Episode 8.
ตอน ดูแลเองแบบเถื่อน ๆ
ภายในห้องเงียบสนิท ไม่มีเสียงพูดคุย มีเพียงเสียงของกระดาษและแฟ้มเอกสารที่เปิดไปมา
ฉันนอนไม่หลับ เลยได้แต่พลิกตัวไปพลิกตัวมาอย่างน่าเบื่อมาก ๆ ที่วัน ๆ อยู่ได้เพียงแต่ในห้องเท่านั้น ฉันต้องนอนอยู่บนเตียงจนปวดหลังไปหมด ฉันจะต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงหรือเปล่านะ
ฉันจึงก้าวลงจากเตียง ไปเกาะเสาน้ำเกลือ
"นั่นจะทำอะไร เธอยังไม่หายดีเลยนะ จะลุกขึ้นมาทำไม?" รามสูรวางแฟ้มลง แล้วส่งสายตาอาฆาตมาที่ฉัน
"เรื่องของฉัน" ฉันลากเสาน้ำเกลือเดินไปยังห้องน้ำ
นอนตั้งนานแถมยังดื่มน้ำไปหลายลิตร ปวดฉี่สิโว้ย!!!
แต่รามสูรเข้ามาดึงถุงน้ำเกลือออกจากเสาให้ และเดินตามฉันไปถึงห้องน้ำ
"ฉันทำเองได้ ไม่ต้องมาช่วย" ฉันหันไปจะดึงถุงน้ำเกลือจากเขา
"ยกให้มันสูง ๆ หน่อย น้ำเกลือจะได้ไหลเข้าตามสายที่เจาะง่าย ๆ" รามสูรยอมส่งถุงน้ำเกลือให้ฉันแต่โดยดี หลังจากนั้นฉันก็ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ แต่เปิดประตูมา ก็ยังเจอเขายืนรออยู่ที่หน้าห้องน้ำ
"นายมายืนทำอะไรตรงนี้อีกละ" ไอ้ซาตานโหดยืนหน้านิ่งอยู่หน้าประตู
"ยังแสบอยู่ไหม?" เขายืนกอดอกพิงประตูถามฉัน
"ห๊ะ แสบอะไร??" ฉันงงในคำถาม
"ก็เวลาฉี่ ยังแสบอยู่ไหม หมอบอกให้เฝ้าดูอาการไง"
"มันไม่ใช่เรื่องของนาย และไม่ต้องมาทำเหมือนแคร์หรอก เพราะไม่ว่าฉันจะเจ็บ ปวดแค่ไหน แต่ถ้านายอยาก นายก็ไม่ได้สนใจฉันอยู่แล้ว ฉันมันก็แค่เครื่องระบายอารมณ์ต่ำ ๆ ของนายไง" ฉันตอบไปอย่างไร้อารมณ์
"..." รามสูรไม่ตอบอะไรกลับมา เขาดึงน้ำเกลือจากมือของฉันไปถือเอาไว้
หลังจากกลับมานั่งที่เตียง ฉันก็ยังคงนอนไม่หลับ มันเบื่อ เบื่อมาก ๆ ในขณะที่เขายังคงทำงานต่อไป...
"นอนไม่หลับเหรอ?" เขาถามเสียงเรียบ
"เออ ฉันเบื่อ "ฉันตอบปัด ๆ ไป
รามสูรกดเปิดทีวีในห้องนอน ทีวีจอใหญ่ยักษ์และเขาก็เดินกลับมาที่เตียง
"จะทำอะไร" ฉันร้องเสียงหลง เมื่อรามสูรเดินตรงเข้ามาที่เตียง
"ก็นอนดูหนังเป็นเพื่อนเธอไง" ร่างใหญ่ทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ
"ไม่ต้อง" ฉันขยับตัวหนีในทันที
เขาก็ได้แต่เหล่มองไม่ว่าอะไร...
"เธอชอบดูหนัง แนวไหนล่ะ" เขาถามขึ้นขณะที่กำลังกดรีโมต เลือกหาหนังไปพลาง ๆ
"ฉันชอบดูหนังของดิสนีย์นะ พวกการ์ตูนเจ้าหญิง นายจะเปิดให้ฉันไหมล่ะ" ฉันแกล้งถามตอกหน้าเขาไป มาเฟียสุดโหดนะเหรอ จะมายอมดูการ์ตูนดิสนีย์
บนโลกนี้คงจะมีคามินคนเดียวแหละ ที่ยอมดูหนังติงต๊องนี้ไปกับฉัน
"บอกชื่อเรื่องมาดิ ฉันจะได้พิมพ์ถูก"
"Beauty and the beast"
>>>โฉมงามกับเจ้าชาย อสูร
รามสูรก้มหน้าก้มตาพิมพ์ตามที่ฉันบอก ก่อนจะกดเข้าไปดูหนังเรื่องนี้
ไม่น่าเชื่อว่ารามสูรจะตั้งใจดูหนังกว่าฉันซะอีก
"ไม่ดูหนังเหรอ มองแต่หน้าฉัน " รามสูรถามขณะที่เขาเองกำลังตั้งใจดูหนังที่ฉันเลือก
"อยากมองตายแหละ แค่สงสัย ว่ามาเฟียโหด ๆ อย่างนาย ทำไมถึงยอมดูหนังแบบนี้"
"เกิดมาก็เพิ่งเคยดูเนี่ยแหละ ปัญญาอ่อนจริง ๆ เธอชอบไปได้ไง" เขาตอบเสียงเรียบ ตามสไตล์
"...."
เราเงียบตั้งใจดูหนังกันไปสักพัก
"นางเอกจะรักอสูรได้จริง ๆ เหรอ?" จู่ ๆ รามสูรก็ถามขึ้นด้วยเสียงที่เบา
"นายว่าไงนะ?" พูดซะเบา เสียงลำโพงดังจะตาย
"ไม่มีไร"
".......
ตามันหนักขึ้นทุกที ฉันไม่รู้เลยว่าตัวเองหลับไปตอนไหน รู้อีกทีก็ฝันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
หลังจากตื่นนอน ตอนนี้น้ำเกลือที่ให้ ถูกถอดออกแล้ว ฉันจึงลุกไปอาบน้ำทันที ปล่อยโทรมมาหลายวันแล้ว
ส่วนไอ้อสูรร้ายเมื่อคืนนั้น คงออกไปไหนแต่เช้า ตื่นมาก็เจอกับเตียงที่ว่างเปล่า ซึ่งมันดีมาก ๆ
หลังจากที่ฉันอาบน้ำสระผมเสร็จ ฉันก็อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำของรามสูร ของใช้ต่าง ๆ ฉันไม่ขออนุญาตเลยสักนิด ถือวิสาสะใช้มันให้หมด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"คุณพิม ตื่นหรือยังคะ?"
"ตื่นแล้วค่ะ ป้านวล"
ป้านวลเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่และเครื่องใช้ของผู้หญิง ฉันจึงตรงเข้าไปช่วยป้านวลถือของที่พะรุงพะรังจนดูแทบไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร
"โห…ป้านวลซื้ออะไรมาเยอะแยะขนาดนี้คะ" ไดร์เป่าผม เครื่องสำอาง ยกทรงยี่ห้อดี ๆทั้งนั้นเลย
"ไม่ใช่ป้าหรอกจ้ะ คุณรามเธอโทรสั่งเลขาให้เตรียมหามาให้ตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ"
"ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร" ฉันพูดขึ้นลอย ๆ
"มา ๆ เดี๋ยวป้าช่วยแต่งตัวแล้วลงไปกินข้าวจะได้ทานยานะคะ" ป้านวลพูดพลางเช็ดผมให้ฉัน
"นี่พิมออกจากห้องขังนี้ได้แล้วเหรอคะ" ฉันถามป้านวลอย่างตกใจ
"ใช่จ้ะ คุณรามรอรับประทานอาหารกับคุณพิมอยู่ที่ห้องอาหารนะคะ"
"พิมว่าเจ้านายป้าน่าจะไปพบจิตแพทย์บ้างนะคะ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย "
รามสูรนั่งจิบกาแฟไป อ่านหนังสือพิมพ์ไปอยู่ที่โต๊ะอาหาร โดยมีแสนดีกับคุนหมิง ยืนอยู่ใกล้ ๆ
ฉันแอบโบกมือทักทายแสนดี ทั้งบ้านนี่ฉันรู้จักแค่แสนดีกับป้านวล คุนหมิงก็เจอบ้างแต่เขาพูดไทยไม่ค่อยชัด แต่ชื่อเขาเท่ดีนะ คุนหมิง ชื่อเมืองของประเทศจีนซะด้วย
เคร้ง!
เสียงกระแทกแก้วกาแฟกับโต๊ะดังขึ้น
"พวกมึงไปทำงานไป" เขาหันไปบอกแสนดีกับคุนหมิง
"ครับนาย" ทั้งสองคนตอบ ก่อนจะเดินออกไป
ฉันได้แต่มองตามแสนดีไป ทั้งโต๊ะมีแค่เราสองคนเนี่ยนะ
"จะยืนโง่ ๆ อีกนานไหม นั่งสิ ฉันหิวข้าว"
"แล้วทำไมนายไม่กินไปล่ะ" ฉันพูดใส่หน้าเขา
"ก็นั่งรอเธอนี่ไง ฉันไม่ชอบกินข้าวคนเดียว" เขาพูดพลางตักอาหารใส่จานตัวเอง
"ลูกน้องเต็มบ้าน นายไม่ชวนมานั่งกินล่ะ" ฉันพูดไปเคี้ยวข้าวไป
"ฉันกินข้าวกับคนในครอบครัวเท่านั้น" เขากินข้าวไป เลยเหมือนพูดออกมาไม่ทันคิด
"แต่ฉันไม่ใช่ครอบครัวของนายสักหน่อย"
รามสูรเงยหน้ามองฉันอีกครั้ง
" ใช่ เธอมันก็แค่เมียเก็บไง รีบ ๆ กินไป พูดมากอยู่ได้"
"หึ เมียเก็บงั้นเหรอ"
หลังจากกินข้าวเสร็จ รามสูรก็บังคับให้ฉันกินยาอีกตามเคย
"ป้านวล วันนี้ผมอาจจะกลับดึก ยังไงบังคับให้ยัยนี่กินข้าวกินยาให้เรียบร้อยล่ะ" รามสูรหันไปพูดกับป้านวล "ส่วนเธอ ถ้าในห้องมันอุดอู้ จะออกมาเดินเล่นข้างนอก ก็แล้วแต่ เพราะยังไงเธอก็หนีออกไปจากบ้านหลังนี้ไม่ได้อยู่ดี" พูดจบเขาก็เดินออกไป พร้อมลูกน้องทั้งสองคน
ป้านวลก็หายไปทำงานเกือบทั้งวัน ส่วนฉันเดินเล่นอยู่ในสวนคนเดียว คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
"อ้าวป้านวล นั่นจะยกถาดอาหารไปให้ใครเหรอคะ” ฉันตะโกนถามป้านวลที่กำลังไปทางคฤหาสน์
"อ้อ นี่อาหารกลางวันสำหรับคุณพยาบาลของคุณลักษณ์น่ะค่ะ" ป้านวลตอบด้วยสีหน้าอิดโรย
"มา ๆ เดี๋ยวพิมช่วย" ฉันเดินตรงไปช่วยป้านวลถือถาดทันที
"ไม่เอาสิคะคุณพิม ป้าไหว ๆ" ป้านวลยังคงดื้อไม่ยอมให้ฉันช่วย
"ป้านวลนั่นแหละปล่อยเลย พิมจะช่วยเอง ทำไมบ้านนี้เขาถึงใช้แรงงาน ป้าหนักขนาดนี้นะ” ฉันชักสีหน้าไม่พอใจ
"ไม่ใช่นะคุณพิม พอดีคนรับใช้สองคน ลาหยุดพร้อม ๆ กัน คนหนึ่งป่วยอีกคนลากิจ คนเลยขาดไปบ้างน่ะจ้ะ"
"พิมรู้ทางไปค่ะ ป้าไปพักเถอะนะ"
"จะดีเหรอคะคุณพิม" ป้านวลทำสีหน้าลำบากใจ
"ถ้าป้าไม่พัก พิมโกรธป้าจริง ๆ นะ" ฉันทำหน้าจริงจัง
ก๊อก ก๊อก
ฉันเคาะประตูห้องของลักษณ์น้องชายรามสูรก่อนจะเปิดมันออก
"เอาอาหารมาส่งค่ะ"
พยาบาลสาวอายุน่าจะราว ๆ สามสิบกลาง ๆ ที่กำลังเช็ดตัวของลักษณ์หันมายิ้มให้ฉัน
"วันนี้แฟนคุณรามมาเสิร์ฟเองเลยเหรอคะ" พี่พยาบาลเอ่ยขึ้นเสียงนุ่ม ๆ
"พิมไม่ใช่.." ฉันยังไม่ทันจะพูดจบ
"วางบนโต๊ะเลยก็ได้จ้ะ" หลังจากเธอเช็ดตัวให้ลักษณ์เสร็จ เธอก็เดินมาที่โต๊ะ
"พี่ชื่อพี่มุกนะคะ เป็นพยาบาลส่วนตัวของคุณลักษณ์" เธอยืนแนะนำตัวกับฉัน
"สวัสดีค่ะพี่มุก หนูชื่อพิมนะคะ" ฉันแนะนำตัวกลับเพื่อไม่ให้เสียมารยาท
หลังจากนั้นพี่มุกก็นั่งลงทานอาหารกลางวัน
"คุณพิมทานด้วยกันสิคะ" เธอคงเชิญตามมารยาท
"ไม่มีดีกว่าค่ะ กลัวพี่มุกจะไม่อิ่ม” ฉันคลี่ยิ้ม
เนื่องจากเราคงอายุไม่ห่างกันมาก เหมือนพี่สาวกับน้องสาว เราจึงคุยกันอย่างออกรส ทำให้ฉันพอจะคลายเหงาได้บ้าง
"พี่มุกมีอะไรให้พิมช่วยไหมคะ พิมอยู่บ้านเบื่อ ๆ เหงา ๆ" ฉันพูดไปอย่างอ้อน ๆ นี่ฉันนั่งคุยกับพี่มุกมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
"ใครจะไปกล้าใช้คุณพิมล่ะค่ะ เดี๋ยวคุณรามโกรธพี่ตายเลย" พี่มุกพูดยิ้ม ๆ "อ่อ พี่คิดออกอย่างหนึ่งค่ะ คุณพิมลองไปเล่าเรื่อง หรือพูดคุยอะไรก็ได้สนุก ๆ ให้คุณลักษณ์เธอฟังสิคะ พี่นะหาเรื่องมาเล่าจนไม่มีอะไรจะเล่าแล้วค่ะ" เธอพูดพลางมองไปที่ลักษณ์
"พูดคุยกับลักษณ์เหรอคะ แต่ลักษณ์เขาเป็นเจ้าชายหนิทรานี่คะ เขาจะรับรู้ได้ยังไง?" ฉันงงกับสิ่งที่พี่มุกให้ฉันทำ
"คุณลักษณ์เป็นเจ้าชายหนิทราก็จริงค่ะ แต่การที่เราพูดคุย เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้แกฟังบ่อย ๆ บางทีเสียงของเราอาจจะช่วยกระตุ้นแกให้อยากตื่น ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนะคะ คุณพิมรู้ไหม กำลังใจจากคนรอบข้างก็สำคัญสำหรับผู้ป่วยนะ" พี่มุกเอื้อมมือมาจับมือของฉัน
ฉันเดินไปหาลักษณ์ที่เตียงและดึงเก้าอี้มานั่งลงข้าง ๆ
"ลองดูสิคะ" พี่มุกพูดและแตะไหล่ของฉัน
"สวัสดี ลักษณ์" ฉันเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล
"..." ลักษณ์ยังคงนอนนิ่ง ไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ
"พูดต่อเลยค่ะ คุณพิม" พี่มุกยังคงส่งเสียงเชียร์
"เอ่อ…ค่ะ เราชื่อพิมนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ" ฉันยิ้มหวาน และพูดกับลักษณ์
"...."
"งั้นน้องพิม อยู่กับคุณลักษณ์ไปก่อนนะคะ พี่จะเอาถาดข้าวไปเก็บก่อน ป้านวลยังไม่มาเก็บสักที สงสัยงานแกคงเยอะ"
"ได้ค่ะ เดี๋ยวพิมดูลักษณ์ให้เอง" ฉันรับปากพี่พิมไป
ในห้อง มีเพียงฉันและลักษณ์ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
ฉันเคยเห็นลักษณ์แค่ผ่าน ๆ ในสนามแข่ง แต่ตอนนั้นฉันไม่เคยรู้เลยว่าเขาชื่ออะไร เราไม่เคยพูดกันเลยสักครั้ง เราอายุเท่ากันเพราะลักษณ์ก็รุ่นเดียวกับพวกสามภพ คามิน
"นี่ลักษณ์ ทำไมไม่ตื่นขึ้นมาสักทีล่ะ พี่ชายอสูรของนายเขารอนายอยู่นะ หลับนานเกินไปแล้วนะ" ฉันพูดแกมประชด "อื้ม .. ฉันจะเล่าเรื่องอะไรให้นายฟังดีน้าาา"
"...."
"เรื่องนี้ดีกว่า เกี่ยวก้อยสัญญา เคยฟังไหม" คามินเคยเล่าให้ฉันฟัง ฉันจะลองเล่าให้ลักษณ์ฟังดูบ้าง
ฉันเคยสงสัยนะว่าทำไมเราต้องเลือกใช้นิ้วก้อยในการให้คำสัญญากันด้วย จนมีใครบางคน เล่าที่มาให้ฉันฟังว่า…
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าหญิงแสนสวยคนหนึ่ง เธอเพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้จึงมีเจ้าชายมากมาย อยากจะอภิเษกสมรสกับเธอ พระราชาจึงประกาศหาคู่อภิเษกให้เจ้าหญิง มีเจ้าชายจากเมืองต่าง ๆ มาถึงห้าพระองค์
เจ้าหญิงจึงคิดวิธีเลือกเจ้าชายขึ้นมา โดยซ่อนมือขวาไว้ด้านหลัง แล้วให้เจ้าชายทุกคนชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วให้ตรงกับเจ้าหญิง แล้วเธอจะยอมอภิเษกด้วย
เจ้าชายคนแรกชูนิ้วโป้ง
คนที่สองชูนิ้วชี้
คนที่สามชูนิ้วกลาง
คนที่สี่ชูนิ้วนาง
และคนที่ห้าชูนิ้วก้อย ซึ่งตรงกับเจ้าหญิงพอดี เธอจึงยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวกัน
แต่แล้วก่อนงานอภิเษกสมรสจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า ก็เกิดสงครามครั้งใหญ่ เจ้าชายต้องออกไปร่วมรบด้วย เขาจึงเกี่ยวก้อยและสัญญากับเจ้าหญิงว่าจะกลับมาหาเธอ
เจ้าหญิงเชื่อมั่นในคำสัญญานั้นเสมอ เธอไม่ยอมอภิเษกกับชายอื่นถ้าไม่ใช่ เจ้าชายนิ้วก้อย
เมื่อสงครามจบลง เจ้าหญิงก็ยังรอต่อไปโดยที่เจ้าชายยังไม่กลับมา…
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เจ้าชายก็ยังไม่กลับมา แต่ความงดงามของเจ้าหญิงยังไม่เสื่อมคลาย จึงมีบรรดาเจ้าชายจากเมืองอื่นมาขออภิเษก เรื่อย ๆ
จนในที่สุด เธอจำต้องยอมอภิเษกอีกครั้ง แต่เธอมีเงื่อนไขว่า จะยอมอภิเษกด้วยกับคนที่มีนิ้วก้อยขนาดเท่ากับเจ้าหญิงเท่านั้น...
จน ในที่สุดก็ไม่มีเจ้าชายคนไหน มีขนาดนิ้วก้อยเท่ากับเจ้าหญิงเลยสักคน แต่แล้วก็มี ชายไร้บ้านคนหนึ่งเข้ามาในวัง ทหารพยายามกีดกันเขาไว้แต่เจ้าหญิงให้เข้ามาได้เพราะทุกคนต้องมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน แล้วบอกให้เขาชูนิ้วก้อยขึ้นมา
ปรากฏว่าชายไร้บ้านคนนั้นได้เอานิ้วก้อยมาเกี่ยวกับเจ้าหญิงทันที และจะได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเพราะเขามีขนาดนิ้วก้อยเท่าเธอ
เจ้าหญิงรู้ได้ในทันทีว่าเขาคือเจ้าชายที่เธอเฝ้ารอ แม้รูปกายอาจจะไม่ใช่ก็ตาม
คืนนั้นเองชายคนนั้นก็ได้หายไปจากวังโดยไม่มีร่องรอยเหลืออยู่เลย
วิญญาณของคนเรานั้นมีเวลาอยู่ได้สี่สิบเก้าวันซึ่งวันนี้ครบสี่สิบเก้าวันหลังจากที่เจ้าชายหายสาบสูญไปพอดี
แต่ถึงกระนั้นเจ้าชายก็ยังคงรักษาสัญญา กลับมาหาเจ้าหญิงได้ เป็นไงเห็นไหม เวลา จะสัญญาอะไรก็เลยต้องเกี่ยวก้อยไง เพราะมันจะเป็นจริงอย่างที่เจ้าชายกลับมาหาเจ้าหญิง”
ฉันมองไปที่นิ้วก้อยของตัวเองหลังจากที่เล่าเรื่องจบ นิ้วก้อยที่ชอบใช้เกี่ยวก้อยสัญญากับ คามิน
สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป…
"นี่ลักษณ์ ฉันเล่านิทานจบแล้วนะ นายสนุกไหม"
Ramasoon’ s Part.
"อ้าวคุณราม ทำไมไม่เข้าไปล่ะคะ" พยาบาลประจำตัวน้องชายของผมเอ่ยทักขึ้น
ในขณะที่ผมกำลังแอบดูใครบางคนกำลังเล่านิทานหลอกเด็กให้ไอ้ลักษณ์มันฟัง
"ชู่…" ผมส่งสัญญาณให้พยาบาลเงียบ ไม่อย่างนั้น คนในห้องอาจจะรู้ว่าผม แอบมาดูตั้งแต่แรกแล้ว
โชคดีว่าเธอนั่งหันหลังให้ประตู จึงไม่ทันสังเกตอะไร
"นี่ลักษณ์ เรามาทำสัญญาเกี่ยวก้อยกันดีกว่า"
ร่างบางเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับมือไอ้ลักษณ์ขึ้นมา
เดี๋ยวนะ นั่นน้องผมไม่ใช่เด็กอนุบาลนะ เป็นภาพที่ทำให้ผมต้องกลั้นไม่ให้หลุดยิ้มออกมา
"ถ้าลักษณ์ตื่นขึ้นมานะ พิมสัญญาว่า จะ....จะ....." คงนึกไม่ออกล่ะสิว่าจะทำอะไรให้เขาได้บ้าง ผมจึงเปิดประตูให้กว้างออกและเดินตรงเข้าไป
"เธอจะมาเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้นายฟังทุกวันเลย ถ้านายยอมฟื้นขึ้นมา"
พิมมาดาหันมามองหน้าผมอย่างตกใจ
Pimmada’ s Part.
"นี่นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่" ฉันถามอย่างตกใจ อย่าบอกนะว่าเขามาตั้งแต่ฉันเริ่มเล่าเรื่อง…น่าอายชะมัด
"เพิ่งมา ฉันไม่ได้ว่างขนาดมานั่งเฝ้าว่าเธอทำอะไร ไม่ทำอะไรหรอกนะ ไม่รีบเกี่ยวก้อยสัญญากับไอ้ลักษณ์ล่ะ มันรออยู่"
"ไม่ ฉันไม่ได้จะสัญญากับลักษณ์สักหน่อย ว่าถ้าเขาฟื้นจะมาเล่านิทานให้ฟังทุกวัน" ฉันตอบรามสูรไป
“งั้นเธอจะ…จะอะไร?" เขาถามกลับอย่างกวน ๆ
ฉันดึงมือลักษณ์ขึ้นมาเกี่ยวก้อย ทันที
"ถ้านายฟื้นนะ ฉันจะเตะก้นพี่ชายอสุรกายของนายโชว์ แบร่" ฉันรีบปล่อยมือลักษณ์ และวิ่งหนีออกมาทันที
"นี่!หยุดนะ กล้าดียังไง ฉันเพื่อนเล่นเธอเหรอ" เขาพูดด้วยเสียงที่เหมือนโกรธ แต่ใบหน้าดันเปื้อนยิ้ม
คนอะไร ไบโพลาร์ชัด ๆ