เงียบ ภายในห้องหรูก็มีแต่ความเงียบงัน ไม่มีคำพูดใด ๆ จากคนด้านข้างของฉันหลุดออกมาสักคำ
เฮ้อ! ทำไมมันถึงได้มีแต่ความอึดอัดแบบนี้นะ
“พี่ดิน หิวน้ำไหมคะ” สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะทำลายความเงียบถามออกไป
“...” คนตัวสูงก็เงียบ
“พี่ดิน...”
“อยู่เงียบ ๆ ฉันกำลังทำงานอยู่”
“...” ฉันก้มหน้าลงพยักหน้ารับรู้ทันที แต่ก็ไม่วายลอบมองใบหน้าหล่อที่เอาแต่จ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กตรงหน้าอยู่
“เป็นโรคจิตรึไง” เสียงทุ้มดังขึ้นทำเอาฉันสะดุ้งไปด้วยความตกใจ
“ค...คะ?”
“เธอ...” แล้วดวงตาคมก็หันมามองหน้าฉันนิ่ง
“...เป็นโรคจิตเหรอ”
“โรคจิต?”
“มองฉันอยู่ได้”
“อ่อ...” ก็ฉันชอบพี่ไงเลยอยากมอง...
พึ่บ พี่ดินก็หันกลับไปยังหน้าจอคอมเช่นเดิม ฉันเองก็เลยนั่งหงอยมองพื้นอย่างไม่รู้จะให้มองอะไร พอมองหน้าพี่เขามากไป พี่เขาก็หาว่าฉันเป็นโรคจิตอีก แต่อยู่ใกล้ขนาดนี้จะไม่ให้มองก็ไม่ได้ ก็ฉันแอบชอบเขานี่ จะอดใจไม่มองได้ยังไงกัน
“...” สุดท้ายฉันก็อดไม่ไหวค่อย ๆ เลื่อนสายตาหันไปเหลือบมองอีกคนที่นั่งหน้านิ่งพิมพ์อยู่ ฉันเอาแต่นั่งมองการกระทำของพี่ดินอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่ง...
“ตระ...ตรงนี้พี่พิมพ์ผิดรึเปล่าคะ” ฉันถามออกไปอย่างอดไม่ได้พร้อมกับชี้ไปยังหน้าจอคอม
“...” พี่ดินก็ชะงักไปหันไปมองตามที่ฉันบอก ซึ่งมันคือคำผิดแน่นอน ฉันมั่นใจ
แต๊ก! แต๊ก! คนตัวสูงจัดการแก้ไข
“รู้ไหม วีอะ สายตาดีมากเลยนะ...”
“...ให้วีช่วยตรวจคำผิดไหมคะ” ฉันยิ้มหันไปถามอีกคนด้วยใบหน้าเสนอตัวสุดขีด
“ไม่จำเป็น” เพล้ง! แต่ก็ต้องหน้าแตกกลับมากับคำตอบสุดเย็นชาของคนด้านข้าง
“แต่ถ้าผิดแม้แต่คำเดียวโดนตีกลับเลยไม่ใช่เหรอคะ”
“...” พี่ดินก็นิ่ง
“วีเก่งเรื่องตรวจอักษรมากเลยนะ เพราะทำรายงานคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก เป๊ะมาก ๆ” ฉันยังคงเสนอตัวไม่หยุด โอกาสมาถึงแล้วนี่
“ฉันไม่ต้องการ” พูดจบ พี่ดินก็นั่งพิมพ์งานต่ออย่างไม่สนใจ โดยฉันเองก็นั่งทำหน้าหงอยอยู่เช่นเดิม ทั้งที่เสนอตัวขนาดนี้แล้วแท้ ๆ
“เฮ้อ...อุ๊บ!” ฉันรีบเอามือปิดปากตัวเองทันทีหลังจากที่เผลอถอนหายใจออกมาอย่างดังจนใบหน้าเรียบนิ่งของอีกคนหันมามอง
“ข...ขอโทษค่ะ” ฉันเอ่ยบอกพร้อมกับส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปยังคนตัวสูง ซึ่งในตอนนั้นเอง...
ครืดดด ครืดดด เสียงโทรศัพท์ของพี่ดินดังขึ้น ทำให้เขาผละจากมองหน้าฉันไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดู
ติ้ด
“ครับ”
“ผมทำธีสิสอยู่ครับ”
“คุยแล้วครับ พ่อโอเค”
ถ้าเดาไม่ผิด พี่เขาน่าจะคุยกับแม่นะ
“ครับ”
“ผมยังไม่แน่ใจ”
“แม่ครับ”
“ครับ ผมรู้”
“ผมต้องดูก่อน”
“แม่ครับ”
“แม่”
“ผมไม่ได้ดุ” ฉันเผลอยิ้มออกมาหลังจากที่ได้ยินใบหน้าหล่อเอ่ยบอกปลายสายเสียงอ่อนลงกว่าปกติ ไม่รู้สิ มันแปลกสำหรับฉันมั้งเลยอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
ขวับ ตาคมหันมาจ้องหน้าฉันทำเอาฉันรีบหุบยิ้มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทันที
“ครับ รักครับ”
“รักแม่ครับ”
“ฮึ...” ฉันอดที่ยิ้มออกมาไม่ได้จริง ๆ กับคำพูดที่ได้ยิน อยากให้ลองมาอยู่ในเหตุการณ์จริง ๆมันเหมือนพี่ดินโดนแม่บังคับให้บอกรักอย่างไงอย่างงั้น ซึ่งเขาก็เหมือนต้องทำเพื่อไม่ให้แม่ตัวเองโกรธ
มัน...น่ารักจริง ๆ นะ
“แค่นี้ก่อนนะครับ”
“ครับ” แล้วพี่เขาก็กดวางสายไป ก่อนจะหันมามองหน้าฉัน
“ขำอะไร”
“คะ” ฉันตีหน้ามึนทำหน้างุนงง
“...” พี่ดินก็จ้องหน้าฉันนิ่ง
“วีไม่ได้ขำอะไรนี่คะ” ว่าแล้ว ฉันก็หันหน้าหนีไปอีกทางแต่ยังคงอมยิ้มอยู่
“...” คนด้านข้างฉันก็นิ่งไม่พูดหรือเอ่ยอะไรออกมา
ครืดดด ครืดดด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แต่ครั้งนี้เป็นของฉัน ไม่ใช่ของพี่ดิน
ติ้ด!
ฉันกดรับสายไปทันทีอย่างไม่ลังเล
(ยัยหนู สบายดีไหมลูก) ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าคือใคร ปลายสายก็คือ...พ่อฉันเอง
“วีสบายดีค่ะพ่อ แล้วพ่อกับแม่ล่ะคะ”
(สบายดีลูก แต่คิดถึงหนูมาก ๆ)
“วีก็คิดถึงพ่อกับแม่มาก ๆ เลยค่ะ” อดที่จะเสียงสั่นไม่ไหว ถึงแม้ว่าจะสองปีได้แล้วที่ฉันมาอยู่ที่กรุงเทพคนเดียว แต่มันก็ไม่ได้ง่ายเลยสำหรับฉัน บางทีก็อดที่จะคิดถึงที่บ้านไม่ได้
(แล้วเรียนเป็นยังไงบ้างลูก)
“ตอนนี้เริ่มหนักแล้วค่ะ แต่สบายมากกสำหรับวี”
(ฮ่า ๆ ๆ ยัยหนูของพ่อ เก่งจริง ๆ)
(ตาแก่ เอามาให้ฉันคุยกับลูกบ้างสิ) เสียงแม่ฉันแทรกขึ้น
(เอ้า ๆ แม่เขาจะคุยด้วยนะลูก)
“ค่าาา ~”
(วี เป็นไงบ้างลูก)
“สบายดีค่าา แม่ล่ะคะ”
(ดีลูก แต่เบื่อตาแก่ที่บ้าน)
“ฮ่า ๆ ๆ ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอคะ...” แล้วฉันก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกมาคุยโทรศัพท์ยังบริเวณห้องครัวเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนอีกคนที่กำลังนั่งทำงานอยู่ ซึ่งฉันก็ยืนคุยกับบ้านตัวเองไปอยู่สักพัก ก่อนที่พ่อกับแม่ฉันจะวางสายไปเพื่อทำอาหารเย็นกินกัน
พูดไป...ก็อดที่จะคิดถึงอาหารฝีมือของแม่ไม่ได้เลยจริง ๆ
“เฮ้อ...” อดทนนะวี อีกนิดเดียวฝันก็ใกล้เป็นจริงแล้ว
อีกสองปี...
“ฟู่ว” ฉันถอนหายใจออกมาเพื่อเรียกขวัญกำลังให้ตัวเองพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบน้ำแล้วก็พยายามเอื้อมมือแก้วน้ำที่ถูกวางอยู่ชั้นบน ซึ่ง...วางไว้สูงมาก
ฮืออออ ฉันเอื้อมสุดตัวแล้วนะ
พึ่บ! พึ่บ! ฉันพยายามตะเกียกตะกายสุดพลังเพื่อที่จะหยิบแก้วน้ำ แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ มันก็ไม่ถึงสักที
พึ่บ!
“...” แล้วฉันก็ต้องตาโตสุดขีดเมื่ออยู่ ๆ ก็มีมือหนาของใครบางคนเข้ามาเอื้อมหยิบแก้วนั้นให้ฉันโดยมีร่างของเขาช้อนอยู่ด้านหลังของฉัน เหมือนกับวันนั้น...
‘คุณ...’
‘...’
‘เอ่อ...ข...ขอบคุณนะคะ’
วันที่ฉันตกหลุมรักเขาไปอย่างไม่คิดเผื่อใจ...
“...” พี่ดินไม่พูดอะไรแต่เลือกที่จะหยิบแก้วมาวางลงด้านหลังฉัน ก่อนจะหันไปหยิบขวดน้ำขนาดพอดีจากตู้เย็นเดินกลับไปนั่งที่เดิม โดยมีสายตาของฉันมองตามแผ่นหลังพี่เขาไปด้วยความรู้สึกมากมาย
ตึกตัก ตึกตัก
ก็เพราะแบบนี้ไง...ฉันถึงตัดใจจากพี่เขาไม่ได้สักที แค่เขาทำอะไรแบบนี้...มันก็มีผลต่อความรู้สึกฉันไปหมดแล้ว
การตัดใจจากใครสักคน มันไม่ง่ายจริง ๆ ถ้าคนนั้นยังคงเป็นคนที่มีผลต่อความรู้สึกเราได้มากขนาดนี้
งั้นฉันขอ...สู้ต่อไปเรื่อย ๆ แบบนี้แล้วกัน...
“หอมมาก!” เสียงน้ำขิงเอ่ยออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนห้องฉัน ตอนนี้เราสองคนได้กลับมาจากห้องพี่ขุนแล้วน่ะ กลับมาได้สักพักแล้ว
“น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อนี้ดีจริง ๆ ฉันเองก็ชอบ”
“ดี ๆ เดี๋ยวขอถ่ายไปให้ที่บ้านดู กลิ่นหอมมากอะ” ว่าแล้ว น้ำขิงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ฉันใช้
“...” ฉันก็ยิ้ม เดินไปเก็บของอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ
“เอ่อวี”
“หื้ม?”
“วันนี้เป็นไง”
“ฮะ” ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเองด้วยสีหน้างุนงงไม่เข้าใจกับคำถาม
“เป็นไงบ้าง ได้อยู่กับพี่เขา...” อ่อ เรื่องนี้เองสินะ
“...มีอะไรคืบหน้าบ้างไหม”
“ไม่มี” ฉันก็ส่ายหน้าตอบกลับไป การได้อยู่กับพี่ดินวันนี้ สำหรับฉัน...มันไม่แย่เลยนะ แต่มันก็ยังไม่ได้ดีจนถึงขั้นพัฒนาอะไรมากขึ้นกว่าเดิม
“โห่! อะไรของเธอเนี่ย พวกฉันอุตส่าห์เปิดทางขนาดนี้แล้ว”
“เธอก็พอรู้จักพี่ดินดีนี่...เขาเข้าถึงยากจะตาย”
“มันก็ใช่ แต่แบบ...”
“...เธอก็อ่อยสิ ใช้จริตผู้หญิงที่มีซะบ้าง”
“...” ฉันก็นิ่ง
“ถ้าทำไม่เป็น เดี๋ยวฉันสอน”
“ไม่เอาดีกว่า” ฉันบอกออกไป
“ทำไมล่ะ”
“ไม่รู้สิ...”
“...ถ้าจะให้พี่ดินรู้สึกอะไรกับฉัน ฉันก็อยากให้มันมาจากตัวตนของฉัน ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น” ฉันบอกออกไปตามความคิดของตัวเอง ใครจะว่าฉันซื่อบื้อก็ได้นะ แต่ฉันไม่ชอบฝืนตัวเองขนาดนั้นเพื่อใคร
“เฮ้อ เอาเถอะ...”
“...ยังไงฉันก็จะคอยเป็นกามเทพเปิดทางให้เธอเอง” น้ำขิงพูดพร้อมกับทำนิ้วยิงลูกศรใส่ฉัน
“หึ” ฉันจึงอดที่จะหัวเราะออกมากับท่าทีของเพื่อนตัวเองไม่ได้
ก็ขอให้ลูกศรของเธอ ส่งผลให้ฉันได้ภายในวันหนึ่งแล้วกันนะ...