Chapter 2
ข่าวที่ไม่อยากได้ยิน (1)
เชียงใหม่…
'บ้านเสวกุล' แทนไทมองไปยังตัวอักษรสีดำที่ติดอยู่ตรงรั้วบ้าน เมื่อคนขับจอดรถนิ่งขณะกำลังรอให้ประตูรั้วค่อย ๆ เลื่อนเปิด แววตาคมกล้าแฝงไว้ซึ่งความหยิ่งยโสมองสำรวจบรรยากาศโดยรอบ เหมือนอยู่ในที่ไม่คุ้นเคย ชายหนุ่มลอบผ่อนลมหายใจบางเบา...นานมากแล้วที่ไม่ได้เหยียบย่างมาที่นี่ กลับมาคราวนี้เขาจึงรู้สึกแปลกแยกไม่คุ้นชินเอาเสียเลย
หลายสิ่งอย่างดูแปลกตาไปมาก ดอกไม้บานสะพรั่งรับลมหนาว สวนในบ้านถูกรื้อจัดใหม่จนคิดว่าเข้าผิดบ้าน ภายใต้กรอบแว่นตากันแดดสีดำทรงทันสมัย แววตาของแทนไทกำลังฉายความรู้สึกบางอย่าง เป็นความหลากหลายที่ประเดประดังเข้ามาในคราเดียว
กลัวหรือ? หรือความขุ่นเคืองยังคงกรุ่นอยู่ในใจ ทำให้รู้สึกว่าเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของศัตรู เขาถามตัวเอง มันกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก...เขารู้สึกเหมือนคนแปลกหน้าที่แค่มาเยือน หาใช่มาในฐานะลูกชายเจ้าของบ้าน
รถแล่นมาจอดเทียบถึงหน้าบ้านหลังใหญ่...บ้าน...ที่จากไปนานมาก ยามนี้มือของแทนไทชื้นไปด้วยเหงื่อทั้งที่อากาศเย็น เขายังคงนั่งนิ่งมองไปยังคนที่มายืนรอรับด้วยสีหน้าที่ปกปิดถึงความตื่นเต้นไว้ไม่ได้...นั่นคือคนเก่าแก่พอ ๆ กับบ้านหลังนี้ แม้จะผ่านมานานแต่เขาก็จำรำพึงได้ นอกนั้นเขาไม่รู้จัก มีแต่เด็กหน้าใหม่เวียนเข้ามา และในขณะเดียวกัน แววตาคมกล้าสอดส่ายมองหาใครบางคน พวกเธออยู่ไหน...ภัคภัสสร นันท์ภัสสร
ควรจะมารับหน้าเขา แต่นี่กลับพากันหลบหน้า เขาคิดไปเองว่าพวกหล่อนกลัวกับการต้องเผชิญหน้ากับเขา แต่ก็ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย เขากลับมาทั้งทีแต่ไม่มีใครยินดียินร้าย โดยเฉพาะธามไท วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันครอบครัว ทุกคนน่าจะอยู่บ้านด้วยซ้ำ
'อื้อหืม…'
เตือนใจใจสั่นไหวเมื่อประตูรถถูกเปิดออกแล้วคนในนั้นก้าวลงมา หล่อนยืนนิ่งเหมือนถูกสาป ได้แต่จับจ้องไปยังร่างสูงใหญ่ตาไม่กระพริบเพราะความตื่นตะลึง แน่นอนหล่อนบ้าผู้ชายหล่อ ๆ หุ่นนายแบบลุคหนุ่มตะวันตก แทนไท...ตัวจริงเขาดูดีกว่าในไอจีหลายเท่า เขาอยู่ในเชิ๊ตดำสวมทับด้วยเบลเซอร์ดำจนดูลึกลับเคร่งขรึม แม้จะไม่เห็นแววตาของเขาที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นกันแดดดำสนิท หากแต่หล่อนก็ไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ ไม่รู้ว่าแววตาคู่นั้นกำลังมองใคร หากแต่หล่อนก็เก้อเขินไปแล้ว คล้ายจะได้กลิ่นหอมจาง ๆ ลอยมาตามลม เซ็กส์แอพพรีลเต็มพิกัดทำให้หล่อนประหม่าจนทำตัวเก้ ๆ กัง ๆ จนลืมที่จะไปรับกระเป๋าของเจ้านายที่คนขับรถนำลงมาวางไว้ให้
แต่เขาไม่เหมือนธามไทแฝดคนพี่ แทนไทดูเข้าถึงยากกว่าหลายขุม ผู้ชายคนนี้ดูเย่อหยิ่งจองหองเหลือเกิน เขาทำเหมือนทุกคนที่ยืนกันหน้าสลอนคืออากาศธาตุที่ไร้ตัวตน ได้แต่ยิ้มอ่อน ๆ ให้รำพึงก่อนเดินเลยไปโดยไม่ทักทายใครอีกนอกจากคนที่เขารู้จัก ขณะเดียวกันนั้นผกามาศก็เดินออกมาพอดี
"สิงห์…"
"สวัสดีครับคุณแม่"
ผู้หญิงคนนี้คือคนเดียวที่เขาพูดดีด้วย แทนไทโผเข้าหาอ้อมกอดที่กางรอรับ แววตาของผกามาศทอประกายระยิบระยับเมื่อเห็นหน้าลูกชาย อ้อมกอดจะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง คือภาษากายที่ใช้แทนคำพูดมากมาย สองคนต่างกอดกันแน่นด้วยความคิดถึง จมูกคมสันฝังลงบนพวงแก้มของมารดาแล้วสูดแรง ๆ เพื่อให้คลายความห่วงหา...อย่างน้อยแทนไทก็รู้สึกว่าตัวเองไม่โดดเดี่ยวไปเสียทีเดียว ยังดีที่มีมารดาอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ถึงอย่างไร คนเป็นใหญ่ก็คือบิดาของเขาอยู่ดี
เตือนใจมองตามแผ่นหลังกว้างแสนหยิ่งผยองที่เดินเคียงข้างผกามาศเข้าไปในบ้าน เมื่อได้เจอตัวจริงจึงเชื่อแล้วถึงวีรกรรมที่มีคนเล่าให้ฟัง เขาดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ดูไม่น่าเข้าใกล้ เหตุเพราะท่าทีเย่อหยิ่งนั่น ใบหน้าที่เคร่งขรึมจนยากจะเข้าใจว่าคิดอะไรอยู่ภายในใจ ขนาดรำพึงที่อยู่มานานเขายังทำห่างเหิน นับประสาอะไรกับพวกหล่อนที่มาทีหลัง ไม่อยากคิดเลยว่าหากเผลอทำอะไรไม่ถูกใจพ่อเจ้าประคุณ หล่อนจะโดนอะไรบ้าง
'นี่น่ะเหรอ สภาพของคนที่เคยเกรี้ยวกราดไล่เราออกจากบ้าน...'
ห้องพักสำหรับคนป่วยนั้นดูโปร่งโล่งสบายตา บานประตูด้านข้างเตียงถูกเปิดกว้างเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก มองเลยออกไปเห็นแมกไม้เขียวขจีและทิวเขาน้อยใหญ่ทอดตัวยาวลดหลั่นจนสุดลูกหูลูกตา...แทนไทยืนนิ่งอยู่ปลายเตียง แม้คนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงคือบิดา หากแต่ชายหนุ่มยังคงยืนเว้นระยะห่างโดยไม่ยอมขยับเข้าไปใกล้ ๆ เพียงเพราะทิฐิยังคงเกาะแน่นอยู่ในใจ แม้ท่านจะป่วย แต่ความกรุ่นโกรธนั้นยังคงไม่จางหาย บางที...เขาคิดว่าเรื่องแบบนี้คงต้องใช้เวลากันสักพักนึง
เขารู้แค่ว่าก่อนหน้านั้นท่านเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกบริเวณท้ายทอย เป็นเนื้อร้ายที่ตัวท่านเองไม่รู้เพราะไม่มีใครบอก เอฟเฟคจากการให้คีโมทำให้ท่านกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง จนที่บ้านต้องจ้างพยาบาลมาดูแลเป็นการส่วนตัว
เหมือนมีก้อนบางอย่างแล่นมาจุกอก สภาพของบิดาทำให้เขาบดกรามเข้าหากันเพื่อข่มความอ่อนแอของจิตใจเอาไว้ หากแต่ว่าขอบตากลับร้อนผ่าวเพราะความรู้สึกหลายอย่างที่ประเดประดัง แววตาแดงก่ำคู่นั้นไม่อาจรอดพ้นสายตาคนมองไปได้...ภัคภัสสร
หล่อนสังเกตได้ถึงความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเข้มแข็ง ลอบมองเมื่อยามเขาเผลอ รู้สึกถึงความแปลกแยกห่างเหิน เพราะความที่ห่างกันไปหลายปี
"สิงห์ เข้าไปใกล้ ๆ คุณพ่อสิจ๊ะ ให้ท่านได้รับรู้ว่าสิงห์กลับมาแล้ว"
ผกามาศกระซิบกระซาบกับคนที่ยังคงยืนเว้นระยะห่างกับคนป่วย หล่อนแค่หวังดี อยากเห็นพ่อลูกกลับมาเป็นเหมือนเดิม
หากแต่คำปฏิเสธ ก็ทำให้หล่อนถึงกับหน้าเสีย
“ไม่ล่ะครับ ท่านคงได้ยินเสียงผม ก็คงรู้ได้เองว่าผมมาเยี่ยม อย่างน้อย... ก็ยังมา ไม่ได้ใจดำไปเสียทีเดียว"
น้ำเสียงที่ค่อนข้างดัง แน่นอนคนที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงต้องได้ยินถ้าหากว่าท่านไม่ได้หลับ แต่แค่ไม่อยากลืมตาขึ้นมามองใครเท่านั้น