หลังจากส่งมานิตาที่บ้าน ปรัชญาก็ขับรถของพี่สาวไปฝากเอาไว้ที่บ้านอัศวิน ก่อนขอให้อัศวินขับรถมาสั่งเขาที่บ้าน และเมื่อเขาลงจากรถ เสียงแสงแปร๊ดที่แสนคุ้นหูของมารดาก็ดังขึ้นทันที
“แกหายหัวไปไหนมาไอ้ปรัช นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว”
คุณประกายแก้วตวาดใส่บุตรชายทันทีด้วยความเกรี้ยวกราด ก่อนปรายตาไปมองเพื่อนสนิทของบุตรชายที่กำลังก้าวเท้าลงมาจากรถด้วยความไม่พอใจ หลายวันที่ผ่านมาบุตรชายเปลี่ยนไปมาก นอกจากไม่คุยกับเธอแล้ว ยังไม่ยอมทานอาหารร่วมโต๊ะกับเธอและสามีเลย
“ทำไมถึงพาลูกชายฉันกลับมาป่านนี้อัศวิน”
“ขอโทษครับคุณป้า ไอ้ปรัชมันเป็นลูกชายคุณป้านะครับ ไม่ใช่นักโทษ ที่ไปไหนมาไหนต้องรายงานตัวตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญไอ้ปรัชอายุ 21 แล้ว ไม่ใช่อายุ 3 ขวบนะครับ”
อัศวินย้อนมารดาของเพื่อนสนิทอย่างเหลืออด เวลาเพทายกลับดึก เขาไม่เห็นท่านจะโวยวายหรือตำหนิเลยสักครั้ง แล้วทำไมปรัชญาต้องโดนตำหนิด้วย แล้วนี่ก็เพิ่งจะสองทุ่มครึ่งเท่านั้นเอง ถ้าปรัชญาเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง เขาจะไม่โกรธหรือโทษเลยทีท่านตำหนิเขา
“เพราะไอ้ปรัชมีเพื่อนแบบเธอนี่เอง มันถึงได้เสียผู้เสียคน”
คุณประกายแก้วพูดใส่หน้าเพื่อนสนิทของบุตรชายอย่างโกรธจัด นอกจากไม่สำนึกแล้วยังมีหน้ามาย้อนเธออีก เพราะมีเพื่อนแบบนี้นั่นแหละ ปรัชญาถึงได้เปลี่ยนไป ไม่เคารพเธอเหมือนแต่ก่อน
“ผมนึกว่าเป็นเพราะการอบรมเลี้ยงดูเสียอีก ที่ทำให้ไอ้ปรัชเป็นคนนิสัยเสีย เห็นแก่ตัวแล้วก็ร้ายกาจแบบนี้”
อัศวินโพล่งขึ้นมาอย่างเหลืออดเช่นกัน มองสบตามารดาเพื่อนสนิทอย่างหมดความนับถือ ไม่แปลกใจเลยที่เพทายคอยแต่หาเรื่องปรัชญา
เพราะมีผู้หญิงคนนี้ให้ท้ายนี่เอง เขาอยากถามท่านออกไปจริงๆ ว่าเคยรักปรัชญาบ้างไหม?
“อัศวิน!” คุณประกายแก้วตวาดเพื่อนสนิทของบุตรชายอย่างโกรธจัด
“พอเถอะอัศวิน นายกลับไปเถอะ เจอกันพรุ่งนี้เช้า”
ปรัชญาตัดบท เถียงกันไปกันมาก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา เขารู้จักนิสัยมารดาดีกว่าใคร ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็ไม่เคยดูดีในสายตาท่านอยู่แล้ว
“โอเค! พรุ่งนี้ฉันจะมารับแกตั้งแต่เช้าเลยก็แล้วกัน”
อัศวินหันมาบอกปรัชญา และไม่ลืมที่ยกมือไหว้มารดาของเพื่อนสนิทด้วย ถึงจะไม่ชอบใจท่านมากแค่ไหน อย่างน้อยท่านก็เป็นผู้ใหญ่ ถ้ารู้ว่าพรุ่งนี้บุตรชายที่ท่านแสนเกลียดชังกำลังจะเดินออกมาจากชีวิตของท่าน เขาอยากรู้เหลือเกินว่าท่านจะรู้สึกอย่างไรบ้าง? แต่ถ้าให้เขาเดา ท่านคงมีความสุขมากกว่าความทุกข์ก็ได้!
“อืมม์...”
ปรัชญาตอบแล้วเดินผ่านผู้เป็นมารดาเข้าไปในบ้าน คืนนี้เขามีงานที่ต้องทำอีกเยอะ ต้องเก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่สำคัญลงกระเป๋า หลังออกมาจากบ้านพี่สาว เขากับมานิตาก็ปรึกษากันแล้วว่าจะย้ายไปอยู่บ้านของพี่สาวต่างมารดาของเขา ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นเรื่องอนาคต
“แกจะไปไหนไอ้ปรัช กลับมาคุยกับฉันให้รู้เรื่องก่อน”
คุณประกายแก้วหันไปตวาดอย่างโกรธจัด แล้วรีบเดินไปกระซากแขนบุตรชายเอาไว้อย่างแรง กล้าดียังไงถึงเดินหนีเธอไปแบบนี้
“ผมเจ็บนะครับคุณแม่”
“เพราะฉันอยากให้แกเจ็บไง ถึงได้ทำแบบนี้”
“คุณแม่คงเกลียดคุณพ่อมากสินะครับ คุณแม่ถึงทำกับผมแบบนี้”
ปรัชญาถามพร้อมกับใช้มืออีกข้างแกะมือของมารดาออกจากแขนของตน สายตาคู่คมมองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยตรงหน้าด้วยความรู้สึกน้อยใจ
คุณประกายแก้วชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามของบุตรชาย ก่อนสบตามองดวงตาที่เหมือนกับอดีตสามีอย่างชิงชัง เพราะบุตรชายคนนี้ของเธอเหมือนกับอดีตสามีแทบทุกกระเบียดนิ้ว ยกเว้นโครงหน้าที่ได้จากเธอเท่านั้น แล้วจะให้เธอรู้สึกรังเกียจได้อย่างไร
ปรัชญามองหน้ามารดานิ่งเมื่อสะบัดมือหลุดจากการจับของท่าน แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขารู้ดีว่าความเกลียดชังจากมารดาที่มีต่อเขานั่นมากขึ้นทุกวัน คงเพราะเขาเริ่มมีหน้าตาคล้ายบิดาผู้ให้กำเนิด เลยทำให้ท่านเกลียดเขามากขึ้นนั่นเอง
“ไอ้ลูกไม่รักดี คนอย่างแกไม่มีวันเจริญหรอกไอ้ปรัช”
คุณประกายแก้วร้องโวยวายและด่าทอบุตรชายเสียงดังลั่นบ้าน ปลุกให้คนที่นอนหลับอยู่บนห้องตื่นขึ้นมา
ปรัชญาเดินขึ้นห้องพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเจ็บปวด เขาจึงชินกับคำพูดแสนบาดหูเหล่านั้น คนภายนอกมักมองว่ามารดาของเขาเป็นผู้ดีและมีมารยาททุกกระเบียดนิ้ว แต่ถ้าคนเหล่านั้นได้มายินคำพูดหยาบคายแบบนี้จากปากท่าน พวกเขาจะรู้สึกอย่างไรกันบ้าง เขาคิดว่าผู้คนพวกนั้นคงจะช็อกแล้วก็อึ้งจนพูดไม่ออกเป็นแน่?
...โปรดติดตามตอนต่อไป...