Chapter 9
ทางที่ต้องเลือก
หนึ่งปีต่อมา...
แพสชั่น ไวเนอรี
ภายในห้องประชุม ผู้บริหารมารวมตัวกันในเวลาเก้าโมงตรง เป็นวาระด่วนที่มีหนังสือร่อนมาจากผู้บริหารสูงสุด ผู้กุมอนาคตของแพสชั่นไวเนอรีในตอนนี้ และคงจะเป็นใครไปไม่ได้...เอกภพ
และธามไทก็มาร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย เขายังไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัดว่าเหตุใดจึงมีการเรียกประชุมด่วน แต่เพราะมีคำสั่งมาจากเอกภพ ไม่มีใครปฏิเสธได้
เมื่อครบองค์ประชุม เอกภพก็เริ่มเปิดประเด็น
"ผมต้องขออภัยทุกท่านด้วยที่กะทันหันไปนิด แต่
วันนี้ผมจำเป็นที่จะต้องแจ้งให้ทุกท่านทราบ...เกี่ยวกับเรื่องการทำผิดกฎบริษัทอย่างร้ายแรง"
เอกภพปรายตามองไปรอบ ๆ โต๊ะ ก่อนมาหยุดนิ่งยังธามไท เขามองหน้าชายหนุ่มคราวหลาน แล้วพูดต่อ
"เมื่อเร็ว ๆ นี้มีผู้บริหารของเราคนนึงได้ทำผิดกฎบริษัท ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผมยอมรับไม่ได้ นั่นคือการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพนักงานในบริษัท!"
มีเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที เพราะคนที่ถูกกล่าวถึงคงต้องเป็นคนใดคนหนึ่งที่อยู่ในนี้ พวกเขานั่งรอฟังอย่างลุ้นระทึกว่าหวยจะออกที่ใคร
'ฉิบหายแล้วไอ้เสือ...ถ้าเป็นเรื่องคืนนั้นละก็!'
มือของธามไทชื้นไปด้วยเหงื่อ เขากำลังคิดว่าหวยจะต้องมาออกที่เขาแน่ ๆ เรื่องนั้นมันมีสตอรี เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพนักงานคนนั้นทำไมถึงมานอนกับเขาในห้องพัก เป็นทริปสัมมนาระดับผู้บริหาร หล่อนเป็นเลขาของผู้จัดการฝ่ายการตลาด ก็เลยได้ติดสอยห้อยตามไปด้วย
แต่เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เยอะเพราะให้เงินปิดปากหล่อนไปแล้ว แม้เขาจะเชื่อว่าตัวเองถูกวางยาก็ตาม ในเมื่อไม่มีหลักฐานว่าใครวางยา ถามหากล้องวงจรปิดก็เสียหมด สุดท้ายเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นคนผิดอยู่ดี
"และคนนั้นก็คือเขา!"
".....!"
ทุกคนต่างหันมามองธามไทเป็นตาเดียว แน่นอน สีหน้าพวกเขาต่างตกใจไปตาม ๆ กัน ไม่คิดว่าธามไทจะมีนิสัยแบบนี้
ผกามาศเป็นคนเดียวที่ไม่เชื่อ หล่อนลุกขึ้นกลางวง
"ไม่จริงใช่มั้ยเสือ แม่เชื่อว่าเสือไม่มีพฤติกรรมแบบนั้นแน่!"
ธามไทนั่งนิ่งเพราะคิดคำแก้ตัวไม่ออก มันเกิดขึ้นจริงเพียงแต่ไม่มีหลักฐานมาแก้ต่างให้ตัวเอง และการที่เขาเงียบทำให้ผกามาศเริ่มใจคอไม่ดี
ถ้าลูกชายหล่อนทำจริง มันหมายถึงว่าเขาจะต้องพ้นจากตำแหน่ง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับแพสชั่นไวเนอรีอีก
"ทางเราสืบทราบว่านายมีสัมพันธ์กับพนักงานคนนึง แต่จะไม่มีการเอ่ยถึงเธอคนนั้นในนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิง มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย...ธามไท"
เสียงของเอกภพช่างฟังดูเยือกเย็นในความรู้สึก ยามนี้ในหัวของธามไทอื้ออึงไปหมด เขากำลังช็อกจนไม่มีสติที่จะคิดอะไรต่อได้...มันคือแผนกำจัดเสี้ยนหนามให้พ้นทาง ชายหนุ่มเชื่อเช่นนั้น
แต่ยามนี้เขากำลังเบลอ ไม่มีแรงพอที่จะต่อกรกับเอกภพได้
"เสือ..."
ผกามาศน้ำตารื้น หล่อนขบริมฝีปาก หันไปทางเอกภพที่มีสีหน้าเรียบเฉย
"มีหลักฐานมั้ย ก่อนจะกล่าวหาเขา"
“ถ้าจะถามหลักฐาน ผมมีเป็นรูปถ่ายตอนอยู่ในห้อง และจำเป็นจะต้องเรียกผู้เสียหายมาให้การ"
"เอามาสิ ไหนล่ะ"
"ไม่ต้องหรอกครับคุณแม่ ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว ผม...ขอรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยการออกไปจากแพสชั่นไวเนอรี เพราะ...กฎก็คือกฎ"
ธามไทลุกพรวดขึ้น เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนหยุดนิ่งยังเอกภพ ชายหนุ่มบดกรามจนเป็นสันนูนเมื่อถูกเขี้ยวเล็บของคนที่เคยนับคือกระซวกจนเดินเซล้มลง วันนี้เขาพ่ายแพ้อย่างแท้จริง หมดสิ้นแล้วซึ่งทุกสิ่งอย่างจากการรวมหัวกันของคนกลุ่มหนึ่ง คนที่ช่วงชิงทุกอย่างไปโดยทำเป็นขบวนการ
ไม่เป็นไร...วันนี้ล้มแต่วันหน้ายังมี ทุกอย่างสร้างใหม่ได้ ตราบใดที่ลมหายใจยังมี เขาบอกตัวเองยามทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง เดินออกมาจากห้องประชุมด้วยใจที่เจ็บปวด
เขาไม่ได้เสียใจที่ถูกปลดจากตำแหน่ง แต่แค่เสียใจที่ไม่อาจปกป้องบริษัทเอาไว้ได้ และเขาเอาแต่โทษตัวเอง เพราะความไม่เอาไหนของเขาจึงทำให้สิ่งที่บิดาสร้างขึ้นถูกคนอื่นชุบมือเปิบไปอย่างง่ายดาย
แจน พิมพ์พรรณ ชื่อนี้เขาจะจำไปจนตาย ชาตินี้จะไม่มีวันลืมในสิ่งที่หล่อนได้กระทำลงไป หล่อนทำลายชีวิตผู้ชายคนหนึ่งจนพัง และเขาจะไม่มีวันให้อภัยผู้หญิงสารเลวคนนั้น ชายหนุ่มสาบานกับตัวเอง เขาฝังความคั่งแค้นไว้ในใจเพื่อรอเวลาเอาคืน
ยูทาห์ สหรัฐอเมริกา…
บนเทือกเขาสูงเสียดฟ้าที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน เสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ดังกระหึ่มอยู่เหนือยอดเขา ฮอลำนั้นทรงตัวอยู่ในอากาศโดยไม่ลงจอด เพื่อส่งคนกลุ่มหนึ่งในชุดที่เซฟตี้อย่างแน่นหนา พวกเขานัดกันมาเล่นกีฬาท้าความตายในวันพักผ่อน แทนที่จะไปเล่นในสกีรีสอร์ทที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่นั่นไม่เร้าใจพอ พวกเขาจึงเลือกที่จะเริ่มจากจุดนี้แทน
