Chapter​ 7 ซ้อนรัก...รักซ้อน(1)

2370 คำ
Chapter​ 7 ซ้อนรัก...รักซ้อน(1) วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว​ ใกล้ครบกำหนดวันลาของแทนไท​ อีกไม่กี่วันเขาก็ต้องกลับไปทำงานที่อเมริกา​ ตลอดเวลาที่้เขากลับมาเยี่ยมบิดานั้น​ อาการของท่านไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย ในยามบ่ายแก่​ ๆ​ ที่ความหนาวถูกบรรเทาด้วยแสงแดดอุ่น​ ระหว่างที่เขากำลังคุยงานกับซีอีโอผ่านโซเชียล​อยู่ที่มุมพักผ่อนในสวนร่มรื่น​ เวลาส่วนตัวของเขาถูกขัดจังหวะด้วยการมาของใครบางคน ชายหนุ่มเหลือบตามอง​ ก่อนจะทำเป็นไม่ใส่ใจ​ เพราะนั่นเป็นคนที่ความสัมพันธ์กับเขาไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่นัก "ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย" ธามไทเป็นฝ่ายทลายกำแพงเสียเอง​ จากที่ปั้นปึงกันมานับตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้น "ว่ามาสิ" หากแต่แทนไทก็ยังเอาแต่สนใจแม็คบุ๊คตรงหน้า​ จนอีกฝ่ายต้องยื่นมือมาก้าวก่าย​ ด้วยการปิดมันเสีย​ แลกมาด้วยการถอนหายใจยาวคล้ายเด็กถูกขัดใจ "นายก็รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์บริษัทเป็นเช่นไร" "อือฮึ" "คุณพ่อถูกปลดจากตำแหน่ง​อย่างไม่เป็นธรรม นายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ" คนฟังยักไหล่​ สื่อให้อีกฝ่ายเห็นว่านั่นไม่ใช่เรื่องของเขา "มันเป็นเรื่องธรรมดา​ ในเมื่อไร้ความสามารถที่จะบริหารต่อไปได้​ ก็ต้องมีคนใหม่เข้ามาแทน" "แต่นั่นพ่อนายนะ​ และมันคือบริษัทที่คุณพ่อสร้างมากับมือ​ ถ้าหากคนในบ้านรักษามันไว้ไม่ได้​ ฉันคิดว่ามันคือความน่าอดสูอย่างถึงที่สุด" "นั่นก็ขึ้นอยู่กับพี่แล้ว​ ใช้ความสามารถของตัวเองกอบกู้คืนมาสิ" "ตอนนี้ฉันกับคุณแม่ถูกบีบให้ไปดูในส่วนงานที่ถูกลดบทบาทลงไปมาก​ คงยากที่จะทำอะไรอาภพได้​ นอกเสียจากว่า...เรา...จะ...เอ่อ...ร่วมมือกัน" แทนไทแค่นหัวเราะ​ เมื่ออีกฝ่ายใช้คำว่าเรา​ นาทีนี้เขาไม่อยากแท็กทีมกับใครหน้าไหนทั้งสิ้น “คงไม่ได้หมายถึงผม" "ใช่​ ฉันมาขอร้องนายให้ลาออกจากงาน​ แล้วกลับมาช่วยกันกอบกู้บริษัท​ ฉันไม่เคยต้องขอร้องใคร​ ขอร้องล่ะ​ ถือว่าทำเพื่อคุณพ่อ​ เป็นการทำในสิ่งที่ดี​ ๆ​ แก่ท่าน​ ก่อนวาระสุดท้ายจะมาถึง" "เลิกพูดเถอะ​ ผมไม่อยากฟัง!" แทนไทลุกพรวดขึ้น​ ทำท่าหอบแม็คบุ๊คจะเดินหนีไปทั้งที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง​ ที่จริงเขาแสลงใจ​ ไม่อยากคิดด้วยซ้ำว่าบิดาจะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน ส่วนเขาก็ยังคงต้องเดินต่อไป​ ตราบใดที่ลมหายใจยังไม่หยุดนิ่ง "ฉันจะไม่พูดซ้ำ​ หากคิดว่าเลือกแล้ว​ก็ตามสบาย​ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่จิตสำนึก!" ธามไทตะโกนไล่หลังน้องชาย​ จับจ้องแผ่นหลังกว้างแสนหยิ่งผยองด้วยแววตากรุ่นโกรธ​ คุยกับแทนไททีไร ​ ต้องอาศัยความอดทนเป็นอย่างสูง อีกฝ่ายหยุดเดินแล้วหันกลับมา​ กระตุกยิ้มใส่หน้าคนที่ยืนนิ่งอยู่ในศาลาเรือนกะทัดรัด "ก่อนจะคิดเรื่องโค่นอาภพ​ เอาเรื่องที่จะเกิดขึ้นเร็ว​ ๆ​ นี้ดีกว่าไหม" "หมายถึงอะไร!" "เคยเห็นมดแดง​แฝงพวงมะม่วงมั้ย​ เฝ้ารอให้มะม่วงสุกงอมเพื่อหวังจะได้ลิ้มรส​ หากแต่ก็ต้องอด​ เพราะมีมือดีมาชิงเด็ดไปเสียก่อน" คนพูดหัวเราะอยู่ในลำคอเพื่อทิ้งท้าย​ ก่อนจะเดินปลีกตัวเข้าบ้าน​ ปล่อยให้ธามไทยืนงงอยู่ตรงที่เดิม น้องชายเขาหมายถึงใคร...และเกี่ยวอะไรกับเขาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา​ มันทำให้เขาอยากจะตามเข้าไปคาดคั้นเพื่อให้หายคาใจ​ หากแต่ศักดิ์ศรีที่ค้ำคอก็ทำให้เขาเลือกที่จะทำเป็นไม่ใส่ใจ​ แค่เดินมาง้อให้ลาออกจากงานก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว และสุดท้ายก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ลงเอยด้วยความไม่เข้าใจ บ้านเสวกุลยามสาย​ แสงแดดอ่อนอาบไล้เรือนยอดไม้เขียวอร่าม​ ภายในบ้านหลังใหญ่โดดเด่นที่มีฉากหลังเป็นทิวเขาทอดยาว​ ที่ชั้นล่างของตัวบ้าน​ คนสองคนกำลังมีท่าทีรีบร้อนที่จะออกจากบ้าน​ คล้ายกับกลัวว่าหากมัวชักช้าจะไม่ทันการ "พี่เสือ​ ฝน​ จะไปไหนกันเหรอ" เสียงที่ดังมาก่อนตัวรั้งสองขาของทั้งคู่ให้หยุดเดิน​ หันไปมองก็เห็นนันส์ภัสสรกำลังวิ่งลงบันไดมาจากชั้นบน แววตาสองคู่สบประสาน​ ต่างส่งยิ้มปร่าแปร่งไปให้คนที่สาวเท้าเข้ามาหยุดยืนใกล้​ ๆ​ แววตาของเจ้าหล่อนออกแนวน้อยเนื้อต่ำใจ นันท์ภัสสรมองสองคนสลับกันไปมา​ ดูการแต่งตัวก็รู้ คงไม่ชวนกันออกไปเดินเล่นรอบบ้านแน่​ หล่อนจึงพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่นเพราะรู้ในคำตอบ "จะรีบไปไหนกันคะ" "เอ่อ...ก็...ไปดูหนังไง ชวนแล้วไม่ไปเองไม่ใช่เหรอ" ภัคภัสสรออกหน้า​ แต่หล่อนพูดความจริง​ ก่อนหน้านั้นเคยชวนแล้วน้องสาวไม่ไป "ก็คิดว่าเราจะไปกันแค่สองคน​ ไม่นึกว่าพี่เสือจะไปด้วย" "เพราะฟ้าไม่ไป​ ฝนก็เลยชวนพี่เสือแทนน่ะ" นันท์ภัสสรนิ่งเงียบ​ หล่อนผิดเองที่เปิดทางให้คนสองคนได้ใกล้ชิดกัน​ แววตาคู่สวยเหลือบมองธามไท​ ยกยิ้มให้เขาอย่างรู้เท่าทัน​ นั่นคือโอกาสของเขาแล้ว​ เรื่องอะไรจะปฏิเสธ แววตาของน้องสาวทำให้ภัคภัสสรนึกสงสาร​ หล่อนยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา​ มันเฉียดฉิวอยู่มากทีเดียว "เอ่อ...จะเปลี่ยนใจไปด้วยกันมั้ยล่ะ" ยังไม่ทันจะตอบรับหรือปฏิเสธ​ เสียงดุ​ ๆ​ ก็ขัดขึ้น​ "ถ้ารอก็ไม่น่าจะทัน​ แล้วก็ซื้อตั๋วไปแล้วด้วย​ เลื่อนตั๋วไปดูรอบใหม่ไม่ได้ด้วยนะ" ดับฝันนันท์ภัสสร​ หล่อนขบกรามแน่นข่มความรู้สึกเมื่อถูกธามไทปิดทาง "หรือเราจะทิ้งตั๋ว​ เลื่อนไป..." ไม่ทันพูดจบ​ เขาก็ตัดบท​ "ไหนเธอบอกนัดเพื่อนไว้ไง​ ไม่ไปกับเพื่อนแล้วเหรอปลายฟ้า​ ฮึ!" ในมุมมองของธามไท​ เขาคิดว่านันท์ภัสสรกำลังทำตัวงี่เง่าด้วยการเรียกร้องความสนใจ​ และเขาไม่ชอบที่หล่อนตามติดทุกฝีก้าวขนาดนี้ เมื่อเขาออกตัวแรงขนาดนี้​ นันท์ภัสสรจึงหันไปยิ้มให้พี่สาว​ ทำทุกอย่างให้เป็นปกติ​ บอกตัวเองในใจ​ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิดเดียว "อ๋อ​ เอ้อ​ ใช่​ ๆ​ ลืมไปเลยว่านัดเพื่อนไว้​ ฝนไปกับพี่เสือเถอะ​ ดูหนังให้สนุกนะ" ใช้รอยยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึก​ แสดงออกให้ทั้งสองเห็นว่าหล่อนไม่ได้อยากไปด้วยแม้สักนิดเดียว​ ส่วนเรื่องนัดเพื่อนไว้นั้นก็คือคำโกหก​ ความจริงแล้วเพื่อนของหล่อนติดธุระด่วนกับทางบ้าน​ ก็เลยยกเลิกนัดกันไปเมื่อวันก่อน ไม่คิดด้วยซ้ำว่าการที่ตนปฏิเสธ​ ภัคภัสสรจะไปชวนธามไทให้ไปเป็นเพื่อนดูหนังแทนตน หล่อนมองตามหลังสองคนที่เดินเคียงคู่กันไปจนพ้นประตูบ้าน...ความเงียบงันมาเยือนเมื่ออยู่เพียงลำพัง​ และความเหงาก็เข้ามาแทนที่​ เป็นอีกครั้งที่ความเจ็บปวดแทรกลึกไปทุกอณูของความรู้สึก เมื่อเห็นแม่บ้านเดินผ่านมา​ หล่อนก็เดินตาแดง​ ๆ​ ร้อนผ่าวหลบไปทางข้างบ้าน​ ด้วยกลัวอีกฝ่ายจะถามไถ่แล้วเผลอร้องไห้ออกมา ศาลาริมน้ำที่หลังคาปกคลุมด้วยเถากระดังงา​ มันอยู่ไม่ไกล​ หากแต่หล่อนเดินยังไม่ทันถึงหยาดน้ำตาก็รินไหล​ สองขาก้าวเร็ว​ ๆ​ เข้าไปหลบอยู่ใต้ร่มหลังคา​ เพียงเท่านั้น​ หล่อนก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น มันเจ็บเหลือเกิน​ เมื่อไหร่ถึงจะหลุดพ้นจากความทรมาน​นี้เสียที​ หล่อนถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า...คงต้องหยุดรักเขา​ เสียงหนึ่งกระซิบแว่วแทรกสลับอารมณ์อาดูร คล้ายเสียงร่ำไห้จะแว่วเข้าไปในโสตประสาท​ หรืออาจเป็นเพราะเขาเดินผ่านมาพอดีเพื่อจับจองพื้นที่ปลีกวิเวก​ แทนไทจึงได้มาเห็นภาพที่ทำให้หัวใจแกร่งสั่นไหว จริงอยู่ที่เขาชิงชังหล่อน​ หากแต่เวลานี้นันท์ภัสสรช่างน่าสงสาร​ เขาเข้าใจดี​ ความเจ็บปวดจากรักนั้นร้ายกาจ​ มันอาจฆ่าคนให้ตายทั้งเป็น นี่เขากลายเป็นคนอ่อนไหวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน​ แทนไทเริ่มไม่เข้าใจตัวเอง "ต่อให้เธอร้องไห้จนน้ำตาท่วมโลก เขาก็ไม่รับรู้หรอก​ปลายฟ้า" “…..!” เสียงสะอื้นต้องเงียบลงเมื่อเสียงคุ้น​ ๆ​ ดังแทรก​ หล่อนหันไปมอง​ผ่านม่านน้ำตาที่พร่าเลือน​ เห็นแทนไทเดินตรงมาที่ศาลา​ การมาของเขาทำให้หล่อนรีบปาดน้ำตาทิ้งไปด้วยหลังมือ เขาเดินมาจ้องหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา นันท์ภัสสรไม่มีอารมณ์มาคิดถึงเรื่องอื่น​ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะตาม​มาหาเรื่องอะไรอีก "อื้อหืม...หันไปทางอื่นเลยนะพี่สิงห์" หล่อนโบกมือไปมาเพื่อไล่ควันบุหรี่ไฟฟ้าที่เขาพ่นใส่หน้า​ คล้ายจงใจจะแกล้งให้หล่อนหนีไปที่อื่น​ และเขาก็จะจับจองตรงนี้แทน หล่อนปรายตามองแท่งบุหรี่ในมือของเขา​ กำลังคิดว่าผู้ชายคนนี้ทำตัวผิดกฎหมาย​ น่าแจ้งเบาะแสไปทางหน่วยงานที่รับผิดชอบยิ่งนัก "ที่เมกาห้ามสูบแล้วไม่ใช่เหรอคะ​ แล้วก็เมืองไทยห้ามนำเข้าทำไมถึงพกมาได้" เขาทำตัวเป็นสิงห์อมควัน​ อัดควันบุหรี่เข้าปอดจนสุดลมหายใจ​ ก่อนปล่อยมันออกมาใส่หน้าหล่อนอีกครั้ง ควันจากน้ำยาฟุ้งกระจายล่องลอยไปในอากาศ​ แววตาคมกล้าหลุบมองวัตถุที่คีบอยู่ในมือ "ห้ามนำเข้า แต่ไม่ได้ห้ามครอบครอง​ ทำไมฉันจะหามาสูบไม่ได้ล่ะฮึ​" "ถ้ามีคนขาย​ ก็แสดงว่ายังมีการลักลอบนำเข้ามา" "ฉันจะไปรู้ด้วยเหรอ​ ก็เป็นแค่ผู้ซื้อ​เท่านั้น​ มันจะเข้าประเทศมาได้ยังไงฉันไม่รู้ด้วยหรอก" คล้ายจะแขวะเรื่องช่องโหว่ของกฎหมายในไทย​ หล่อนเกลียดรอยยิ้มของมนุษย์ผู้ชายตรงหน้า​ มันช่างกวนประสาทสิ้นดี "ขอให้ปอดพัง​ ถ้ายังไม่เลิ​ก​ ตายเพราะบุหรี่ไฟฟ้ากันมาเท่าไหร่แล้ว จนทั่วโลกเริ่มออกกฎหมายแบน​ ก็ยังจะไม่กลัว" หล่อนแช่งชักหักกระดูก​ เมื่อเขายังคงมาปล่อยควันแถว​ ๆ​ นี้จนคละคลุ้งไปหมด​ เหมือนควันท้ายรถสิบล้อที่คนขับเมายาบ้า ในขณะเดียวกันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเพิ่งจะเห็นเขาใช้มัน​ ระยะเวลาเป็นเดือน​ ๆ​ ที่เขาอยู่ที่นี่​ ไม่เคยเห็นมาก่อน​สักครั้ง หรือเขาจะใช้มันเฉพาะเวลาเครียด​ บางทีมันอาจช่วยบำบัด​ สร้างความสุขจนลืมสิ้นซึ่งความทุกข์​ หล่อนคิดไปเอง​ พลางหรี่ตามองไปยังบุหรี่ไฟฟ้าที่เขาคีบอยู่ในมือ ไวเท่าความคิด​ มือยื่นไปดึงออกมาจากมือของเขา​ ก่อนนำมาสูดแรง​ ๆ​ เข้าปอดทั้งที่ไม่เคยศึกษาการใช้มาก่อน​ ท่ามกลางความตกตะลึงของแทนไท "ทำบ้าอะไรน่ะ​ ของเล่นรึไง!" "แค่ก​ ๆ" แทนไทแย่งมันกลับมาจากมือนุ่ม​ หล่อนสำลักควันเพราะไม่เคยใช้มันมาก่อน และมันทำให้เขารู้สึกโกรธขึ้นมาทันที "ก็อยากลืมไงคะ...บางทีมันอาจช่วยได้" หล่อนพูดสลับไอเพราะยังไม่หยุดสำลัก​ จนเขาต้องช่วยลูบหลังให้ทั้งที่มันขัดกับตัวตน​ เกิดมาไม่เคยต้องมานั่งโอ๋ใคร​ แต่กลับพาตัวเอง​เข้ามายุ่งกับปัญหาส่วนตัวของคนที่ปากเขาพร่ำว่าเกลียดหล่อนแม้กระทั่งยามนอน และนั่นทำให้เขาต้องโยนบุหรี่ทิ้งไป​ มันจมหายไปกับสายน้ำ​ อาจจะนอนนิ่งอยู่ก้นสระตรงไหนสักแห่ง "พี่สิงห์!​ โยนทิ้งทำไมคะ" "เดี๋ยวเธอขโมยสูบ​ ทิ้งไปซะก็สิ้นเรื่อง" "ทีพี่สิงห์ยังสูบได้​ ห้ามคนอื่นแต่ตัวเองก็ทำตัวไม่เป็นตัวอย่างที่ดี" ปากหล่อนยังร้ายกาจเหมือนเดิม​ ตอกกลับจนเขาหน้าชา เถียงไม่ขึ้นเพราะดันมาสูบให้เด็กเห็น "แต่ไม่ไปยุ่งกับมันก็ดีอยู่แล้ว​ เธออยากติดมันรึไง​ มีผู้ชายสักกี่คนในโลกนี้ที่รับผู้หญิง​สิงห์อมควันได้น่ะ​ ฮึ!" น้ำเสียงเขาจริงจัง​ เมื่อนั้นความเงียบก็มาห่มคลุม และอยู่ดี​ ๆ ​หล่อนก็ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้อีกครั้ง​ แววตาแดง ​ๆ ​ทำให้แทนไทรีบเปลี่ยนสถานการณ์ "พรุ่งนี้ฉันก็จะบินกลับแล้ว​ ตั้งแต่กลับบ้านมาก็ไม่ได้ออกไปไหน​ พาฉันออกไปเที่ยวหน่อยสิ" หล่อนถึงกับมองหน้าเขาคล้ายไม่เชื่อหู​ คนอย่าง แทนไทมาทำญาติดีด้วยซ้ำยังชวนออกไปข้างนอก​ มันทำให้หล่อนคิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าต้องไปทำลายสมองของเขาแน่​ ๆ​ วันนี้เขาถึงมาแปลกที่ไม่หาเรื่องแกล้งกันเช่นเคย หรือนี่อาจเป็นร่างโคลนแทนไท​ เกิดผิดพลาดในขั้นตอนการโคลนนิ่ง​ ก็เลยได้คนที่นิสัยต่างกันสุดขั้วออกมา คราแรกจะปฏิเสธเพราะยังคงไม่ไว้ใจเขา​ แต่เมื่อใบหน้าของธามไทที่แวบเข้ามา​พอดี​ ก็ทำให้หล่อนรีบเปลี่ยนใจ "ก็ได้ค่ะ" มันเป็นการตัดสินใจที่บ้าสิ้นดี​ กับการออกไปกับคนที่ปากบอกทุกเช้าค่ำว่าเกลียดตน​ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขามีแผนอะไรอีก​ แต่ยามนี้หล่อนไม่คิดอะไรมากไปกว่าการได้ประชดใครบางคน​ อยากแสดงให้เขาเห็นว่า​ ในเมื่อเขาออกไปได้​ หล่อนก็มีสิทธิ์ที่จะไปกับใครก็ได้เช่นกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม