“ลูกพี่ เดี๋ยวส่งของให้ลูกค้าล็อตนี้เสร็จ เราเข้าไปในเมืองกันมั้ย”
“...”
“ลูกพี่...พี่เจน!” เรียกเท่าไหร่ลูกพี่สาวก็ยังนั่งเงียบ เดย์จึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“แกจะเสียงดังทำไม”
“อ้าว...พูดด้วยตั้งนานไม่เห็นตอบ ก็นึกว่าไม่ได้ยิน ว่าแต่เป็นไรทำไมเหม่อ”
“เหม่อไร? ฉันกำลังใช้ความคิดอยู่ไม่เห็นหรือไง”
“คิด? คิดเรื่องไรอะ” เดย์ลูกน้องคนสนิทจ้องหน้าลูกพี่สาวอย่างงงๆ ก็เห็นอยู่ว่าเหม่อ
“นายวิชญ์...ไปกินเหล้าที่บ้านพักคนงานทุกคืนเลยเหรอ” จู่ๆ ลูกพี่สาวก็ถามถึงเรื่องเจ้านายขึ้นมา
เดย์พยักหน้าหงึกหงัก แต่พอสบตาหญิงสาว ก็ตอบอ้อมแอ้มเสียงเบา “...ก็ไม่ทุกคืนหรอก บางคืนก็กินที่บ้านนาย...บางทีก็ร้านแป๊ะจงนี่แหละ ว่าแต่ลูกพี่ถามทำไม”
“เลิกกี่โมง”
“อืม…ไม่ดึกเท่าไหร่หรอก...ห้าทุ่ม”
“ห้าทุ่มทุกคืน?”
“แฮ่ๆ บางคืนก็...ดึกกว่านั้นหน่อย เที่ยงคืนบ้าง ตีหนึ่งตีสอง บางทีก็...ยันหว่าง”
“หือ?”
“เมื่อคืนก็โต้รุ่งกัน”
“มิน่า มาทำงานถึงได้นั่งหาวหวอดๆ แล้วทำไมพวกแกถึงไม่รู้จักเตือนเจ้านาย กินเข้าไปได้ยังไงทุกวันดึกดื่นเที่ยงคืน แถมสว่างคาตาอีก”
“แหม...กินเหล้ามันก็ต้องมีติดพันกันบ้างแหละ คุยเฮฮาตามประสาผู้ชาย ยิ่งดึกยิ่งสนุก ใครจะไปรู้ล่ะว่าตอนนั้นมันกี่โมงกี่ยาม”
“สนุกเหรอ” เจนจิราชะงัก สีหน้าไม่ค่อยเชื่อถือคำพูดลูกน้องนัก
เธอคิดไม่ออกเลยหน้าตาสนุกของเจ้านายตอนนี้มันเป็นยังไง เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องศึกรักระหว่างพี่กับน้อง แม้แต่รอยยิ้มก็ไม่เคยได้เห็นมันอีก
“สนุกสิ” เดย์พยักหน้าหงึกหงัก แค่พูดถึงก็รู้สึกเปรี้ยวปาก อยากให้ถึงเวลาเลิกงานไวๆ
“แล้วนายวิชญ์ล่ะ”
“นายวิชญ์ก็ดื่มด้วยกันยันหว่างนี่แหละ ไม่เลิกไม่กลับ”
“ไม่ใช่...ฉันหมายถึง นายวิชญ์สนุกด้วยเหรอ”
“อ้อ…นายวิชญ์เหรอ” เดย์ทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะตอบลูกพี่สาว “เห็นนั่งกินเหล้าเงียบๆ ไม่พูดอะไรนะ พอเหล้าหมดก็ให้ไอ้พวกนั้นไปซื้อเพิ่ม”
“นายวิชญ์…เมาทุกคืนหรือเปล่า” ถึงจะพอเดาได้ แต่ก็อยากได้ยินคำยืนยันจากปากลูกน้องคนสนิท
“ก็เมา…พี่นิคแบกไปส่งทุกคืน”
“แล้วนิคมันไม่คิดจะเตือนเจ้านายมั่งหรือไง”
“พี่นิคนะเหรอ ฮ่า ฮ่า ใครเขาจะห้ามกันลูกพี่มีเจ้านายร่วมวงด้วยดีจะตาย ดื่มกันทั้งคืน ไม่ต้องกลัวใครมาไล่” สีหน้าเบิกบาน มีความสุข เมื่อคิดถึงบรรยากาศในวงเหล้า
“เจ้านายร่วมวง? พูดดูดีนะ เหล้าฟรีน่ะสิไม่ว่า”
“รู้ทัน” รอยยิ้มเปิดกว้าง ดวงตาเปล่งประกายวิบวับ ก่อนจะยื่นมือไปจับแขนลูกพี่สาวบีบนวดเบาๆ สีหน้าประจบประแจง
ใช่แล้ว...นายวิชญ์ใจดี เลี้ยงเหล้าพวกเขาทุกคืน แต่ไม่มีใครเสียการเสียงาน สามารถหอบสังขารมาถึงที่ทำงานได้ทุกวัน โดยเฉพาะเจ้านาย ต่อให้เมาเละ ก็ยังมานั่งทำงานเหมือนคนปกติ ทั้งที่นอนไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ
“แล้วคืนนี้ยังไง ไปอีกปะ”
“จะเหลือเรอะ ป่านนี้พี่นิคคงสั่งกับแกล้ม เหล้ายาปลาปิ้งรอ พูดแล้วเปรี้ยวปาก ว่าแต่นี่มันกี่โมงแล้ว…โอ๊ย!!” เดย์ร้องขึ้นเสียงหลง เมื่อรู้สึกเจ็บแปล๊บตรงหน้าแข้ง กระโดดหลบหยองแหย็ง พลางสะบัดขาไปมา
