11 เจอคนที่ไม่ควรเจอ

1489 คำ
“เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ” ท่านอ๋องยิ้มไปจนถึงดวงตา จดจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหญิงสาวร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้า เฟิงหู่ที่แอบเห็นท่านอ๋องแปดยิ้มก็รู้สึกประหลาดใจ และสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นใครกันถึงทำให้เสือยิ้มยากเช่นเขายิ้มขึ้นมาได้ เหม่ยอิงได้แต่ตีปากตัวเองเบา ๆ ‘ข้าน่าจะมองให้ดีก่อน ดันมาเจอคนที่ไม่อยากเจอเสียได้ หากท่านอ๋องแปดเอาเรื่องนี้ไปฟ้องท่านพ่อขึ้นมา ชีวิตข้าคงอดได้ออกมาเที่ยวเล่นอีกเป็นแน่’ “ขะ ข้าแค่ทักคนผิด ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ” เหม่ยอิงพูดจบก็รีบก้าวขาจะวิ่งหนี แต่กลับไม่รู้เลยว่าร่างสูงเดินเข้ามาประชิดตัวที่ด้านหลัง ชายหนุ่มคว้าแขนดรุณีน้อยเอาไว้ได้เสียก่อนจึงทำให้ร่างบางเสียหลักจะหกล้ม ท่านอ๋องแปดจึงใช้แขนแกร่งโอบเอวบางเพื่อประคองช่วยหญิงสาวเอาไว้ได้ทัน “เป็นอันใดหรือไม่” ท่านอ๋องแปดก้มหน้าลงถามดรุณีน้อยในอ้อมกอด เสียงทุ้มฟังดูอบอุ่นนั้นทำคนโดนกอดหน้าแดงก่ำ หัวใจเจ้ากรรมกลับเต้นแรงขึ้นมาทันที ‘ตึกตัก ตึกตัก’ ท่านอ๋องแปดยกยิ้มพอใจเมื่อเห็นสีหน้าเขินอายของหญิงสาวคล้ายกับได้ยินเสียงกลองตีรัว ไม่รู้ว่าเป็นเสียงหัวใจของเขาหรือของหญิงในอ้อมกอดนี้กันแน่ เหม่ยอิงยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของร่างสูง นางทำอะไรไม่ถูก ไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะเลยเถิดมาเป็นเช่นนี้ ในใจหญิงสาวมัวแต่กังวลกลัวว่าจะถูกจับได้ สติสัมปชัญญะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่แล้วเหตุการณ์ก็กลับแย่ลงไปอีก เมื่อฉิงเจีย บ่าวรับใช้ที่พลัดหลงกันในงานเดินตรงเข้ามาทางนี้พร้อมกับเรียกนางเสียงดัง “คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู ท่านอยู่ที่ไหนกันเจ้าคะ” ฉิงเจียที่เดินมาที่ริมสระน้ำตะโกนตามหาคุณหนูรองไปทั่วบริเวณ เพราะถ้าหากตามหาคุณหนูไม่เจอแล้วเกิดท่านเสนาบดีรู้เข้า หัวของนางต้องหลุดออกจากบ่าเป็นแน่ เหม่ยอิงรีบใช้ร่างสูงของท่านอ๋องเป็นเกราะกำบัง โดยใช้สองมือขยุ้มที่อกเสื้อของท่านอ๋องแปดและดันร่างสูงให้หันหลัง ในขณะที่ฉิงเจียเดินเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มจดจ้องมองการกระทำนั้นของหญิงสาวด้วยแววตากรุ้มกริ่ม ‘นางต้องเป็นคุณหนูเซี่ยไม่ผิดแน่ แต่นางแอบออกจากจวนเสนาบดีมาตามลำพังเช่นนี้น่าจับตีก้นอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ตัวหรืออย่างไรว่าตนเองโฉมสะคราญปานล่มแคว้นเช่นนี้ แถมยังกล้าเอาตัวมาใกล้ชิดบุรุษโดยไม่ระวังตัวเช่นนี้อีก ถึงแม้ตอนแรกจะเป็นข้าที่เอาตัวไปใกล้ชิดนางก่อน แต่นั่นถือว่าไม่นับ’ ท่านอ๋องแปดคิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว และเขายังคิดต่อไปอีกว่าถ้าหากชายหนุ่มคนนั้นไม่ใช่เขาแต่เป็นคนอื่น แค่เพียงคิดก็ทำให้ร่างสูงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย กลิ่นกายหอมหวานของหญิงสาวแตะเข้าโสตประสาททำชายหนุ่มร้อนรุ่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อฉิงเจียเดินไปอีกทางแล้ว เหม่ยอิงจึงรีบผละตัวออกจากชายหนุ่มแล้วรีบก้มหน้าพูดเอ่ยลาทันที “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อน” เหม่ยอิงพูดจบก็รีบสาวเท้าเดินตามฉิงเจียไปทันที เมื่อคุณหนูใหญ่จากไปแล้ว เฟิงหู่ที่ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดก็เอ่ยขึ้น “ท่านอ๋อง นั่นคุณหนูเซี่ยใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เฟิงหู่ถามจบก็ก้มลงมองที่พื้น เห็นโคมสีขาวธรรมดายังไม่ถูกปล่อยจึงหยิบขึ้นมาดู เหวินอี้ยืนมองร่างบางที่สวมชุดสาวรับใช้สีฟ้าอ่อนที่มองอย่างไรก็น่าเอ็นดูไม่น้อย แต่ยังไม่ทันจะลับสายตา เขาก็เห็นชายฉกรรจ์สามคนเดินสะกดรอยตามคุณหนูใหญ่ไป ท่านอ๋องแปดไม่รอช้า รีบวิ่งตามเหม่ยอิงไปทันที เหม่ยอิงเดินมาตามทางที่ฉิงเจียเดินมาตอนแรกแต่กลับไม่พบเสียแล้ว บรรยากาศตอนนี้น่าจะเข้าสู่ยามห้ายแล้ว ระหว่างทางเดินกลับจวนเสนาบดีเริ่มมืดขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด บ้านช่องตามข้างทางก็ดับไฟจนสนิทเกือบทุกเรือนยิ่งทำให้แม้แต่ทางเดินก็แทบจะมองไม่เห็น ความเงียบและวังเวงเริ่มเข้ามาแทนที่ เหม่ยอิงรู้สึกหนาวหลังต้นคอจนขนลุกชัน สิ่งที่นางมองไม่เห็นว่าน่ากลัวแล้ว แต่คนที่แอบเดินตามมาที่ด้านหลังให้ความรู้สึกที่น่ากลัวยิ่งกว่า ‘ข้าจะทำอย่างไรดี อาวุธก็ไม่มี และถึงจะร้องให้คนช่วยก็ดูจะไม่เข้าท่า แล้วถ้าออกวิ่งไปเสียตอนนี้ล่ะ’ เหม่ยอิงคิดได้ดังนั้นก็กำลังจะออกตัววิ่ง แต่กลับถูกฉุดโดยมือปริศนาเสียก่อน ยังไม่ทันจะร้องตะโกนกลับถูกมือหยาบกร้านยกขึ้นมาปิดปาก หญิงสาวดิ้นทุรนทุรายหาทางขัดขืนแต่ก็สู้แรงคนตัวโตกว่าไม่ไหว เหม่ยอิงถูกโยนลงกับพื้น ทั้งร่างเจ็บปวดไปหมด แต่แสงสว่างที่สาดส่องมาทำให้หญิงสาวมองเห็นร่างของคนคนหนึ่งดูคุ้นตายิ่งนัก “ฉิงเจีย” เหม่ยอิงเรียกชื่อสาวรับใช้ด้วยความตกใจ ร่างของคนตัวเล็กนอนสลบมีเลือดไหลที่บริเวณศีรษะ ในขณะที่ท้องฟ้ามืดมิดแต่กลับมีลมกระโชกแรงคล้ายพายุกำลังจะมา ชายหนุ่มฉกรรจ์ยืนประจันหน้าถือไม้หน้าสามกำลังเตรียมจะฟาดมาที่หญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย เหม่ยอิงตกใจจนใบหน้าซีดขาว ‘คนพวกนี้เป็นใครกัน แต่ทำไมหน้าตากลับคุ้นตาคล้ายคนจากจวนเสนาบดี’ ก่อนที่ร่างบางจะหมดสติก็มองเห็นชายหนุ่มร่างสูงมีแววตาที่นางแสนคุ้นเคยมองสบตามา แล้วสติของเหม่ยอิงก็ดับวูบลงไป เช้าวันต่อมาที่จวนเสนาบดี ทุกคนกำลังวุ่นวายกันไปหมดเมื่อฮูหยินรองรู้ว่าเหม่ยอิงหายตัวไปพร้อมสาวรับใช้ข้างกาย และตอนนี้ก็ยังหาตัวไม่พบ ท่านเสนาบดีโมโหเป็นอย่างมากที่เหม่ยอิงและฉิงเจียแอบหนีไปเที่ยวงานปล่อยโคมประจำปีจึงส่งคนออกตามหา แต่หาเท่าไรก็หาไม่พบ ขณะเดียวกันที่จวนอ๋องแปด เฟิงหู่รีบเข้ามารายงานข่าวบ้านตระกูลเซี่ยให้ท่านอ๋องทราบ หลังจากที่เมื่อคืนท่านอ๋องแปดตามไปช่วยคุณหนูใหญ่ไว้ได้ทัน และพานางพร้อมกับสาวใช้ข้างกายกลับมาที่จวนอ๋องด้วย “เรียนท่านอ๋อง ท่านเสนาบดีทราบข่าวที่คุณหนูเซี่ยหายตัวไปจากจวนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เฟิงหู่รายงานท่านอ๋องที่ประทับอยู่ตำหนักใหญ่ เหวินอี้กำลังนั่งจิบชาร้อนอยู่ เขาวางถ้วยชาบนโต๊ะ มีท่าทีไม่ยินดียินร้ายกับคำรายงานนั้นขององครักษ์หนุ่ม สีหน้าเขาเรียบเฉยคล้ายไม่คิดสิ่งใด แต่ก็เอ่ยปากถามองครักษ์คู่ใจถึงอาการของหญิงสาว “แล้วตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง” เฟิงหู่ลอบดูปฏิกิริยาของผู้เป็นนาย เหตุใดถึงถามอาการของคุณหนูเซี่ยก่อนที่จะถามเรื่องท่านเสนาบดี ความใส่ใจนี้มิอาจมองข้ามได้ “ว่าอย่างไร” จางเหยียนเหว่ยหรือท่านอ๋องแปดเร่งถามซ้ำ ใจชายหนุ่มร้อนรนคล้ายไม่เป็นปกติ แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่เขาเร่งติดตามเหล่าชายฉกรรจ์สามคนนั้นไป พวกมันแยกกันลงมือ คนหนึ่งใช้ไม้ตีศีรษะสาวรับใช้นามว่าฉิงเจียจนสลบนอนนิ่งแล้วลากเข้าซ่อนไว้ที่ตอกอับร้างที่หนึ่งใกล้ทางกลับจวนเสนาบดี และพอคุณหนูใหญ่เดินผ่านมา ดูเหมือนว่านางจะรู้ตัว แต่ก็ถูกพวกมันจับตัวได้ก่อนแล้วลากไปไว้ที่เดียวกัน ตอนที่เขาไปเจอก็ทันการณ์พอดี พวกมันทั้งสามกำลังจะรุมทุบตีนาง หากว่าเขาตามไปเจอไม่ทัน ไม่รู้ว่านางจะเป็นอย่างไรบ้าง เพียงแค่นัยน์ตาหงส์คู่นั้นจ้องมองมา แววตานั้นส่งผ่านความหวาดกลัวคล้ายขอร้องให้ช่วยเหลือ แล้วจะให้บุรุษองอาจมีร่างกายแข็งแกร่งเช่นเขาทนอยู่เฉยได้เช่นไร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม