“หลบหน้าทำไม...เธอพูดเองว่าจะลืมเรื่องคืนนั้น แล้วทำไมทำแบบนี้ กล้าพูดก็ต้องทำให้ได้สิ”
“เจนไม่เคยพูดถึงมัน นายวิชญ์จะรื้อฟื้นอีกทำไม” ถึงปากเธอจะบอกว่าลืม แต่ใจมันก็ห้ามยาก บางครั้งก็ยังหวนคิดถึงเรื่องเก่าๆ รวมทั้งเรื่องคืนนั้น แต่เธอก็ปิดปากตัวเองสนิท ไม่เคยเอามาพูดย้ำซ้ำซากแบบเขาหรอก
...ไม่คิดอะไร ก็ไม่ต้องมาซ้ำเติม
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะเธอเองที่คิดน้อยเกินไป แต่ในเมื่อมันแก้ไขอะไรไม่ได้ เจนจิราก็บอกตัวเองให้ทำใจ และสัญญาจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้นอีก
แต่เขาก็ยังคอยวนเวียนก่อกวนหัวใจเธอไม่เลิก ไม่รัก ไม่ชอบ ยังมาจูบเธอ แบบนี้ใครมันจะไปลืมได้
“เธอพูดเองว่าจะทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไร แล้วทำได้อย่างที่พูดมั้ย...หึ! งานการก็ไม่สนใจ เอาแต่หลบหน้า” เขาตอกย้ำความทรงจำเธออีกครั้ง เมื่อหญิงสาวไม่ทำตามที่เคยลั่นวาจาไว้
ใครหลบ!!...เธอคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ไม่เคยกลัว
“ถ้าคิดจะทำตัวแบบนี้ ฉันว่าเธอลาออกไปเถอะ มันน่ารำคาญ”
“เจนก็ทำงานตามหน้าที่แล้ว ส่วนเรื่องอื่น นายวิชญ์ไม่ต้องสนใจหรอก ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำงาน ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันดีที่สุด”
“เธอลืมไปหรือเปล่า ว่าเป็นผู้ช่วยฉัน”
จะเจอตัวผู้ช่วยสาวแต่ละครั้ง เขาต้องคอยตามคอยโทรหา ใช้ให้คนไปเรียก กว่าจะพบตัวยากเย็น หลายครั้งเข้าก็พาลรู้สึกหงุดหงิด ยิ่งได้ฟังสารพัดเหตุผลที่เจนจิราอ้าง ก็ยิ่งโมโห อยากจะจับมัดมือมัดเท้า แล้วขังไว้ในห้องทำงานซะให้เข็ด
“ผู้ช่วยก็ไม่จำเป็นต้องทำงานตัวติดกันตลอดเวลานี่ แต่ถ้านายวิชญ์ไม่พอใจ จะปลด หรือจะลดตำแหน่งเจนให้มาเป็นคนงานที่สวนองุ่นแทนก็ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“เจน!!” เธอกำลังท้าทายอำนาจ อย่าคิดนะว่าเขาไม่กล้าทำ
“หรือถ้าไม่พอใจ ก็ไล่ออกเลย!!”
“อย่าคิดว่าป๊าให้ท้าย แล้วฉันจะไม่กล้าไล่เธอออก!”
เจนจิรานิ่งเงียบ รู้สึกทึ่งตัวเองที่กล้าพูดจาท้าทายอำนาจเขา ก่อนใบหน้าสาวจะซีดลง เมื่อได้ยินเตวิชญ์เอ่ยปากไล่เธอออกโดยไม่ลังเล ในอกหนาวสะท้าน กระบอกตาร้อนผ่าว ความน้อยใจตีตื้นขึ้นมา ต้องกระพริบตาถี่ๆ หลายครั้งเพื่อให้มันไหลย้อนกลับลงไป
ไม่เคยมีสักครั้ง ไม่เคยมีในหัว ว่าวันหนึ่งจะได้ยินคำขับไล่จากปากเตวิชญ์ เธอคงไม่สำคัญกับเขาแล้วจริงๆ
ใบหน้าสาวสลดวูบ งานที่เธอรักนักรักหนา ถ้าลาออกไปตอนนี้ ก็มีคนทำแทนได้ มีแต่เธอนี่ล่ะหากถูกไล่ออกแล้วจะไปอยู่ที่ไหน ทำอะไร ลุงมิ่งอีกล่ะ แค่คิดก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก
“ถ้าอยากให้เจนทำอะไรก็สั่งมาสิ” น้ำเสียงอ่อนลง เมื่อรู้สถานะตัวเองดี คนที่ไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนัก
“เมื่อก่อนก็ทำได้ ไม่เห็นต้องสั่ง”
“ใช่สิ ก็แต่ก่อนนายวิชญ์เป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ไม่เหมือนตอนนี้ ทำอะไรก็ไม่ถูกใจ เดี๋ยวอย่างนั้นอย่างนี้ ยิ่งทำก็ยิ่งถูกด่า...จะเอายังไงก็ว่ามา เจนจะได้ทำตัวถูก” ยั้งปากไว้ไม่ทัน เผลอแขวะเจ้านายไปชุดใหญ่
“แต่ก่อนฉันว่าเธอมันกวนประสาทสิ้นดี แต่ตอนนี้...เธอทำเหมือนกำลังงอน ทำไม...หรือเปลี่ยนใจอยากจะเป็นเมียฉัน”
“ไม่ใช่!...ก็บอกแล้วไง ไม่เคยต้องการ และไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ต่างคนต่างอยู่ไปเลย”
“หึ! แน่ใจนะว่าต้องการแบบนั้น” ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาประชิดตัว ทั้งที่เธอเป็นคนค่อนข้างสูงเกินกว่ามาตรฐานหญิงไทย แต่เมื่อเทียบกับเตวิชญ์ เธอยังต้องแหงนหน้าขึ้นมอง
“จะ...จะทำอะไร”
“ไหนบอกว่าไม่รู้สึกอะไร แค่นี้ทำเป็นสั่น”
“คุณเตวิชญ์ ขยับออกไปด้วยค่ะ” เจนจิราพูดเสียงแข็ง พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ตื่นกลัว คนเยอะแยะ เขาคงไม่กล้าทำอะไรเธอหรอก
แต่พอสบตาคู่คมก็ทำเอาเธอสั่นเหมือนที่เขาว่าจริงๆ หญิงสาวเมินหน้าหลบ ก่อนจะก้าวร่นถอยหลังให้ห่างจากเขา
เมื่อก่อนเคยกินเคยเที่ยวด้วยกันดึกดื่นค่อนคืน กอดคอกันเมาก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ตอนนี้แค่สบตาก็ใจสั่น พาลจะนึกถึงคืนนั้นอยู่เรื่อย จู่ๆใบหน้าสาวก็แดงระเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“คุณเตวิชญ์งั้นเหรอ!”
สีหน้าถมึงทึง ดวงตาโกรธเกรี้ยว เมื่อได้ยินคำเรียกขานห่างเหิน ฟังแล้วระคายหูจนทนไม่ไหว เธอไม่เคยเรียกเขาแบบนี้มาก่อน ต่อให้ทะเลาะกันมากแค่ไหน เจนจิราก็ยังเคารพและเรียกเขา นายวิชญ์
กล้ามาก กล้าเรียกเขาว่าคุณเตวิชญ์ ความรู้สึกไม่พอใจต้องการเอาชนะ ทำให้เขาเผลอลืมตัวคว้าร่างที่ยืนเชิดหน้าท่าทางดื้อรั้น เข้ามากระแทกอก อยากสั่งสอนคนปากดีนัก ที่กล้าอวดเก่งและท้าทายเขา
ริมฝีปากหนาฉกลงมาประกบจูบริมฝีปากชมพูระเรื่อที่เผยอค้างไว้ กำลังจะอ้าปาพูดประชดประชันเขาต่อ แต่กลับถูกจูบแบบไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัว เจนจิรายืนนิ่งอึ้ง ตะลึงงัน ดวงตาเบิกกว้าง คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าจูบเธอในสวนองุ่นที่มีคนงานนับร้อยกำลังทำงาน
หากมีใครบังเอิญหันมาทางนี้ คงเห็นเต็มตาแบบไม่ต้องเดา แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มิต้องกลายเป็นเรื่องนินทาสนุกปากของคนทั้งแสงสุขฟาร์มหรือไง
“อือ...อื่อ...อ่อยยยยย” เจนจิรายกมือขึ้นผลักอกหนาเต็มแรง แต่เตวิชญ์กลับตวัดแขนกอดรัดเอวเล็กไว้ ก่อนจะดึงเข้ามากอดแนบอก ปากยังคงบดขยี้จูบเธอไม่ปล่อย ลิ้นหนาแทรกเข้าไปดูดกระหวัดรัดรึงลิ้นเรียวเล็ก
ความรู้สึกซาบซ่าน วาบหวามรัญจวนแปลกๆ ตรึงร่างเธอให้หยุดนิ่ง มือที่เคยผลักไสก็ยกค้าง ร่างแข็งทื่อ หัวใจเต้นรัวแทบจะกระดอนออกมานอกอก แบบนี้ทุกที...เธอมันแพ้ทางจูบเขา
“คราวหน้าอย่าคิดท้าทายฉันอีก รับรองไม่จบลงที่จูบแน่”
“นายวิชญ์!!” พอได้สติเธอก็ผลักอกเขาเต็มแรง ก่อนจะก้าวถอยหลัง ไปยืนหอบหายใจถี่ เหมือนคนวิ่งออกกำลังกายมาอย่างหนัก มือยกขึ้นเช็ดปากด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว โมโห
“หรืออยากได้มากกว่านี้” มุมปากหยักได้รูปกดยิ้ม ยั่วยุโทสะเธอให้กระพือขึ้นมาอีก