“ลูกพี่!!…เตะฉันทำไมเนี่ย”
“ก็มันน่าโดนมั้ยล่ะ แทนที่พวกแกจะห้ามนายวิชญ์ นี่อะไร...กลับรีบไปเตรียมเหล้ายาปลาปิ้ง เห็นแก่ของฟรี ไอ้พวกชิบ…!!” เธอสบถหยาบคายด้วยความขัดใจ
“ลูกพี่…ใจเย็นน่า น้องเดย์ก็ไม่อยากไปนักหรอก...แหะ แหะ” สายตาลูกพี่สาวตวัดมองมา ทำเอาหนุ่มรุ่นน้อง รีบกระโดดหลบให้ห่างจากปลายตีน
“พวกแกน่ะรึไม่อยาก วันๆ ก็คงคิดถึงแต่ขวดเหล้าน่ะสิไม่ว่า”
“ก็…ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก เราเป็นลูกน้องไง นายวิชญ์สั่ง พวกเราต้องทำตาม...จริงมั้ย”
“สั่ง...รึพวกแกชวนกันแน่”
“เปล๊า ไม่ได้ชวน นายชวนตลอด” เดย์ปฏิเสธทันควัน
“ไม่ต้องมาเสียงสูง ฉันรู้นะว่าพวกแกคิดอะไร”
“โธ่ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่านายวิชญ์อกหัก กำลังรักษาแผลใจ พวกเราก็หวังดี ไม่อยากให้อยู่คนเดียว เดี๋ยวจะฟุ้งซ่าน”
“คนแบบนายวิชญ์ เค้าฉลาด และก็เก่งกว่าพวกแกเยอะ อกหักแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก”
“อย่านาาาา…ลูกพี่ไม่รู้อะไร ความรักมันมีอนุภาพร้ายแรงเหมือนระเบิดปรมาณูเชียวนา”
“รู้ดี เคยอกหักหรือไง” ลูกพี่สาวแยกเขี้ยวใส่ไอ้คนรู้มาก รู้จักระเบิดปรมาณูเสียด้วย
“แหะ...แหะ ไม่เคยจ๊ะ แต่ผมก็พอดูออกหรอกน่า แต่ก่อนนายวิชญ์เป็นแบบนี้ที่ไหนกัน สนุกสนาน เฮฮา เสียงดัง แต่พอคุณเกวลินแต่งงานกับหมอฤทธิ์ เจ้านายก็กลายเป็นคนเงียบ และก็กินเหล้าทุกวัน ไม่ใช่อกหัก แล้วจะให้เรียกว่าอะไร”
เจนจิรานิ่งเงียบ หรือเขาจะลืมอดีตคู่หมั้นไม่ได้จริงๆ…ไม่ได้ก็ต้องบังคับตัวเองสิ นั่นมันเมียพี่ชายนะ จะไปเศร้าให้มันได้อะไรขึ้นมา แทนที่จะสนใจเรื่องงานเรื่องเงินทอง กลับมานั่งอกหักอยู่ได้เป็นเดือน เป็นผู้ชายอกสามศอกซะเปล่า แค่นี้จะเป็นจะตาย
“สงสัยนายวิชญ์ทำใจไม่ได้ คงเจ็บหนักแหละ” ลูกน้องคนสนิทยังคงวิเคราะห์วิจารณ์ต่อ ราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องความรัก
“เจ็บเจิบอะไร นายเค้าบอกพวกแกหรือไง”
“เปล่าหรอกจ้ะ เดาเอา”
“รู้ดีนักนะ ไปเลยไปทำงาน” เท้าเล็กเตะวาดออกไป ด้วยความหมั่นไส้ลูกน้อง
แต่เดย์ก็รู้ทัน รีบกระโดดหลบ ก่อนจะวิ่งตัวปลิวไปที่รถกอล์ฟจอดหน้าออฟฟิศ แล้วเร่งเครื่องขับออกมารับลูกพี่สาวที่ต้องวิ่งวุ่นอยู่คนเดียว เมื่อเจ้านายยังไม่พร้อมทำงาน ภาระจึงตกหนักอยู่ที่ผู้ช่วยคนสำคัญ
“เดย์ แกอยู่ไหน”
เจนจิรากรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ อารมณ์เกรี้ยวกราดเล็กน้อย ตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็นลูกน้องคนสนิท หายหัวไปไม่โผล่มาให้เห็น จะเรียกจะใช้ก็ต้องคอยโทรตามเสียเวลา มันก็รู้ว่าช่วงนี้เธอยุ่ง จนงานจะทับหัวตายอยู่แล้ว
‘ลูกพี่มีไร’
“ฉันถามว่าแกอยู่ไหน”
‘อยู่บ้านเนินเขาคร้าบลูกพี่’
“บ้านเนินเขา! ไปทำอะไร?” เธอถามทั้งที่เดาคำตอบได้ แล้วมันก็จริง
‘สังสรรค์สิครับลูกพี่ วันนี้มันศุกร์สิ้นเดือนนะ’ แล้วก็มีเสียงเฮชนแก้วดังลั่นมาจากปลายสาย
“นี่เพิ่งเลิกงาน พวกแกก็ชวนนายวิชญ์ดื่มแล้วเหรอ ไอ้ห่าพวกนี้”
‘ไม่ใช่ๆ ผมไม่ได้ชวน นายวิชญ์ต่างหาก เลิกงานก็สั่งให้พี่นิคจัดทุกอย่างรอเลย นี่ก็เพิ่งไปซื้อของในเมืองมา’