เสียงฮอค่อย ๆ ดังห่างออกไป พวกเขาต่างสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติอันแสนสวยงาม เสียงตะโกนคุยกันแข่งกับสายลมแรง
มากี่ทีก็ยังคงสวยงามและยิ่งใหญ่เสมอ เทือกเขาร็อกกี้ที่ทอดยาวพาดผ่านทิศตะวันตก ไล่ตั้งแต่แคนาดา อเมริกา ลงต่ำไปจนถึงเม็กซิโก
"Oh, so beautiful. Many people like the visit here." (โอ้โห้ เยี่ยมไปเลย ไม่แปลกหรอกนะหากมีคนหลั่งไหลมาที่นี่)
ทุกคนก็คิดเช่นนั้น มันสวยงาม หากแต่ก็แฝงไว้ด้วยอันตรายเช่นเดียวกัน และคนที่จะมาเล่นด้วยกันก็จะต้องเข้าขากันเป็นอย่างดีด้วย
"Everything is going to be fine." (ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี มันจะต้องราบรื่น)
"Let’s go." (ถ้าอย่างนั้น เราไปกันเถอะ)
หลังแว่นก็อกเกิ้ล แทนไทไล่สายตามองไปตามแนวหิมะที่ลาดลงต่ำเพื่อหาเส้นทางที่จะไถสโนวบอร์ดลงไป เขามาที่นี่หลายครั้งกับเพื่อนต่างชาติที่รักในกีฬาผาดโผนเหมือน ๆ กัน และนั่นทำให้เขาลืมสกีรีสอร์ทธรรมดาไปเลย เมื่อที่นี่ทำให้เขาค้นพบความสนุกสุดเหวี่ยง เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายเรียกหาอะดรีนาลีน เขาจะมาที่นี่เพื่อปลดปล่อยมัน
แทนไทหันไปหาเพื่อนร่วมทีมแล้วส่งซิกให้กัน เขาอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะลงไป สูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกเพื่อเรียกสมาธิ
"God bless you, Follow me." (ขอพระเจ้าจงคุ้มครอง...มากันเลยพวก)
"วู้ๆๆๆๆ"
เสียงตะโกนลั่นอยู่เหนือยอดเขา คนบ้าพอ ๆ กันทั้งห้าคนพาตัวเองลงมาจากยอดเขาด้วยการไถสโนว์บอร์ดไปตามแนวหิมะหนาเกือบห้าร้อยนิ้วที่คดเคี้ยวเลาะเหลี่ยมเขา ซึ่งการขึ้นมาเล่นบนนี้ต้องอาศัยความชำนาญเป็นอย่างมาก หากพลาดแล้วเสียหลักตกลงไป มีสองอย่างนั่นคือ ไม่ตายก็พิการสถานเดียว ที่ร้ายกว่านั้นคืออาจจะหาศพไม่เจอด้วยซ้ำ
แต่ยิ่งอันตรายยิ่งหอมหวาน พวกเขาลุ่มหลงมันจนยอมพาชีวิตมาเสี่ยงที่นี่ ในขณะที่หลายคนมองว่ามีแต่คนบ้าเท่านั้นที่กล้าทำลงไป
ในขณะที่แทนไทฝังตัวเองอยู่ในโลกของตน กำลังก้าวหน้าในเรื่องงาน เขายังคงไม่รู้ว่าไกลห่างออกไปนับหมื่นไมล์ที่ซีกโลกฝั่งตะวันออกกำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ข้อความจากทางไกลเขายังไม่ได้เปิดอ่าน ตอนนี้เขากำลังพาตัวเองดำดิ่งลึกไปกับกีฬาท้าความตาย เหมือนที่เขาเคยพูดกับภัคภัสสร โลกนี้ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ และควรจะใช้ชีวิตให้คุ้ม เพราะคนเรามีโอกาสเกิดได้แค่ครั้งเดียว
หากต้องจบชีวิตเพราะการกระทำของตัว เขาก็จะไม่เสียใจ เพราะนั่นคือทางที่ได้เลือกแล้ว
"โอ้กกก..."
เสียงอาเจียนดังอยู่ในห้องน้ำที่ชั้นล่างของตัวบ้าน...ภัคภัสสรเปิดก็อกใช้มือรองน้ำแล้วนำมาบ้วนปาก หยาดน้ำตาไหลรินออกมาด้วยความอัดอั้น
"ฮือ ๆ"
พยายามข่มเสียงสะอื้นให้เงียบที่สุด หล่อนวิ่งมาแอบร้องไห้ในห้องน้ำไม่ให้ใครเห็น คิดด้วยความคับแค้นใจ...ทำไม...ทำไมถึงต้องเป็นเธอ
แววตาแดงช้ำมองหน้าตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงา มันพร่าเลือนเพราะม่านน้ำตาที่คลอขัง หล่อนสบตากับเงาในกระจกนิ่งนานใจคิดไปพร้อมกัน ทางเลือกไหนที่ควรจะเดินไป
ภาพบิดาบุญธรรมที่นอนบนเตียงใส่เครื่องช่วยหายใจฉายขึ้นมาในหัวจนอกสะท้านไหว...เอกภพฮุบบริษัท ธามไทถูกบีบให้ออกจากตำแหน่ง ซ้ำมารดาบุญธรรมยังขอร้องให้แต่งงานกับเอกภพ โดยเอาเรื่องบุญคุณมาอ้าง ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาจนตั้งหลักรับไม่ทัน
หรือมันถึงเวลาแล้ว...ถึงเวลาที่ควรจะลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง...ดั่งเช่นเรื่องราวในประวัติศาสตร์ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ ส่วนหล่อนสถานการณ์กำลังบีบบังคับว่าจะเสียสละเพื่อคนอื่น หรือจะทำเพื่อตัวเอง
“พี่เสือ ทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น ฝนจะทำทุกอย่างเพื่อเอาบริษัทของคุณพ่อคืนมา!'
หญิงสาวขบกรามแน่น แววตาฉายแววเด็ดเดี่ยว สองมือปาดน้ำตาทิ้งไป หล่อนจะไม่อ่อนแอ จะไม่ร้องไห้คร่ำครวญให้กับโชคชะตาที่กำลังเล่นตลก...ก่อนเดินออกจากห้องน้ำ หยุดนิ่งสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อตั้งสติ
หล่อนตัดสินใจได้แล้ว ว่าจะทำเช่นไรต่อไป
หอบร่างที่เบาโหวงเดินกลับไปยังมุมรับแขก...เอกภพนั่งรอคำตอบอยู่ตรงนั้น เขาพาผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือมาทาบทาม
ผกามาศสบตากับคนที่เดินใจลอยกลับมาคล้ายขอคำตอบ...ภัคภัสสรข่มอารมณ์ชิงชังเอาไว้จนลึกสุดใจ หล่อนเกลียดหน้าซ่อนยิ้มกรุ้มกริ่มของเอกภพยิ่งนัก เกลียดจนแม้แต่หน้าก็ยังไม่อยากมอง
จะต้องฝืนใจยอมเป็นเมียคนแบบนี้จริง ๆ หรือ มันหมายถึงชีวิตวัยสาวต้องเสียไปด้วยการถูกบังคับให้แต่งงาน หล่อนย้ำหัวใจตัวเอง
แต่ถ้ามันคือหนทางเดียวที่จะช่วยกอบกู้ทุกอย่างกลับคืนมาได้ หล่อนก็พร้อมจะเสียสละ คิดดังนั้นจึงกลั้นใจเอ่ยออกมา
"ก็ได้ค่ะ ฝนตกลง"
ทุกคนมีสีหน้าโล่งอกขึ้นมาทันที รอยยิ้มปลื้มปริ่มผุดพราวบนใบหน้าของเอกภพหลังจากได้คำตอบที่พึงพอใจ ขัดกับใจของภัคภัสสร ใจหล่อนกำลังร่ำไห้ หากแต่พยายามบอกตัวเอง…หล่อนทำดีที่สุดแล้ว ทำเพื่อทุกคน
แค่ยอมหลับหูหลับตาเป็นเมียเอกภพ แกล้งรักเขา ทำทุกอย่างให้เขาลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น แล้วทุกอย่างก็จะอยู่ในกำมือ นั่นคือสิ่งที่หล่อนคิดเอาไว้
หนึ่งเดียวที่ปรารถนา...แพสชั่นไวเนอรีจะต้องกลับมาอยู่ในมือของคนที่สมควรจะได้ครอบครอง...ทั้งธามไทและแทนไท ได้แต่เฝ้าหวังอย่างลม ๆ แล้ง ๆ รอให้แทนไทกลับเมืองไทยเพื่อมากอบกู้บริษัทของตัวเองกลับคืน
ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส (LAX)
สนามบินแอลเอที่แสนกว้างใหญ่ ภายในเทอร์มินอล 4ผู้โดยสารแลดูหนาตา ที่โดดเด่นกว่าชาติอื่นจะเป็นชาวญี่ปุ่นและคนอเมริกันเจ้าถิ่นเป็นเสียส่วนใหญ่...ภายในเกต แทนไทนั่งรออยู่ตรงเก้าอี้ผู้โดยสาร เขาซุกตัวอยู่ในมุมเงียบ ๆ จมอยู่กับเรื่องราวผ่านโลกออนไลน์
อีกไม่นานก็จะได้เวลาขึ้นเครื่อง เขาจะต้องไปพักที่โตเกียวและต่อเครื่องเข้าประเทศไทยอีกทอดหนึ่ง มันเป็นการเดินทางที่แสนเหนื่อยกายและน่าเบื่อ ใช้เวลาเป็นวัน ๆ กว่าจะได้ไปเหยียบแผ่นดินถิ่นที่จากมา
แววตาคมกล้าสั่นไหวยามปลายนิ้วสไลด์ไปบนหน้าจอโทรศัพท์...เขาเห็นแล้ว...ภาพของบิดาที่แพทย์ประคองอาการเอาไว้ด้วยสายออกซิเจน ก้อนบางอย่างแล่นมาจุกอก รู้สึกปวดหนึบหนับไปรอบกระบอกตา
ตลอดเวลาเขาคิดว่าทำใจได้ จะไม่ร้องไห้เมื่อถึงวันลาจาก แต่เมื่อทุกอย่างเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด เขาถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองอ่อนแอกว่าที่คิด
ที่ทำงานอย่างหนัก...แท้จริงเขาแค่คนขลาดกลัว อยากลืมเรื่องราวทุกข์ใจจนต้องเอางานมาบังหน้า
คล้ายพระเจ้าจะยังไม่สาแก่ใจ ดูเหมือนทุกอย่างจะประเดประดังราวอยู่ท่ามกลางทะเลพิโรธ เขายังได้เห็นการ์ดงานแต่งระหว่างเอกภพและภัคภัสสร มือที่ถือโทรศัพท์สั่นไหว ในที่สุด...มันก็เกิดขึ้นจริง
ความรู้สึกหลากหลายประเดประดัง ไม่แน่ใจว่ารู้สึกอย่างไรหลังจากได้เห็น...หลังจากกลับมาจากบ้านเกิดเมื่อปีก่อน เขาก็บ้างานอย่างหนักเพื่อตำแหน่งที่จะถูกปรับขึ้น ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง และนานนับปีแล้วที่เขาไม่ได้เจอเธอ
เตือนแล้วไม่ฟัง หล่อนช่างสิ้นคิดที่ยอมแต่งงานกับชายแก่คราวพ่อ...หรือเพราะอำนาจเงินที่ทำให้หล่อนเป็นไป เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาถึงกับกระตุกยิ้มเยาะ...เงินซื้อทุกอย่างได้จริง ๆ
ผู้หญิงหน้าเงิน! เขามองหล่อนแบบนั้น ยิ่งตอกย้ำมุมมองที่เคยมีต่อคนที่ใจชิงชัง ในที่สุดหล่อนก็พิสูจน์ให้ได้เห็น เขาดูคนไม่ผิดจริง ๆ
คิดอีกทีก็เหมือนจะเสียหน้า หล่อนปฏิเสธเขาหัวชนฝา แต่กลับยอมเป็นเมียคนที่มีอายุห่างจากเขาเกือบสามสิบปี
เสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ดึงสติคนเสียหน้าขึ้นมาจากห้วงภวังค์...ชายหนุ่มเก็บโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เตรียมบอร์ดดิ้งพาสไว้ให้พร้อม คว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินไปยังทางออกที่พาไปสู่สายการบินที่ได้จองเอาไว้...อเมริกันแอร์ไลน์ สายการบินที่จะพาเขาบินลัดฟ้าไปสู่โตเกียว
พรุ่งนี้ก็จะได้เหยียบแผ่นดินไทย...การกลับไปของเขาคราวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากจริง ๆ
ไร่องุ่น Breeze Valley Vineyard...
ป้ายทางเข้าโดดเด่นอยู่ด้านหน้า มันปักอยู่ริมถนนเส้นทางสายแม่ริม-สะเมิง...นันท์ภัสสรค่อย ๆ ผ่อนคันเร่งและแตะเบรกเพื่อเลี้ยวเจ้าฮอนด้าดรีมซุปเปอร์คัพสีฟ้าขาวเข้าไปด้านใน และทุกครั้งที่ผ่านตรงนี้...พยายามแล้ว...พยายามที่จะไม่สนใจข้อความที่เขียนอยู่บนแผ่นไม้ หากแต่ก็ต้องเจ็บจี๊ดขึ้นมาในใจทุกที
แม้กระทั่งชื่อไร่องุ่น เขาก็จงใจให้มีความหมายถึงใครบางคน มันช่างล้ำลึกกับการถ่ายทอดความในใจ...Breeze ให้ความหมายถึงสายลมที่พัดโชย มันเหมือนลมเตือนเมื่อความหนาวกำลังจะมาเยือน...ปลายฝนต้นหนาว หล่อนตีความหมายเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย
ฮอนด้าวินเทจขนาดกะทัดรัดเคลื่อนที่เข้าไปอย่างช้า ๆ ตามเส้นทางที่ทอดยาวไปจนจรดตีนเขา สองข้างทางขนาบด้วยต้นองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ หล่อนหอบหิ้วของกินมาฝากเขาจึงต้องประคองไปอย่างระมัดระวัง...หลังตัดขาดจากแพสชั่นไวเนอรี ธามไทก็ใช้เวลาทั้งหมดมาทุ่มเทกับที่นี่ หมกตัวอยู่ในไร่จนคนที่บ้านแทบไม่เห็นหน้า อาทิตย์หนึ่งจะโผล่หน้าไปที
บาดแผลเขายังไม่หายดี จากการที่ถูกคนกลุ่มหนึ่งรุมทำร้ายจนสาหัสปางตาย ต้องเป็นเสือซ่อนลายหลบมาเลียแผลในไร่กว้างใหญ่ คือสมบัติชิ้นเดียวที่เหลืออยู่...เขาเคยประกาศเอาไว้ จะสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ภายในระยะเวลาห้าปี
คนที่ทำกันเจ็บแสบมากที่สุดก็คือเอกภพจอมเจ้าเล่ห์ เป็นคนที่ทางบ้านหล่อนนับถือและไว้วางใจ สุดท้ายเขาก็เผยเขี้ยวเล็บที่ซ่อนเอาไว้ ทำร้ายคนที่รักเขาประหนึ่งอาแท้ ๆ ได้อย่างเลือดเย็น
ที่หน้าบ้านทรงโรงนาสีแดงสดใส นันท์ภัสสรดับเครื่องก่อนลงจากรถ ก่อนเดินเข้าไปในบ้าน ไม่ลืบหยิบขนมที่หัดทำด้วยตัวเองติดมือมาด้วย...หล่อนตั้งใจทำมาให้เขาโดยเฉพาะ อยากให้เขาลองชิมและมองหล่อนอย่างชื่นชมบ้าง ตลอดระยะเวลาห้าปีที่เริ่มเรียนรัก เขาไม่เคยเห็นหล่อนอยู่ในสายตา
ไม่น่าเชื่อว่าจะอดทนรักผู้ชายคนนึงมาได้นานถึงเพียงนี้ หล่อนต้องยอมรับในความอึด ถึก ทน ของตัวเอง
แต่บางเวลาก็แอบร้องไห้กับตัวเอง เมื่ออีกมุมช่างเหมือนคนโง่งม จมอยู่กับรักที่เป็นไปไม่ได้จนเหมือนปิดโอกาสตัวเอง ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไปเหมือนคนหายใจทิ้งไปวัน ๆ
"อื้อหืมมม..."
ส่ายหัวออกมาเมื่อไม่ทันมองจึงเดินสะดุดขวดที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น...มันไม่ได้มีแค่ขวดสองขวด เมื่อกวาดตามองไปข้างหน้าก็เจอแต่ขวดเบียร์ หากจะบอกว่าเขาซัดเบียร์ไปเป็นลังก็คงจะไม่เกินความจริงนัก
หญิงสาวเก็บกวาดด้วยการนำไปเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบในที่ ๆ ควรอยู่ ก่อนจะเดินมองหาเจ้าของไร่...จนกระทั่งไปเห็นเขานอนหมดสภาพอยู่หลังบ้านข้างก้อนกองฟางที่เรียงราย
ประหนึ่งที่บ้านทำไร่ข้าวบาเลย์ ขวดเบียร์จึงงอกมานอนแอ้งแม้งอยู่ข้างกองฟาง
"พี่เสือ! เมาอีกแล้ว"
หล่อนปรี่เข้าไปหาร่างนั้น มองใบหน้าคมคร้ามที่หนวดเคราเริ่มยาวรุงรัง คล้ายกับคนไม่ได้ดูแลตัวเองมานานหลายชาติ คนมองได้แต่ส่ายหัว เมื่อเขาไม่เหลือเค้าธามไทคนเดิมที่เคยรู้จัก ถามว่าหมดรักไหม หล่อนตอบได้อย่างไม่คิด ถึงอย่างไรก็รักเขาเหมือนเดิม
หมดสภาพนักเรียนนอกอิมพอร์ตจากลอนดอน เขากลายร่างเป็นหนุ่มชาวไร่เต็มขั้น คิดขณะนั่งลงข้าง ๆ แล้วเขย่าแรง ๆ เพื่อปลุกคนเมาให้รู้สึกตัว
เมาเหมือนหมา อยากจะตะโกนใส่หูเขาเหลือเกิน
"พี่เสือ มานอนอะไรตรงนี้คะ ลุกขึ้นไปนอนในบ้านเลยค่ะ"
เขาปัดป่ายคล้ายรำคาญ ส่ายหน้าไปมาก่อนปรือตามอง เห็นใบหน้าคุ้น ๆ ลอยเด่นคราวนี้เขาพอจำได้ หล่อนไม่ใช่ภัคภัสสร เพราะสีผมที่แตกต่างกัน
อีกแล้ว...หล่อนมาก่อกวนเขาอีกแล้ว คนเมาที่ยังพอมีสติชักสีหน้ารำคาญ คิ้วเข้มย่นจนแทบชิดติดกัน
“มาทำไมฮึ! งานการไม่ไปทำ"
เขาชอบไล่เสมอ เรียนจบแล้วก็ควรไปหางานทำ หากแต่หล่อนอยากเดินตามฝันด้วยการเปิดคาเฟ่ที่ไร่ของเขา และเมื่อเล่าความฝันให้เขาฟัง เขาก็หัวเราะเยาะอย่างไม่เห็นด้วย
เขาบอกมันไม่ง่ายอย่างที่คิด มันคือธุรกิจขายฝัน หากหล่อนมีเงินนอนในบัญชีเป็นร้อยล้านเขาจะส่งเสริมให้หล่อนทำ แต่เด็กจบใหม่อย่างหล่อนนั้นไม่เหมาะสักนิดกับการลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว
ทั้งที่ลงทุนไปเรียนการชงกาแฟ เรียนรู้เรื่องกาแฟ และเรียนเบเกอรี่ และหวังว่าวันนี้เขาจะไม่ขว้างขนมของหล่อนทิ้งจนไปนอนศพไม่สวยอยู่ข้างฝาบ้าน
"ลุกขึ้นมาค่ะ คันจะตายนอนไปได้ยังไง ทำตัวเป็นคนอนาถาไปได้"
"ให้ตายสิปลายฟ้า เธอมันน่ารำคาญจริง ๆ"
เมื่อถูกเซ้าซี้หนักจึงตัดความรำคาญด้วยการลุกขึ้น เพราะหล่อนเล่นดึงทึ้งเขาเสียจนนอนต่อไม่ได้
"โอ๊ะ! ระวังค่ะ"
เขาเซแถด ๆ เพราะลุกกะทันหันไม่ดูสภาพตัวเอง จนหล่อนต้องช่วยประคอง หากแต่ก็ยังทำเก่ง
"ไม่ต้อง! พี่เดินเองได้ ไม่ได้เมาสักนิด คนเมาอะไรพูดรู้เรื่องฮึ"
เขาปัดมือที่คล้องแขนของตนออก นันท์ภัสสรไม่อยากเถียงด้วย กลิ่นน้ำเมาคละคลุ้งไปทั่วแต่ก็ยังแถว่าไม่ได้เมา
มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินนำเข้าไปในบ้าน อาการเหมือนคนอกหัก ดื่มเหล้าประชดรัก...มันมาอีกแล้ว...ความคิดที่แสนบั่นทอนใจ
เขาคงจะช้ำหนักจึงซัดเบียร์อย่างไม่บันยะบันยัง หลังจากได้รู้ว่าภัคภัสสรตอบตกลงเอกภพเรื่องแต่งงาน มันคือความจริงที่หล่อนต้องยอมรับ...เขารักอีกคนที่ไม่ใช่เธอ
คือความเหมือนที่แตกต่าง นั่นทำให้คน ๆ หนึ่งเลือกจะรัก คำพูดของแทนไทแวบเข้ามาในหัวทันที
และหล่อนไม่อาจแทนที่พี่สาวได้ เขาไม่ซาบซึ้งถึงความรักที่หล่อนมีให้แม้สักนิด และที่เจ็บหนักนั่นก็คือ เขาเชื่อว่าหล่อนกับเขามีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน หากแต่ก็ทำเฉยประหนึ่งเซ็กส์ระหว่างเขากับหล่อนเป็นเรื่องธรรมดา
เหมือนการออกมาบอกว่าได้หล่อนเป็นเมีย มันจะทำให้เขาสูญเสียรักไปตลอดกาล ก็เลยจำต้องปกปิด และวันนี้เขากำลังจะสูญเสียรักนั้นไป เสียใจจนเสียผู้เสียคนอย่างที่เห็น
หล่อนถึงบอกว่าตัวเองถึกทน ถูกเขาทำร้าย ๆ ใส่ขนาดนี้ก็ยังให้อภัย หวังว่าสักวัน...เขาจะเห็นค่าในความรักของผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่รักอย่างมั่นคงมาเนิ่นนาน