เธอบีบมือเขาแน่นด้วยความลืมตัว ในใจเป็นห่วงจนลืมคิดไปว่าอีกฝ่ายไม่มีสติ เตวิชญ์ถึงจะเมา แต่สัญชาตญาณการป้องกัน และระมัดระวังตัวสูง คนเมาที่เห็นนอนนิ่งๆ บัดนี้กลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จับแขนเธอกระชากเข้าไปหา ก่อนจะกดร่างหญิงสาวทุ่มลงพื้น และจับล็อคตัวไว้
“เฮ้ยยย!!” เธอร้องดังได้แค่นั้น เมื่อมือหนายกขึ้นมาปิดปากเธอไว้
“ใคร?”
“อะ...เอนนนน” หญิงสาวส่งเสียงอู้อี้ จับมือเขาไว้ไม่กล้าดึงแรง กลัวแผลที่ฝ่ามือจะฉีก
“เกล...น้องเกล”
เสียงละเมอ เรียกหาอดีตคู่หมั้นที่ตอนนี้กลายเป็นเมียของพี่ชายไปแล้ว ทำเอาเจนจิราชะงัก ก่อนเธอจะออกแรงดิ้น ขัดขืนเต็มแรง ไม่สนใจแล้วว่าแผลที่มือเจ้านายมันจะฉีกหรือจะเปิดกว้างกว่าเดิม บางทีปล่อยให้เลือดไหลบ้าง จะได้หายบ้า รู้ว่าผู้หญิงแต่งงานไปแล้วยังจะมาละเมอเพ้อพก อยู่ได้
“อ่อยยยยย!”
เท้ายกขึ้นถีบเป็นพัลวัน มือกำหมัดแน่นจะต่อยออกไป แต่กลับถูกจับรวบ ดันขึ้นไปกดไว้เหนือศีรษะ
“อือ...นาย...” เจนจิราส่งเสียงประท้วง เขายอมปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ แต่ริมฝีปากหนากลับกระแทกลงมาปิดปากแทน
เจนจิรานิ่งตะลึงงัน ปากอ้าค้างด้วยความตกใจ ปล่อยให้ลิ้นเปียกชื้นแทรกเข้ามาได้โดยง่าย กลิ่นเหล้าเคล้ากับรสจูบ กำลังทำให้เธอช็อคและมึนเมา
...จูบแรกของเธอถูกเขาช่วงชิงเอาไปแล้ว
บ้าเอ๊ย!!
หญิงสาวสบถเบาๆ พร้อมกับสะบัดหัวเต็มแรง ให้ภาพหลอกหลอนพวกนั้นมันหายไป
“ฉันถามว่ามีไร ทำไมไม่ตอบ” สายตาหงุดหงิดจ้องมองลูกน้องสาว ที่ทำท่าประหลาดราวกับกำลังทะเลาะกับใคร
“ปะ…เปล๊า...ไม่มีอะไร ทำไมนายวิชญ์ถึงคิดว่าเจนกำลังหลบหน้าล่ะ” เจนจิราอึกอัก ในใจโต้แย้งเสียงแข็ง
...เปล่าหลบนะ
“ฉันถามเธอ ไม่ใช่ให้เธอมาย้อนถามฉัน”
“...เอ่อ...คือว่า ก็ช่วงนี้งานยุ่ง เจนยุ่งมากจนไม่มีเวลาโผล่หัวไปไหนต่างหาก นายวิชญ์ก็รู้” เพราะเขานั่นแหละทำให้เธอเป็นแบบนี้
ปากเรียวสวยเม้มแน่น สายตาตวัดค้อนส่งให้ เตวิชญ์รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายมีเรื่องปิดบัง “จะพูดไรก็พูดมาตรงๆ ฉันไม่ชอบอ้อมค้อม”
“เจนไม่ได้หลบหน้า!” คนร้อนตัวเถียงกลับเสียงแข็ง “ก็ตอนนี้งานมันยุ่งจริงๆ...แต่ถ้านายวิชญ์เลิกกินเหล้าซะ แล้วกลับมาตั้งใจทำงานเหมือนเดิม มันก็จะดีมาก ทุกคนจะได้ทำงานของตัวเอง” ในเมื่อเขาเปิดโอกาสให้พูด แล้วทำไมเธอจะไม่พูดล่ะ ขอสักหน่อยละกันเก็บกดมานานแล้ว
“เธอหาว่าฉันไม่มีความรับผิดชอบเหรอ”
“เปล๊า...เจนก็แค่อยากเตือนสตินายว่า...”
“ฉันรู้ตัวเองดี!...ไม่จำเป็นต้องให้คนอย่างเธอมาเตือน”
เมื่อสบตาเย็นชาคู่นั้น ทำเอาใบหน้าหญิงสาวเจื่อนลง “ขอโทษค่ะ ถ้าทำให้นายวิชญ์ไม่พอใจ”
“ฉันเป็นเจ้านาย...เผื่อเธอจะลืม” น้ำเสียงห่างเหินเย็นชา ไม่เหมือนเตวิชญ์คนเดิมที่เคยรู้จัก
ความรู้สึกเจ็บแปลบตรงอก
...เจ้านาย! นั่นสิ เธอเป็นใคร เขาเป็นใคร กล้าดียังไงเผยอไปเตือนเจ้านาย เธอมันก็แค่ลูกน้องทำงานแลกเงิน ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่ญาติ และไม่ใช่…
“ขอโทษค่ะ เจน...”
“ออกไปได้แล้ว!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดคราแรกว่าน่ากลัวแล้ว แต่คราวนี้กลับเย็นยะเยือกไปถึงข้างใน ราวกับน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ ท่าทีห่างเหินที่เขาแสดงออก มันทำให้ตำแหน่งผู้ช่วยของเธอดูด้อยค่า เหมือนไม่ใช่คนสำคัญอีกต่อไป
“นายวิชญ์...โกรธเจนเหรอ” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง น้อยครั้งมากที่เตวิชญ์จะโกรธ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ต่อให้เธอทำผิดแค่ไหน หรือไม่ถูกตายังไงอย่างมากก็ดุด่า เสร็จก็หายกัน แต่คราวนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น
“...”
“นายวิชญ์ คือเจน ก็แค่พูดไปตามที่คิด ไม่ได้ตั้งใจว่าสักนิด มันหลุดปากไป...ขอโทษ” ถึงแม้จะยังเข้าหน้าเขาไม่ค่อยติดนัก แต่ถ้าเตวิชญ์โกรธ เธอก็อดง้อไม่ได้ อย่างไรเขาก็คือเจ้านายคนสำคัญ
“ออกไป”
คำพูดเย้าแหย่ล้อเล่น ที่เตวิชญ์เคยพูดกับเธออย่างสนิทสนม…ไม่มีอีกแล้ว
ใบหน้าสาวเจื่อนลง ไม่กล้าตอแย จู่ๆ ความรู้สึกน้อยใจ เสียใจ ก็พุ่งเข้ามากระแทกอก ทำเอากระบอกตาร้อนผ่าว ต้องกระพริบตาถี่ๆ หลายครั้งเพื่อไล่ละอองน้ำที่มันกำลังจะไหลเอ่อออกมา รีบสูดลมหายใจเข้าลึก เรียกสติตัวเอง
ต่อไปก็คงเหลือแค่สถานะเจ้านายกับลูกน้อง แบ่งชนชั้นชัดเจน
“ค่ะ...ต่อไปเจนจะระวัง จะจำไว้ว่า...นายวิชญ์เป็นเจ้านาย ส่วนเจนเป็นแค่ลูกน้อง”
หึ! เสียงขึ้นจมูกไม่พอใจจากเจ้านายดังแว่วเข้าหู ไหนๆ เขาก็จะเกลียดเธออยู่แล้ว ขอพูดสักหน่อยละกัน สัญญาว่าคราวหน้าจะไม่เสือกเรื่องของเจ้านายอีก!
“ในฐานะลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานาน เจนขอพูดอีกหน่อย แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วเจนจะไม่ยุ่งอีก” สายตาทั้งคู่จ้องประสานกัน เมื่อเขานิ่งเงียบไม่ไล่ตะเพิดอย่างที่กลัว เจนจิราจึงเอ่ยขึ้นน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น
“ทุกคนยังรอนายวิชญ์คนเดิม คนที่พร้อมจะร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน พร้อมจะทำงานเดินหน้าสู้ต่อ ไม่ใช่ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างทิ้ง เพราะผู้หญิงไม่รัก หวังว่านายวิชญ์จะเข้าใจ”
เธอกำลังหวดแส้ลงบนขดหลังเขา ไม่ตั้งใจแตะต้องบาดแผลที่เพิ่งตกสะเก็ด แต่ถ้าครั้งนี้เธอไม่พูดแล้วใครจะพูด ยิ่งคนที่บ้านใหญ่ยิ่งไม่กล้า เพราะรู้ว่าทำผิดต่อเตวิชญ์ แต่เธอไม่สนใจหรอก ในเมื่อตอนนี้ทุกคนรวมทั้งเธอด้วย ต้องการเตวิชญ์คนเดิมกลับมา
“เจนจิรา!..เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าพูดกับฉันแบบนี้...อยากตายใช่มั้ย!!” สายตาแข็งกร้าวจ้องหน้าเธอ ราวกับศัตรูที่กำลังห้ำหั่นกัน
“เจนแค่อยากบอกค่ะ เผื่อนายวิชญ์...”
“อย่าสะเออะเรื่องของฉัน!!”
ดวงตาคู่สวยไหววูบด้วยความสะเทือนใจ แต่เพียงแว้บเดียว แม้แต่เขาก็ไม่ทันมอง “ค่ะ เจนก็แค่หวังดี”
“ไสหัวออกไป!”
“เดี๋ยวเจนเรียกแม่บ้านเข้ามาเก็บกวาดให้นะคะ” เจนจิราหมุนตัวเดินออกจากห้อง ใบหน้าเชิดขึ้น ไหล่ตั้งตรง คำพูดของคนอื่นไม่เคยทำร้ายเธอได้แต่ไหนแต่ไรมา แล้ววันนี้มันก็ต้องเป็นแบบนั้นเช่นกัน
ส่วนคนที่ออกปากไล่ ดวงตาแข็งกร้าวจ้องตามหลังลูกน้องไป จนประตูปิดลง ก่อนจะเบนสายตาไปจับนิ่งอยู่ที่ซากแก้วแตกกระจายเต็มพื้น
ทุกคนมองว่าเขาอ่อนแอ ที่ยังก้าวไม่พ้นเรื่องในอดีต...ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าเขาพยายามแล้ว แต่มันไม่ได้จริงๆ...การเป็นคนที่ไม่ถูกเลือก ว่าเจ็บแล้ว แต่การถูกคนใกล้ตัวหักหลังมันเจ็บมากกว่าหลายเท่า