11 เบื่อความหวังดี

1200 คำ
‘ก๊อก ก๊อก’ เจนจิราเคาะประตู มือยกค้างไว้ หัวใจเต้นระทึกทั้งกลัวเขาอยู่ และไม่อยู่ แทบกลั้นหายใจรอฟังเสียงจากด้านใน แต่ทุกอย่างเงียบกริบ ราวกับบ้านทั้งหลังมีเธออยู่เพียงคนเดียว หญิงสาวลองเอาหูแนบประตู...เงียบ ไม่มีเสียงอะไร ...เอาวะ ลองดู... มือจับประตูบิดเบาๆ...อะไรกัน?!! ประตูใหญ่ไม่ได้ล็อค ประตูห้องนอนก็ไม่ได้ล็อคอีก ทำไมสะเพร่าแบบนี้ หากมีใครคิดไม่ดีลักลอบเข้ามาทำร้ายจะทำยังไง โดยที่เธอลืมนึกไปว่า คนแบบเตวิชญ์ใครจะล้มเขาได้ง่ายๆ ในเมื่อพี่น้องตระกูลแสงสุขต่างมีฝีไม้ลายมือการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา “นายวิชญ์...ขออนุญาตเข้าไปนะคะ” เธอดันประตูเปิดเบาๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปก่อน ภายในห้องนอนมีแสงไฟสลัวจากโคมไฟข้างหัวเตียงเพียงดวงเดียว มิน่าเธอมองมาจากหน้าบ้านถึงมืดมิดเหมือนไม่มีใครอยู่ในห้อง “นายวิชญ์ นายวิชญ์อยู่หรือเปล่า…” หญิงสาวส่งเสียงเรียกเบาๆ แต่กลับไร้สัญญาณตอบรับใดๆ กลับมา “ทำไมยังไม่กลับ ไปไหนของเค้านะ หรือว่า...จะเกิดเรื่องแล้วจริงๆ!” ในใจร้อนรนขึ้นมาทันทีด้วยความเป็นห่วง ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู...เกือบห้าทุ่มแล้ว เจนจิราหมุนตัวจะเดินออกจากห้อง มือล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา เตรียมกดโทรหานริส แต่ก็ต้องหันขวับกลับไปมองด้านหลังด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมาพอดี หญิงสาวอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง ร่างแข็งทื่อจนก้าวขาไม่ออก หัวใจเต้นรัวกระหน่ำรุนแรง สมองพลันหยุดสั่งการชั่วคราว เมื่อเจ้านายที่เธอตามหา กำลังก้าวออกมาจากห้องน้ำ ...ร่างเปลือยเปล่า!! แผ่นอกหนาแน่น มองเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ มีหยดน้ำเกาะพราว ผิวขาวออร่าส่วนที่ไม่โดนแดดกระแทกตาอย่างแรง ใบหน้าหล่อเหลากอปรกับรูปร่างสูงใหญ่เกินกว่ามาตรฐานชายไทย สาวคนใดเห็นก็อดมองไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่เธอ ต้องมาเจอกับภาพเนื้อๆ เน้นๆ แบบนี้ ไม่หัวใจวายตายก็ดีเท่าไหร่แล้ว แล้วสายตาก็มองต่ำลงไป แสงไฟจากห้องน้ำสาดส่องมาที่ร่างบึกบึนราวกับกำลังก้าวขึ้นบนเวที ทั้งโดดเด่นและเห็นชัด...ชัดเต็มตา “กรี๊ดดดด!!” ...ติดตา!! เจนจิรายกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ก่อนจะหมุนตัวกลับ หัวใจเต้นรัวกระหน่ำเป็นกลอง อีกมือยกขึ้นทาบอกกลัวจะหายใจวายตายไปเสียก่อน ใบหน้าสาวแดงก่ำ...ตายแล้วๆ พ่อแก้วแม่แก้ว เกิดมาไม่เคยเห็นชัดเต็มตาขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นเจ้านายตอนเปลือย แต่นั่นก็แค่ส่วนอก แต่คราวนี้ทุกสัดส่วน ตายๆ แบบนี้จะมองหน้ากันยังไง “มีอะไร” มือใหญ่คว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอว ก่อนจะเอ่ยถามผู้ช่วยสาวเสียงห้าวดังกังวาน ส่วนคนที่บุกรุกเข้าห้องคนอื่น ยังยืนหันหลังนิ่ง ความคิดฟุ้งซ่านไปไกล ไม่ได้ยินเสียงเจ้านายเอ่ยถาม “เจน!…ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง มีเรื่องอะไรถึงมาที่นี่” “เอ่อ…จะ...เจนแค่…นายวิชญ์แต่งตัวก่อนดีมั้ย” เธอบอกเขาปากคอสั่น ภาพเมื่อครู่ยังติดตา สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด รับรองตากุ้งยิงถามหาแน่นอนอาการแบบนี้ “มีอะไรก็พูดมา” เสียงเตวิชญ์เดินห่างออกไป ก่อนจะได้ยินเสียงดังสวบสาบ เธอก็พรูลมหายใจออกมา ไม่แน่ใจว่าตัวเองโล่งอก หรือกำลังเสียดายกันแน่ ทะลึ่ง ลามก!...เธอนี่แหละไม่ใช่เขา “...เอ่อ...เจนแค่จะแวะมาดูว่านายอยู่หรือเปล่า” เรื่องที่คิดว่าจะคุย มันกระเจิงหายไปตั้งแต่เห็นเจ้านายในสภาพล่อนจ่อนแล้ว แค่ตอนนี้เธอไม่หัวใจวายตายไปเสียก่อน ก็บุญเท่าไหร่ อย่าถามมีเรื่องอะไรเลย แค่ถามว่าตอนนี้เธอเป็นใครก็ไม่รู้จะตอบถูกไหม...ไม่ไหวคราวหน้าเธอคงไม่กล้าพรวดพราดเข้าห้องผู้ชายแบบนี้อีก หางตาแอบชำเลืองมอง ก็เห็นร่างสูงใหญ่มีผ้าขนหนูพันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ ริมฝีปากเรียวเม้มแน่น เขาจะแต่งตัวให้มันดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง “ทำไม? มีอะไรจะคุยกับฉัน” “เออจริงสิ!...ตอนสี่ทุ่มเจนโทรหา ยังไม่ทันคุยอะไร โทรศัพท์นายวิชญ์ก็ตัดไปซะก่อน” เมื่ออีกฝ่ายสะกิด เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยากมาดูให้แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านาย “หือ?” “เจนได้ยินเหมือนเสียงกระแทกอะไรสักอย่าง เกิดอะไรขึ้น...นายวิชญ์เป็นอะไร บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เธอถลาเข้าไปหาเขา แต่กลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยมาก็ทำเธอชะงัก นี่เขาอาบหรือกินกันแน่ ขนาดอาบน้ำแล้ว ยังได้กลิ่นเหล้า “เปล่า” “เปล่าได้ไง ก็เจนได้ยินเหมือนเสียงคนล้ม หรือไม่ก็...อะไรแตกสักอย่าง” “ฉันบอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ! เธอเป็นอะไร ชักจะยุ่งเรื่องของฉันมากเกินไปแล้วนะ” น้ำเสียงห้วนกระด้างไม่พอใจ ทำเอาเจนจิราชะงัก ทั้งที่เธอห่วงใย กังวล กลัวเขาจะเป็นอะไร แต่เตวิชญ์กลับหาว่าเธอเสือกเรื่องของเขา “เจนก็ไม่อยากยุ่งนักหรอก แต่เห็นว่าช่วงนี้นายไม่สบายใจ กลัวจะคิด....” “ป๊ายังไม่เคยสนใจเลยว่าฉันจะอยู่ไหน ทำอะไร แล้วเธอเป็นใคร...อย่ามาพูดว่าหวังดี เพราะฉันเบื่อคำนี้เต็มทน” “ถ้าไม่อยากให้ใครเป็นห่วง นายวิชญ์ก็เลิกกินเหล้าสิ กินทุกคืน ไม่เห็นมันจะช่วยให้หายอกหักซะที” “เป็นลูกน้องก็อยู่ส่วนลูกน้อง อย่ามาจุ้น!...หรือที่ตามตอแยฉัน เธอต้องการอะไรกันแน่” “นายวิชญ์!” เจนจิราเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ตกตะลึง นี่เขากำลังแปลเจตนาเธอผิดไปใช่ไหม “หรือไม่จริง ฉันเห็นเธอตามวอแวไม่เลิก ห้าทุ่มเที่ยงคืนก็ยังกล้ามาที่นี่ ทั้งที่ใส่เสื้อผ้าแบบนี้ จะให้ฉันคิดว่าไง” สายตากวาดมองลูกน้องสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า น้ำเสียงเยาะหยัน ฟังดูแปลกหู เจนจิราก้มลงดูตัวเอง เธอปกติทุกอย่าง เสื้อผ้าก็ปกติ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นเธอในสภาพนี้ มีแต่เขานั่นแหละที่ผิดปกติ แต่พอเงยหน้าขึ้นจ้องประสานสายตากัน แววตาดูหมิ่นดูแคลน มองเธอราวกับกำลังประเมินสินค้าราคาถูก เจนจิราก็ถึงกับหน้าถอดสี ก่อนใบหน้าสาวจะแดงก่ำ โทสะพวยพุ่ง โกรธจนควันออกหู เห็นเจ้านายตัวเท่ามด คนแบบเจนจิราฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ “ไอ้เจ้านายบ้า!...ไอ้เรารึเป็นห่วง คิดว่าป่านนี้คงกินเหล้า เมาแล้วขับรถพุ่งลงข้างทางไปแล้ว ถึงได้โทรถาม” “ยุ่ง!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม