“เสี่ยกำแหงไม่กล้ากำแหงหรอกค่ะ ถึงเขาจะใหญ่แต่นิดมีเส้นใหญ่กว่าเขานะคะ” ณิชชาเชื่อมั่นในอิทธิพลของบิดา จนไม่หวาดกลัวเสี่ยบ้ากาม
“ถึงยังไงก็ต้องระวังไว้บ้าง เขาอยู่ที่มืดเราอยู่ที่สว่าง ความได้เปรียบเสียเปรียบมันต่างกัน พี่เตือนเพราะห่วงคุณนิดจริงๆ นะคะ” เจสซี่ระอาใจกับความไม่รู้ของหญิงสาว
“แหม ไอ้เสี่ยบ้ากามนั่น มันจะกล้ามาทำอะไรนิดถึงที่นี่เชียวหรือคะ” ณิชชายังคงหัวเราะขบขัน
“โถ่ คุณนิดอย่าประมาทนะคะ เสี่ยกำแหงอิทธิพลมาก แกมีลูกน้องมากแถมมีอิทธิพลในแถบภาคตะวันออก หากไม่มีคุณพสุธาพ่อของคุณภูผาอยู่ คงไม่มีใครต้านทานอิทธิพลของเขาได้หรอกค่ะ”
เสี่ยกำแหงสร้างอิทธิพลเถื่อนในดินแดนภาคตะวันออกด้วยอำนาจมืด ทว่าไม่อาจขึ้นเป็นเจ้าพ่อได้เต็มตัวเพราะมีพสุธา สุริยะกุลคอยคานอำนาจไว้ ตอนนี้ภูผาได้มาช่วยงานบิดาและขยายเขตอิทธิพลตัวเองลงมายังเขตภาคใต้ ซึ่งเสี่ยกำแหงไม่อาจทำได้ ใช่ว่าคนอย่างเสี่ยกำแหงจะยอมให้สองพ่อลูกตระกูลสุริยะกุลมีอำนาจเหนือกว่า ได้สร้างความปั่นป่วนหลายต่อหลายครั้ง แต่พสุธา ก็สามารถจัดการได้และตอบโต้กลับได้ทุกครั้งสร้างความแค้นใจให้เสี่ยใหญ่มาก ความขัดแย้งกำลังก่อตัวเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเหมือนคลื่นใต้น้ำรอเวลาพายุเกิด เรื่องณิชชาก็อาจเป็นชนวนให้ทั้งสองฝ่ายงัดข้อกันได้เพราะเสี่ยกำแหงเคยไปสู่ขอณิชชากับคุณจักรมาก่อน แต่คุณจักรไม่ยอมยกให้กลับหาทางยกลูกสาวให้หมั้นหมายกับตระกูลสุริยะกุลแทน
“นิดไม่กลัวไอ้เสี่ยบ้ากามนั่นหรอกค่ะ พี่เจสไม่ต้องห่วงนะคะนิดดูแลตัวเองได้” ณิชชาพูดให้ผู้จัดการส่วนตัวคลายใจ
“ค่ะ พี่เชื่อว่าคุณภูผาคงไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายว่าที่คู่หมั้นได้หรอกค่ะ อาทิตย์หน้าพี่จะตามคณะถ่ายแบบไปที่เกาะนะคะ แล้วพบกันค่ะ” เจสซี่บอก ก่อนจะวางสายไป
“ไอ้เสี่ยกำแหงบ้ากาม เชอะ คิดเหรอว่านิดจะกลัวมัน ยายแนตตี้กับยายจูนหาเรื่องโดนตบเสียแล้ว ขอให้กลับไปก่อนเถอะ จะคิดบัญชีทบต้นทีเดียวเลย” ณิชชาคาดโทษศัตรูทั้งสองไว้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ณิชชาถอนหายใจแรงลุกจากที่นอนเดินมาเปิดประตู พอเห็นหน้าคนยืนรอหน้าประตูยิ่งอารมณ์บูดกว่าเดิม
“มีอะไรอีกเหรอคะพี่ภู”
เธอถามเสียงห้วน มองหน้าหล่อเหลาด้วยอาการอย่างเซ็งจัด
“กินข้าวหรือยัง”
ภูผาเท้าแขนกับขอบประตู ขยับเข้ามาใกล้คนตัวเล็กกว่าในระยะห่างแค่แมงวันบินผ่าน เขาทอดสายตามองใบหน้างามพิสุทธิ์ด้วยแววตาเรียบนิ่ง แววตาคมกริบสะกดให้คนถูกมองรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ จนต้องเบือนสายตาหลบ
“ปกตินิดไม่ทานข้าวเย็นค่ะ นิดต้องควบคุมน้ำหนัก”
อาชีพดารานางแบบทำให้ต้องรักษารูปร่างให้สวยงาม นอกจากการออกกำลังกายแล้ว ต้องควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด ณิชชาเป็นคนชอบกินตอนเด็กรูปร่างของเธอค่อนข้างอวบ จนถูกล้อเลียนบ่อยๆ ว่าเหมือนกระปุกตั้งฉ่าย พอโตมาก็พยายามลดน้ำหนักรักษาหุ่นให้เพรียวระหง เพื่อจะได้เป็นดารานางแบบอาชีพที่สามารถทำงานร่วมกับเวหาได้ เธอทำทุกทางเพื่อให้ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองชอบ แม้จะถูกภูผาถากถางว่าได้เข้ามาทำงานวงการบันเทิงเพราะใช้เส้นสายของบิดา แต่ณิชชาเชื่อมั่นว่าส่วนหนึ่งมาจากความสามารถและความพยายามของเธอเอง จึงไม่สนคำพูดของชายหนุ่มมากนัก
“อ้อ เป็นดาราต้องควบคุมน้ำหนัก มิน่าถึงผอมแห้งเหมือนกระดูกเดินได้ นมก็แบน ขาก็ลีบ แถมยังผอมจนกระดูกทิ่มเนื้อแบบนี้”
ภูผากราดตามองไปทั่งร่างงาม แสร้งปั้นคำตำหนิหญิงสาวเกินความจริง รูปร่างของณิชชาถึงจะเพรียวบางแต่ก็มีสัดส่วนสวยงาม มีอะไรที่ผู้หญิงควรมีอย่างครบถ้วนไม่ได้น่าเกลียด เหมือนคำปั้นแต่งที่เขาพูดออกมาสักนิด ยามเขาสัมผัสกอดรัดร่างงามของเธอ เลือดในกายหนุ่มก็พลุ่งพล่านแทบควบคุมตัวเองไม่ไหว แต่ด้วยไม่อยากให้เธอได้ใจว่าเขาแอบหลงใหลเธออยู่ ภูผาเลยพูดออกไปตรงกันข้ามกับความรู้สึก
“อร๊าย พี่ภูบ้า มาว่านิดได้ยังไง รูปร่างนิดออกจะเพอร์เฟค ติดอันดับดาราสาวที่หุ่นดีที่สุดของปีนี้เชียวนะ คงไม่เคยเห็นตอนนิดนุ่งชุดว่ายน้ำสิท่า คนอะไรแก่ไม่พอยังตาถั่วอีก”
ณิชชากรี๊ดลั่นด้วยความโมโห ว่าอะไรก็ว่าไป แต่มาว่าเธอไม่สวยนี่มันกระแทกใจที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโตเธอโดนเปรียบเทียบกับพราวฟ้าและไหมแก้ว ลูกสาวของเพื่อนบิดาว่าที่คู่หมั้นของภาสกรและเมฆินทร์มาตลอด สองสาวเป็นลูกครึ่งได้รับส่วนผสมของสองชนชาติทำให้น่ารักน่าเอ็นดู ต่างกับเธอที่สวยแบบสาวหมวยดีที่ขาวและตาไม่ตี่เลยยังพอโมดิฟลายตัวเองสู้สองสาวนั้นไหว
“พี่ไม่ชอบผู้หญิงผอมๆ พี่ชอบอวบนิดมีเนื้อมีหนังหน่อย มีอกตูมๆ สะโพกบึ้มๆ”
ภูผาวาดมือตามรูปร่างที่เขาพูดออกไป พร้อมกับมองรูปร่างของณิชชาแล้วทำท่าส่ายศีรษะ ทำนองว่าแบบเธอเขาไม่สนใจหรอก ทำเอาคนถูกเปรียบเทียบไม่พอใจ
“ไม่ชอบก็อย่ามาแต่งงานกับนิดสิคะ” เธอสะบัดเสียงใส่ ตาคู่งามวาววับ
“อืม ก็ใครว่าอยากแต่งด้วยล่ะ แต่ก็นะ มันพลาดไปแล้วก็ต้องตกกระไดพลอยโจนไป” ภูผาแบมือยักไหล่
“ก็ใครมาจูบนิดก่อนล่ะ นิดอยู่ของนิดดีๆ มาทำให้นิดเสียหาย ฮึ”
ยิ่งมองหน้าคนตรงหน้า ณิชชาก็อยากข่วนหน้าหล่อๆ นั้นให้ลายพร้อยเสียจริง เขาช่างกวนโมโหยั่วให้เธออารมณ์เสียได้ตลอดเวลา ขืนแต่งงานอยู่ร่วมกันไปเธอคงทนเขาไม่ไหว มีสภาพไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น
“พูดไปก็เมื่อยปากเปล่า ยังไงเราสองคนต้องแต่งงานกันอยู่ดี พี่หิวแล้วไปทำกับข้าวให้กินหน่อยสิ” จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง
ณิชชาเลิกคิ้ว “ทำกับข้าว เหอะ ที่นี่ไม่มีแม่บ้านหรือคะ ถึงต้องให้นิดทำให้กิน” เธอเบ้ปาก
“มี แต่พี่ให้กลับไปแล้ว ตั้งแต่ตอนนี้ไป นิดต้องมาฝึกเป็นแม่บ้านดูแลพี่ ก่อนเราจะแต่งงานกัน”
ภูผาบอกเสียงเข้ม มองหน้าคนที่อ้าปากเหวอกลั้นเสียงหัวเราะลงคอไว้ ปั้นหน้าเคร่งเอ่ยออกไปอีกว่า
“นอกจากทำงานเป็นผู้ช่วยพี่แล้ว นิดต้องมาฝึกเป็นแม่ศรีเรือนเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของพี่ คุณลุงจักรท่านสั่งมาว่าถ้านิดไม่ทำตาม นิดต้องไปเข้าคอร์สฝึกกับอาม่าที่ฮ่องกง เลือกเอาว่าจะฝึกที่นี่หรือว่าจะฝึกกับอาม่า”
ณิชชาหน้าถอดสี เมื่อนึกถึงอาม่าจอมเฮี๊ยบ ส่ายหน้าแทบจะทันที
“ไม่ค่ะ นิดไม่ไปฮ่องกง นิดจะอยู่ที่นี่”
ชื่อของอาม่าศักดิ์สิทธิ์เสมอเมื่อถูกยกมาอ้าง ภูผาลอบยิ้มขำ
“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยครับ ทำอาหารให้พี่กินมื้อเย็น พี่อยากรู้ว่าเสน่ห์ปลายจวักของนิด จะมัดใจพี่ไหวไหม มาตามพี่ไปที่ห้องครัว”
ภูผาหมุนกายหันหลังให้ แล้วหันไปพยักหน้าให้หญิงสาวเดินตามลงไปที่ห้องครัว ณิชชายกมือกุมขมับมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มด้วยความหนักใจ
“โถ่ คุณพ่อ นิดทำกับข้าวเป็นเสียทีไหน ชอบแกล้งให้ลูกถูกคนอื่นหัวเราะเยาะตลอดเลย”
หญิงสาวเดินตามว่าที่คู่หมั้นด้วยท่าทางเหมือนคนกำลังเดินเข้าลานประหาร อาหารมื้อนี้อาจเป็นมื้อแรกที่เขาจะได้ชิมฝีมือเธอและอาจเป็นมื้อสุดท้ายที่เขาจะได้กินอีก หากเขาไม่รอดจากอาการท้องเสียไปได้
บอกได้คำเดียวว่า... ขอให้โชคดี