ตอนที่ 2

1426 คำ
"งั้นไปกันเถอะลูก" คุณยุพาดาเตรียมพร้อมแล้ว กับสาวใช้สองคนที่ขนลำเลียงอาหาร ใส่ท้ายรถเก๋ง อยู่ในวัดพร้อมแม่เป็นเวลาชั่วโมงกว่า ไปรับธรรมะฟังพระเทศน์ แล้วทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล จนครบพิธีจึงพากันกลับบ้าน "คุณแม่มีงานมั้ยครับวันนี้" ถามแม่อีกครั้ง เมื่อถึงบ้าน ส่วนสำรับหม้อกับถ้วยเปล่าปิ่นโตที่เหลือ ยกไปเก็บเองในครัว เพื่อให้คนใช้ได้ล้าง "ไม่มีจ้ะ วันนี้วันหยุดแม่" คุณยุพาดาตอบ และมักจะบอกเพื่อนฝูงในกองหรือผู้จัดเช่นเดียวกันว่า เธอหยุดทุกวันพุธ "ดลล่ะรีบมั๊ย" "ไม่ครับ ดลจะขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปเลยครับ" คุณยุพาดายิ้มให้ สีหน้าเป็นห่วงเมื่อเห็นการตัดสินใจของลูกชาย "ขับรถดีๆนะ เดี๋ยวนี้พวกเด็กวัยรุ่นขับรถกันเยอะ ขับแย่มาก ไม่รู้ระเบียบวินัย" ธาดลแต่งตัวพร้อมสรรพเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลกับเสื้อยืดสีขาวคอกลม เสื้่อเชิ้ตเอาไว้สำหรับงานพิเศษ เผื่อเป็นงานแบบเป็นทางการ ที่เขาผละออกจากกองไปร่วมทันที และเสื้อผ้าหลายตัวมีเก็บไว้ในรถ การแต่งกายของธาดลเป็นแบบง่ายๆ ชิลและเหมือนกับเซอร์ๆหน่อย ธาดลหันไปหอมแก้มมารดาหนึ่งครั้ง ก่อนเดินไปที่รถ ทำแบบนี้ทุกครั้ง ตั้งแต่เรียนอนุบาลแล้ว คุณยุพาดาประทับใจเหลือเกิน ไม่ได้หวังอะไรจากลูก ที่เลี้ยงดู มิเสียแรงในการอบรมบ่มนิสัย ธาดลมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งชื่อ เป๊ก หรือ ปานปรีดา นัดพบกันในกองถ่าย "เฮ้ยไอ้เป๊ก" "ดล" ปานปรีดาถูกเขาชักนำให้เข้ามาเล่นละครเป็นตัวประกอบ เพราะฐานะของเพื่อนคนนี้ระดับล่าง ธาดลทำทุกอย่างเพื่อช่วยเพื่อน ทุกคนพากันมองออกและเห็นว่า ปานปรีดาใช้เส้นสายจากเขา แต่ธาดลก็ไม่คิดอะไร เพราะ มันเป็นความจริง เขาต้องการช่วยเพื่อนที่ลำบากตกยากเท่านั้น และในช่วงหลังเขากับปานปรีดาก็ไม่ได้ค่อยเจอกันนัก ปานปรีดามีงานละครของช่องอื่นที่จ้าง หลังจากมีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง จึงห่างกันไป แต่วันนี้เมื่อรู้ว่ามากองเดียวกัน จึงโทร.บอกเพื่อนรักเอาไว้ และดิฉันรับสายเมื่อเพ็กกี้ หรือสมัยจันทร์เพื่อนดาราในวงการโทร.มาหา "ยุฉันได้ข่าวว่าเธอไม่สบายหลายวันแล้ว" "ใช่" ดิฉันตอบ "มันเพลียนะ ไปกองกลับมาแล้วเป็นเลย" ฉันตอบเพื่อนนักแสดงรุ่นเดียวกันที่เราสนิทกันอย่างมาก สมัยจันทร์มีครอบครัวเหมือนดิฉัน รายนี้หย่าขาดกับสามีเช่นกัน ผู้หญิงเราสามารถทนงอยูได้ด้วยตัวเอง ไม่เห็นจะต้องง้องอนพึ่งผู้ชายเลย อย่างน้อยดิฉันก็นึกถึงอดีตสามี บูรพาที่ทำร้ายดิฉันอย่างเจ็บปวดที่สุด ข่าวในวงการอื้อฉาวจนดิฉันอยากจะหอบหน้าตัวเองหนีไปอยู่ต่างประเทศ กับข่าวคราวไม่เว้นแต่ละวัน สำนักพิมพ์สำนักข่าวต่างกรูเข้ามาหาที่บ้านดิฉัน เพื่อขอสัมภาษณ์จนดิฉันต้องปฏิเสธไปทั้งหมด สมัยจันทร์รู้ดีว่าดิฉันผ่านอะไรมาบ้าง แต่ว่าดิฉันยังแกร่งและทรหดค่ะ ในเวลานี้สมัยจันทร์ก็พูดถึงอดีตสามีของดิฉันด้วยความเดียดฉันท์ ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ แต่ก็ไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องของบูรพา ตอนนี้มันไม่เกี่ยวกับดิฉันแล้ว เขานั้นจะไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกกับใครก็ช่าง แต่คงไม่ใช่ดิฉัน และตัดขาดคือขาดสะบั้นหั่นแหลก เหมือนบัวไม่เหลือใยสักนิด ดิฉันเป็นคนแบบนี้ ขาดก็คือขาด "ดล ลูกเธอเก่งนะ ชัชชายคนเขียนบทเขาชมมาว่า ได้ภาพมุมสวย รู้วิธีมีเทคนิคอีกหน่อยคงจะกลายเป็นผู้กำกับรวมทั้งตากล้องชื่อดังอย่างที่เธอปรารถนา" "ฉันไม่ได้ปรารถนาอย่างนั้นหรอก หมัย เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นของลูก เขาจะรักชอบอะไร" "แต่เธอก็ดูแลฟูมฟักอย่างดีเชียวนะ" "ก็ใช่เขาเป็นลูกฉันนี่" สมัยจันทร์คิดในใจ ว่าชีวิตของธาดลช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ โชคดีกว่าเด็กรายอื่น มาจากไหนตระกูลหรือหัวนอนปลายเท้าก็ไม่รู้จัก แต่มีโอกาสได้รับการอุปถัมภ์ดูแลเป็นแม่ของเด็กอย่างยุพาดา อดีตนางเอกคนเก่งชื่อดังที่คนทั้งประเทศรู้จัก "ตาพนัตของฉัน ไม่ได้ความเลยเอาแต่ซิ่งรถแต่งแข่งกันกับพาเด็กสาวๆนั่งรถเปลี่ยนหน้าซ้ำไม่เว้นแต่ละวัน ฉันละเซ็งจริง ยุ" สมัยจันทร์บ่นแกมปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คุณยุพาดานิ่งบางอย่างเป็นเรื่องของคนอื่น ไม่ควรที่เธอจะเอาตัวเองเข้าไปยุ่งด้วย แต่แค่แนะนำได้ สมัยจันทร์เป็นเพื่อนที่สนิทมานานและรู้ใจกันมาก เข้าใจหัวอกและเป็นแบบเดียวกัน สมัยจันทร์หย่าขาดจากสามีที่เป็นนักบินหนุ่มอนาคตไกลอายุอ่อนกว่าห้าปี ด้วยนิสัยเดิมของผู้ชาย คือ ชอบแอบไปมีเล็กมีน้อย จนสมัยจันทร์จับได้ ตอนนั้นก็มีลูกชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งแล้ว คือ พนัต ลูกชายคนเดียว "ฉันหวั่นเกรงเหลือเกินว่าจะตามรอยพ่อ" ที่สุดทนคิดถึงไม่ไหวเพราะการโทรมันไม่ได้เนื้อหาอรรถรสหรือเรื่องราวอะไรมาก คุณสมัยจันทร์หรือเพ๊กกี้ที่เพื่อนชอบเรียกเป็นบางครั้ง บางครั้งเรียกว่า หมัย เช่นเดียวกับยุพดา ที่สุด เธอมาถึงบ้านของคุณยุพาดา ที่พักผ่อนอยู่ ถือว่ามาเยี่ยมอาการของเพื่อนด้วยซื้ออาหารเพื่อสุขภาพกับส้มผลสดสองกิโลมาฝากเพื่อนรัก "ตาย เยอะแยะ หมัย เธอไม่ต้องซื้อมากมายขนาดนั้นหรอก รังนก กับไก่ดำตุ๋น นี่คงต้องให้ตาดลล่ะ รายนั้นทำงานดึก สมองต้องใช้งาน" เธอยิ้ม สมัยจันทร์เดินกรุยกรายเข้ามา ในอดีตสมัยจันทร์เป็นนางแบบประเภทหุ่นสูงยาวเข่าดี เข้ามาวงการไล่เลี่ยกับยุพาดาที่เป็นนางแบบเช่นกัน มีแมวมองมาดูเจอตัวเธอในมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่และติดต่อให้ไปถ่ายโฆษณาแชมพู จากนั้นเดินแบบก่อนที่จะส่งเข้าประกวดมิสซุเปอร์สตาร์ในอดีต จนได้รับรางวัลชนะเลิศและได้เซ็นสัญญาเข้าสู่วงการตั้งแต่บัดนั้นมา "ไม่เป็นไร ให้ตาดลลูกของเธอเถอะ ถ้ากินไม่หมด ฉันก็ชื้อมาเผื่อทั้งแม่ทั้งลูกนี่ล่ะ" "เออ อาทิตย์น่าไปเที่ยวเมืองนอกมั้ย" สมัยจันทร์เอ่ยขึ้นเมื่อมีทริปดีที่อยากจะนำเสนอกับเพื่อน "ที่ไหน" "ญี่ปุ่น" สมัยจันทร์ตอบ "ประมาณ อาทิตย์หนึ่งแล้วกลับ ฉันมีตั๋วเรือพิเศษแบบวีไอพีเขามีส่วนลดให้บริษัทคนรู้จักกัน เลยเห็นว่าเธออยู่ว่างๆ ไปพักผ่อนสมองกันน่าจะดีนะยุ" สมัยจันทร์ชักชวนเพื่อนดาราสาวสนิท คุณยุพาดายังคงนิ่งเหมือนใช้การคิด "ขอคิดดูก่อน" "ตารางคิวของเธอล่ะ" "ก็แน่นนะ แต่ก็ขอกับทางกองได้ ให้เขาไปเจาะถ่ายซีนอื่นก่อน ถ้าฉันไปเที่ยวแล้วกลับมาคงทัน ก็คงอ้างว่าไปพักผ่อนสมองหรือหาหมอที่เก่งๆนั่นล่ะ" "แบบนี้ก็ได้ ตกลงนะยุ" พยักหน้าอีกที เมื่อตัดสินใจแล้วสมัยจันทร์โชว์ตั๋วเรือบินให้ดูเสียด้วย ลดสามสิบเปอร์เซ็นต์ถือว่าถูกลง ก็โอเคในราคานี้ ปกติเที่ยวญี่ปุ่นแต่ละทริปค่าใช้จ่ายสูงมาก "งั้นถึงเวลาฉันจะบอกเมื่อใกล้" "จ้ะ" เจ้าของบ้านตอบ คุณยุพาดายังคงสะสวยเช่นเดิมด้วยการที่เธอดูแลตัวเองดี ไม่ต่างไปจากคุณสมัยจันทร์ ภาพในอดีตที่เห็นแปะติดอยู่ข้างฝาบ้านที่เป็นตึกปูนกับภาพแขวนโชว์ถึงภาพในอดีต ตอนที่เพิ่งก้าวเข้าในวงการของคุณยุพาดา และภาพนางแบบเดินแฟชั่นโชว์ติดในกรอบรูป ที่แขวนไว้หลากหลายอิริยาบถ อยู่ในความทรงจำของคุณยุพาดามากที่สุด เธอดูภาพเหล่านี้ทุกครั้ง เป็นการสร้างกำลังใจภูมิใจ ขนาดที่สมัยจันทร์มองแล้วยังชื่นชม "แหม ยุ เธอนี่สวยมากทีเดียวนะตอนสาวๆ น่ารักหน้าออกคมหวาน" "เลยต้องมาชมกันเอง" คุณยุพาดาค้อนใส่เพื่อนแบบไม่จริงจังนัก "เออนี่ทานอะไรมาแล้วยัง" ดิฉันถามหมัย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม