! หึ...บอกตัวเองเหอะ” จะถูกเชือดอยู่แล้ว เธอยังไม่วายปากดี อ้าปากเถียงเขาฉอดๆ “...ก็ถ้านายวิชญ์เก่งอย่างที่พูด เจนก็จะไม่ยุ่งเลย รับรองไม่มีทางเฉียดเข้าใกล้...แต่นี่ แค่อกหักทำเหมือนโลกจะแตก งานการทำแบบซังกะตาย เลิกงานก็เอาแต่กินเหล้า แล้วยังกล้าพูดว่าตัวเองไม่เป็นอะไร อ้อ...แล้วเจนก็ไม่เคยพิศวาสนายวิชญ์ โปรดเข้าใจไว้ด้วย ที่ทำแบบนี้ก็เพราะกลัวทุกคนจะตกงาน อดตาย เพราะเจ้านายมันไม่เอาไหน”
เจนจิราก็ยังเป็นเจนจิรา ต่อให้จนมุมแค่ไหน ฝีปากก็ไม่เคยแผ่ว ยืดอกเถียงกลับ จ้องตาไม่มีหลบ จากที่หวาดกลัวก็อันตรธานหายไปจนหมด หรือแท้จริงแล้ว ลึกๆ ในใจ เธอยังเชื่อมั่นในตัวเขา...เตวิชญ์ไม่ใช่คนเลวร้าย
“เจนจิรา!!”
“ถ้าแน่จริง นายวิชญ์ก็พิสูจน์ตัวเองสิ ว่าไม่เป็นไร กลับมาทำงานให้ได้เหมือนเดิม แล้วเจนจะเชื่อว่านาย...ไม่ใช่คนอ่อนปวกเปียก”
“อ่อนปวกเปียกงั้นเหรอ...มันจะมากไปแล้วนะ!” หน้าชาไปชั่วขณะ เมื่อถูกลูกน้องสาวพูดจาสบประมาท
“ไม่มากหรอก เจนจะบอกอะไรให้นะ นอกจากหล่อรวยแล้ว ผู้หญิงเค้าก็ชอบผู้ชายเก่งๆ ทั้งนั้น ควงไปไหนมาไหนก็ภูมิใจ แล้วนายวิชญ์ดูตัวเองตอนนี้สิ ทำอะไรได้บ้าง นอกจากอยู่แบบซังกะตายไปวันๆ ถ้าไม่ไหวก็บอก ให้หมอฤทธิ์เข้ามาจัดการแทน เจนจะได้ไม่เหนื่อยที่มีเจ้านาย ไม่เอาไหน”
ในเมื่อเขาไม่ยอมฟื้นคืนสติสักที งานนี้เธอก็ต้องใช้ยาแรง รับรองคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีแบบเตวิชญ์ไม่ยอมแน่ แต่เธอคงลืมคิดไปว่า ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมรับได้ ที่ถูกเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วคนนั้นยังเป็นพี่ชาย ศัตรูหัวใจที่เขาเคยพ่ายแพ้ราบคาบ เธอกำลังตอกย้ำว่าเขามันกระจอก!
เตวิชญ์โกรธจัด กรามขบแน่น ใบหน้าคมขาวหล่อเหลา บัดนี้แดงก่ำด้วยแรงโทสะ ขาดสติ หลงลืมตัว มือกระชากไหล่เธอเต็มแรง พร้อมจะฟาดฟัน แม้คนนั้นจะเป็นเจนจิรา ลูกน้องสาวคนรู้ใจ
...กล้ามาก ไม่เคยมีใครกล้าพูดจาดูถูกเขาแบบนี้มาก่อน
ได้!!...ถ้าเธออยากรู้ว่าคนแบบเขาทำอะไรได้บ้าง เธอก็จะได้รู้
“นะ...นายวิชญ์จะทำอะไร…” เจนจิราหน้าซีดเผือด เมื่อเจ้านายหนุ่มก้มหน้าเข้ามาใกล้ นัยน์ตาจ้องประสานกัน มุมปากหยักกระตุกยิ้ม แต่ไปไม่ถึงดวงตา ก่อนริมฝีปากหนาจะฉกลงมากระแทกปิดปากเรียวเล็ก โดยที่เจ้าตัวไม่ทันระวัง
เจนจิรายืนนิ่ง ร่างกายแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าตื่นตะลึง ริมฝีปากเรียวบางเจ็บแปลบเมื่อถูกขบเม้ม บดขยี้ เธอส่งเสียงร้องครางประท้วง แต่เขาไม่สนใจกลับแทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพลงปากสาว ตวัดรัดรึงลิ้นเล็กบดจูบอย่างช่ำชอง ร่างสาวชาวาบราวกับมีกระแสไฟอ่อนๆ วิ่งวนไปทั่ว จูบครั้งที่สองกับผู้ชายคนเดิม
“อือ…อื้อ…” เจนจิราส่งเสียงประท้วง ดิ้นรนหนีเท่าที่แรงจะมี แต่เขาหรือจะยอม มือหนาจับคางเธอไว้มั่น และบดขยี้จูบไม่ยอมปล่อย
มือเล็กยกขึ้นทุบตีอกเปลือยเปล่า แต่ร่างสูงใหญ่กลับนิ่งไม่ไหวติงราวกับกำแพงหนา ไม่นานเธอก็หมดแรงได้แต่วางมือทาบไว้อย่างนั้น แล้วจูบหนักหน่วงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดูดดื่ม หัวสมองพลันขาวโพลน สติเริ่มเลือนราง ลมหายใจถูกเขาดูดกลืนกินไปจนหมด แทบจะขาดอากาศหายใจตาย