หลังจากเพทายและชาลินีจากไป สงกรานต์กับตระการพากันส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับนิสัยของชาลินี นึกไม่ถึงเลยว่าชาลินีจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
“พวกผมต้องขอโทษแทนชาลินีด้วยนะครับพี่ปรัช”
“ไม่เป็นไรหรอก” ปรัชญาตอบ
“ฉันว่าแกต้องระวังตัวแล้วนะปรัช ท่าทางยัยนั่นคงไม่ยอมรามือแน่”
“ฉันไปทำอะไรให้แฟนของพายไม่พอใจหรือตา”
คนความรู้สึกช้าหันหน้าไปถามเพื่อนสนิทด้วยความอยากรู้
“นี่แกไม่รู้จริงๆ เหรอปรัช ว่าทำไมยัยชาลินีถึงได้ไม่ชอบแก”
อัศวินตัดสินใจถาม เมื่อได้ยินคำถามที่ปรัชญาถามมานิตา สิ่งที่เพทายทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พอนึกดูดีๆ ก็ทำให้เข้ามั่นใจเลยล่ะว่า ความรู้สึกที่เพทายมีให้ปรัชญาไม่ใช่ความเกลียด หากแต่เป็นความรักมากกว่า
ปรัชญาทำหน้ายุ่งกับคำถามของอัศวินต่อ เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเพทายคิดอะไรอยู่ ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนมัธยมปลายความสัมพันธ์ของพวกเขาก็แย่ลง และยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ก็ช่วงที่เพทายเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง
“ช่างมันเถอะ…ฉันอาจจะคิดมากไปเอง พวกเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า ฉันรู้สึกหิวแล้วล่ะ”
อัศวินตัดบทสนทนา เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน ก็ดีเหมือนกันที่ปรัชญาเป็นพวกความรู้สึกช้าจนไม่ทันสังเกตความรู้สึกที่น้องชายต่างสายเลือดมีให้ นึกไม่ถึงเลยว่าน้องชายของปรัชญาจะเป็นคนแบบนี้ เห็นควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ก็นึกว่าชอบผู้หญิง แต่ความจริงแล้วกลับชอบเพศเดียวกัน ซ้ำร้ายยังเป็นพี่ชายต่างสายเลือดของตัวเองอีก ถ้าสาวๆ รู้ว่าผู้ชายที่ตนเคยมีความสัมพันธ์ด้วย มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกันอยู่ด้วย พวกเธอจะรู้สึกอย่างไงกันบ้างนะ...
“นั่นสิ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า พวกเรามีเวลาพักแค่ชั่วโมงเดียวเอง” ประวิทย์พยักหน้าตอบแล้วลุกจากโต๊ะเดินตามอัศวินไปทันที
“ก็ดีนะ” ปรัชญาเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนๆ
“งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะปรัช” มานิตาจึงหันไปชวนปรัชญา ก่อนลุกเดินตามอัศวินและประวิทย์ไป และไม่ลืมที่จะดึงแขนของปรัชญาให้เดินตามไปด้วย
*******
17 : 20 นาฬิกา
หลังจากเลิกเรียนคาบสุดท้าย อัศวิน ประวิทย์กลับบ้านกันไปก่อน ในขณะที่ปรัชญากับมานิตาตัดสินใจเข้าไปนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดต่อ นั่นก็เพราะว่าพวกเขาทั้งสองต่างก็มีปัญหาทางบ้านไม่เหมือนกัน
มานิตาเหลือบมองเพื่อนสนิทเป็นระยะ ทว่าในใจกลับรู้สึกสงสัยความสัมพันธ์ของเพื่อนกับคนในครอบครัวยิ่งกว่าเดิม ถ้าเธอไม่เจอเรื่องเมื่อช่วงเช้า เธอก็คงไม่คิดมากขนาดนี้ บิดาเลี้ยงกับมารดาของปรัชญากับเพทายรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกๆ ของตนบ้างไหม
“มีอะไรก็ถามมาสิตา อย่าเอาแต่นั่งจ้องฉันแบบนี้”
“นายแน่ใจนะว่าให้ฉันถามได้”
“อืมม์...อยากถามอะไรก็ถามมาเถอะ ถ้าฉันตอบได้...ฉันจะตอบ”
“นายรู้ใช่ไหมปรัช...ว่าเพทายคิดยังไงกับนาย”
“รู้สิ...ทำไมฉันจะรู้ว่าพายรักฉัน”
ปรัชญาตอบไปตามความจริง ถึงจะไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่ลึกๆ เขารู้ดีว่าน้องชายต่างสายเลือดผู้นี้คิดอย่างไรกับเขา เพราะเหตุนี้ถึงทำให้เขารู้สึกลำบากใจ กังวลกลัวว่าบิดาเลี้ยงและมารดาจะรู้เรื่อง จนทำให้เกิดปัญหาตามมาอีก
“จริงดิ?” มานิตาถามย้ำอย่างประหลาดใจกับคำตอบของเพื่อนสนิท
“จริง...ฉันจะโกหกเธอไปทำไมล่ะตา ฉันรู้มาได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่ที่ไม่พูดอะไรออกไป ก็เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เพทายนิสัยไม่เหมือนฉันหรือผู้ชายที่ฉันรู้จักมา เขาเอาแต่ใจมาก ไม่สนใจว่าใครจะเสียใจหรือเจ็บปวด ถ้าเขารักหรือเขาต้องการอะไร เขาก็จะต้องเอามาให้ได้ เพราะเหตุนี้แหละ ฉันเลยทำเป็นไม่สนใจ ไม่รับรู้ต่อความรู้สึกของเขา”
“จากที่ฟังปรัชเล่ามา น้องชายปรัชนี่นิสัยแย่มาก แล้วก็เอาแต่ใจอย่างร้ายกาจเลยนะ แค่ฉันฟังก็ยังรู้สึกสยองเลย”
“น้องชายฉันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอกตา พายถูกคุณแม่ตามใจมาตั้งแต่เด็กๆ เลยทำให้เขามีนิสัยแบบนั้น”
“ถามจริงๆ เถอะปรัช นายไม่เกลียดน้องชายของนายบ้างเหรอ? ที่เขาแย่งความรักของคุณป้าไปจากนาย”
“ก็เคยเกลียดเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันชินแล้ว ยิ่งได้มารู้ความจริง ฉันก็เลยเลิกเกลียดเพทาย แล้วฉันก็ไม่ต้องการความรักจากผู้หญิงคนนั้นแล้ว”
เมื่อก่อนเขาอาจต้องการความรักจากมารดา ทว่าตอนนี้เขากลับไม่ต้องการความรักเหล่านั้นอีก ถึงได้มาก็เป็นแค่ความรักจอมปลอม รักที่แฝงไปด้วยความเคียดแค้นและชิงชัง จึงไม่จำเป็นเลยสักนิดที่เขาจะต้องไปไขว้คว้า ดิ้นร้นเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้นมา
มานิตาหน้ายุ่ง ยกมือขึ้นเกาศีรษะ ขณะลอบถอนหายใจออกมากับคำพูดชวนหดหู่เหล่านั้น ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทกับมารดาคงรุนแรงมากขึ้นเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่พูดออกมาแบบนั้น
“นี่ก็เย็นมากแล้ว พวกเรากลับบ้านกันเถอะตา”
ปรัชญาตัดสินใจชวนมานิตากลับบ้าน เมื่อเห็นกลุ่มนักศึกษาที่เข้ามาพร้อมเขาเริ่มทยอยกันเดินออกไปจากห้องสมุด
“อืมม์...เอ่อ...ก็ได้”
คนถูกชวนรับคำ พร้อมกับเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ เธอเชื่อว่าสักวันหนึ่งปรัชญาต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เธอฟัง อาจเพราะเธอเข้าใจดีว่าเรื่องภายในครอบครัวนั่นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากแค่ไหน และมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอที่จะเข้าไปวุ่นวาย สิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็คือ...รอ...
“คิดอะไรอยู่หรือตา ทำไมถึงมองหน้าฉันแบบนั้น”
“เปล่าจ้ะ? ไม่มีอะไร...เรากลับกันเถอะ”
“ตาเอาหนังสือพวกนี้ไปวางตรงนั้นด้วยนะ ฉันจะไปทำยืมเรื่องยืมหนังสือสองเล่มนี้ก่อน”
ปรัชญาบอกเพียงแค่นั้น ก็หยิบหนังสือที่ต้องการยืม แล้วลุกจากโต๊ะไปจัดการยืมหนังสือกับบรรณารักษ์ ปล่อยให้มานิตาเก็บหนังสือที่พวกเขานำมาอ่านก่อนหน้านี้ไปเก็บเอาไว้ที่เดิม
หลังจากนำหนังสือไปวางที่ตู้เสร็จ มานิตาก็เดินไปหยุดอยู่ด้านหลังของปรัชญา รอจนปรัชญาจัดการยืมหนังสือเสร็จ แล้วจึงชวนกันกลับบ้าน
*******
หลายวันผ่านไป...
หน้าตึกคณะบัญชี มีรถเบนซ์สปอร์ตสีดำคันหรูจอดอยู่ ในรถมีสาวสวยคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือนิตยสารชื่อดังเป็นการฆ่าเวลา และไม่ลืมที่จะก้มมองนาฬิกาเป็นระยะ ดูเหมือนว่าเธอนั่งรอมาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่เธอมานั่งรอเลย คนนั่งรอเริ่มบ่นพึมพำ เพราะเริ่มหมดความอดทนที่จะต้องรอ ขณะที่มือก็ยังเปิดอ่านหนังสือนิตยสารไปด้วย ก่อนที่จะได้เปิดหน้าถัดไป เสียงเพลงเรียกเข้าจากมือถือก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
หญิงสาวจึงวางหนังสือนิตยสารลงบนตักแล้วหันไปเปิดกระเป๋าสะพาย หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของใคร ใบหน้าคมสวยก็ระบายไปด้วยรอยยิ้ม
“ตกลงจะกลับเมืองไทยวันไหนปริม”
(อาทิตย์หน้านี้แหละค่ะพี่เปรม)
“แล้วแดเนียลล่ะ จะตามปริมกลับมาเมืองไทยด้วยหรือเปล่า?”
(ยังไม่รู้เลยพี่เปรม ปริมยังไม่ได้คุยกับพี่แดเนียลเลย)
“จัดการเคลียร์กับแดเนียลให้เรียบร้อยนะปริม เพราะพี่ไม่อยากมีปัญหากับแดเนียลอีก”
(รอบนี้ไม่มีแน่นอนค่ะพี่เปรม) เปรมวดีตอบพี่สาว
“ถ้ามันยุ่งยากนัก ปริมก็ชวนแดเนียลมาด้วยก็ได้ พี่อนุญาต”
เปรมมิกาตัดสินใจบอกน้องสาว คราวก่อนเปรมวดีกลับเมืองไทยโดยไม่ได้บอกแดเนียล เลยทำให้ทั้งสองทะเลาะกันบ้านแทบแตก ความจริงเธอก็ไม่ได้ชื่นชอบว่าที่น้องเขยคนนี้นัก แต่เพราะเปรมวดีรักผู้ชายคนนี้ เธอเลยต้องรักและยอมรับในการตัดสินใจของเปรมวดี
(แน่ใจนะคะพี่เปรม...ว่าให้ปริมพาพี่แดเนียลมาเมืองไทยได้)
เปรมวดีถามย้ำพี่สาวอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ที่จริงแล้วเธออยากพาคนรักมาให้พี่สาวรู้จักและทำความสนิทสนมกันเอาไว้ แต่เพราะคนของเธอดันปากดีในครั้งแรกที่ได้สนทนาทางโทรศัพท์
ผลที่ได้ก็คือ...พี่สาวพาลเกลียดขี้หน้าคนรักของเธอไปโดยปริยาย
“แน่ใจสิ พี่จะโกหกปริมทำไม!”
(โอเค. ถ้างั้นปริมชวนพี่แดเนียลกลับเมืองไทยพร้อมปริมเลยก็แล้วกัน ว่าแต่พี่เปรมจัดการเรื่องของปรัชญาเรียบร้อยแล้วหรือค่ะ)
เปรมวดีรีบเปลี่ยนเรื่องของตัวเองไปเป็นเรื่องของน้องชายต่างมารดาทันที ถ้ามัวแต่คุยเรื่องของเธอกับคนรักต่อ อาจทำให้พี่สาวยกเลิกเรื่องที่ยอมให้เธอพาเขามาเมืองไทยก็ได้
“ก็เกือบเรียบร้อยแล้วล่ะ พี่รอข้อมูลจากนักสืบอีกนิดหน่อย”
(มีอะไรให้ปริมช่วยไหมค่ะพี่เปรม)
“ไม่มีหรอก แค่นี้ก่อนนะปริม พี่มีธุระต้องไปทำนิดหน่อย”
(โอเคค่ะพี่เปรม เจอกันอาทิตย์หน้านะคะ)
เปรมวดีกล่าวแล้วหันไปยิ้มกว้างให้หนุ่มคนรัก ที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะได้ยินคำบอกลาของพี่สาวแว่วเข้ามาในหู
“จ๊ะ...บาย” เปรมมิกาตอบน้องสาว
“บายค่ะพี่เปรม”
แล้วเสียงกดตัดสายก็ดังขึ้น เปรมวดีจึงวางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว ก่อนเดินสวนกับคนรักเข้าไปอาบน้ำ
*******