ตอนที่ 1
กรุงเทพมหานครฯ
ที่งานเดินแฟชั่นโชว์ ทันทีที่เสียงดนตรีแนวเฮ้าส์ ( House Music) อันเป็นแขนงหนึ่งของแนวอิเล็กทรอนิกแดนส์ เป็นที่นิยมใช้ประกอบการเดินแฟชั่นโชว์ ค่อยๆดังขึ้นเบาๆ ก่อนจะไต่ระดับเสียงจนกระหึ่มกึกก้องไปทั้งบริเวณ เรียกความสนใจจากผู้คนคับคั่งที่กำลังเดินชอบปิ้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เริ่มหลั่งไหลรายล้อมเข้ามาใกล้จนชิดติดขอบเวที ทำให้ลานโล่งกว้างกลางห้างสรรพสินค้า ดูคับแคบลงถนัดตา
“ขอเชิญทุกท่านพบกับคุณ ‘ดาวเรียง พราวดวงเด่น’ ได้ ณ บัดนี้…..”
ทันทีที่สิ้นเสียงพิธีกรชายซึ่งเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีในแวดวงบันเทิง เสียงปรบมือเกรียวกราว กึกก้องกังวานไปทั่วทั้งบริเวณ เวทีถูกย้อมด้วยแสงไฟหลากสีสัน ที่เรียงเป็นแถวอยู่ข้างขอบเวทีทั้งซ้ายขวา สาดแสงวูบวาบสลับไปมา ตระการตาไปทั้งเวที
เสี้ยวอึดใจจากนั้น
‘ดาวเรียง พราวดวงเด่น’ นางแบบชื่อดังอันดับหนึ่งของเมืองไทย ก็เฉิดชายไฉไลออกมาด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น แสงไฟฟอลโล่ไล่ไปตามเรือนร่างรัดรึง ตึงเต็มไปทุกส่วนสัด หล่อนงามสง่าในทุกจังหวะลีลาสับปลายเท้าอันคล่องแคล่วเย้ายวน
ร้องเท้าส้นสูงปรี๊ด สีดำ เป็นมันปลาบ ช่วยส่งเรือนร่างอาบแสงไฟให้ยิ่งระหง อวดเลื่อมลายพรายพลิ้วของริ้วผ้าราคาแพงที่สวมใส่ อำพรางเรือนกายอะร้าอร่าม สะโพกงอนงามเหวี่ยงไหวไปตามจังหวะขยับบั้นท้าย ช่วงขาเรียวยาวสับก้าวไปตามทางแคบยาวของแคทวอล์คที่ยื่นออกมาจากตรงกลางเวทีด้านหน้า
ด้วยท่วงท่ามาดมั่น ท่ามกลางสายตาฝูงชนนับพันที่ห้อมล้อม โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่แหงนคอจ้อง ตะลึงมองเรือนกายของดาวเรียง…ราวจะหยุดหายใจ
ดาวนึกขอบคุณแสงไฟแรงกล้าจากสปอร์ตไลท์ด้านหน้าเวที ที่สาดสวนดวงตาของเธออยู่ในขณะนั้น แสงที่ช่วยทำให้เธอมองไม่เห็นความอึกทึกของผู้คนตรงหน้า ไม่ต้องเห็นสายตาหลายพันคู่ที่จับจ้องมองเรือนร่างของเธอจนไม่กระพริบตา ไม่ต้องเห็นดวงตาบางคู่ของผู้ชายที่ทอดมองดูร่างกายของเธออย่างหิวกระหาย รวมทั้งผู้ชายคนนั้น…ซึ่งได้รับเกียรติให้มานั่งเป็นแขกวีไอพีของงาน ‘เฟอร์นานโด’
ดาวพร่ำบอกกับตัวเองซ้ำๆอยู่ในใจว่า ‘อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า…ทุกอย่างจะผ่านพ้นไป’ เหมือนเช่นทุกครั้งที่เธออดทนให้เรือนร่างตากสายตาผู้คนและแสงจากไฟแฟลชด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น มานานกว่าสองปีที่ก้าวเข้ามาในวงการ
แต่คืนนี้!.......
จะเป็นค่ำคืนสุดท้ายที่เธอจะอดทนกับแสงไฟแฟลชที่สาดใส่ใบหน้า อดทนกับสายตาของพวกผู้ชายที่จ้องมองร่างกายของเธออย่างหื่นกระหาย
“วู้วๆๆๆๆๆ เอาอีก…”
เสียงวีดวิ๊ว ดังลั่นมาจากบรรดาพวกผู้ชายที่ยืนชิดติดขอบเวทีด้วยความชอบใจ
จะไม่ให้พวกผู้ชายเรียกร้องได้อย่างไร? ในเมื่อชุดที่เธอสวมใส่อยู่นั้นคือบิกีนี่ทูพีชสำดำ มันปลาบ ตัดกันกับผิวพรรณเนียนขาวเร้าใจของเธอชัดเจน ภาพที่เห็น…กระตุ้นจินตนาการของผู้ชายบางคนจนไม่รู้ว่ากระเจิดกระเจิงไปถึงไหนต่อไหน ยืนยันด้วยเสียงเรียกร้อง ฮือฮา กึกก้องไปทั้งงาน
“ขอเชิญคุณดาวเรียงอีกสักรอบนะครับ”
เสียงของพิธีกรชายคนเดิมประกาศลั่น ทำทีช่วยเรียกร้องแทนพวกผู้ชายที่ห้อมล้อมอยู่ด้านหน้าเวที ซึ่งแท้จริงก็เป็นความต้องการของตัวพิธีกรเอง ที่อยากเห็นดาวเรียงในชุดทูพีชให้ชัดๆอีกสักครั้ง
หล่อนกรีดกรายเฉิดฉายออกมาจากเบื้องหลังเวทีอีกครั้ง ตามคำเรียกร้องและเสียงปรบมือกึกก้อง
“อร๊ายยยย…!!!” เจ๊แป๊ดซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนางแบบสาว กรีดร้องออกมาเบาๆ กระทืบเท้าปึงปังด้วยความอารมณ์เสีย ยกข้อมืออวบขึ้นมองดูเวลาครั้งแล้วครั้งเล่า กระวนกระวายใจกับงานใหญ่อีกงานที่รออยู่ เมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกเอาเปรียบจากงานโชว์ครั้งนี้ ซึ่งตกลงกันไว้แต่แรกแล้วว่านางแบบสาวที่ตนดูแล จะเดินโชว์เพียงรอบเดียวเท่านั้น
ที่หน้าเวที ดวงตาคู่คมของดาวเรียงที่ล้อมกรอบเอาไว้ด้วยแพขนตาสีดำ งอนระยับ มองดูทุกสิ่งรอบกายด้วยความรู้สึกซังกะตาย ใบหน้าเย้ยหยันชีวิต มองข้ามศีรษะผู้ชมที่คลาคล่ำอยู่เบื้องหน้าเวทีอย่างเอือมระอา
ท่ามกลางเสียงปรบมือฮือฮาซึ่งเกิดขึ้นจนชินชา ปีแรกๆก็อาจทำให้หล่อนรู้สึกตัวลอย รู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญเมื่อถูกผู้คนห้อมล้อม หากพอหลายปีผ่านก็กลับกลายเป็นความจำเจ…และจำใจไปในที่สุด ยิ่งนานวันเหมือนยิ่งตอกย้ำให้เธอตระหนักว่า ‘มายา’ คือโลกซึ่งเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงแห่งผลประโยชน์ทางธุรกิจ และน่าเบื่อหน่ายที่สุดสำหรับเธอ
ดาวเรียงรู้ดีว่าสำหรับเธอแล้ว…ความเย้ายวนใจแห่งโลกมายากำลังจะหมดลงไปทุกที เมื่อบางทฤษฏีของชีวิตได้พิสูจน์ให้เธอเห็นแล้วว่า บางครั้ง…ความสุขก็ไม่ได้มาพร้อมกับชื่อเสียงและเงินทอง แม้สองสิ่งนี้…ไม่อาจแยกจากกันได้เด็ดขาดในบางครั้งก็ตาม
เช๊ะๆๆๆๆ…
ช่างภาพสื่อมวลชนสายบันเทิงแทบไม่ปล่อยให้ทุกอิริยาบถของเธอหลุดลอดไปจาก ลามไลท์ ( Lamlight ) ในขณะที่เธอหยุดยืน พ้อยท์เท้า เสียงชัตเตอร์จากกล้องทุกตัวในที่นั้น ลั่นรัวขึ้นพร้อมกันราวกับนัดหมาย
เสียงขยับของกระบอกเลนส์ ซูมเข้าซูมออก แสงจากไฟแฟลชสาดใส่เรือนร่างของเธอพรึ่บพรั่บไม่หยุด ด้วยตระหนักว่าทุกช็อตทุกเฟรมที่เป็น ‘ดาวเรียง’ โดยเฉพาะในชุดอะร้าอร่าม นุ่งน้อยห่มน้อย กำลังมีมูลค่าสำหรับวงการบันเทิงและแฟชั่น ในวินาทีที่ความสนใจทั้งหมดของโลกมายา กำลังทุ่มโถมมาที่เธอ
“ยิ้มหน่อยครับคุณดาว”
เสียงจากช่างภาพชายของนิตยสารปลุกใจเสือป่าคนหนึ่ง ตะโกนแทรกสวนไปกับจังเสียงเพลงกระหึ่ม ขณะที่ดาวเรียงกำลังเยื้องย่าง ขยับโพสต์ท่าไปมา เท้าสะเอว เชิดหน้า ทุกจังหวะลีลาบ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพซึ่งเกิดจากพรสวรรค์ล้วนๆ
ไม่แปลก! ที่มักได้ยินสื่อมวลชนเขียนถึงเธอบ่อยๆว่า ‘ดาวเรียงเกิดมาเพื่อเวทีแห่งนี้’
หารู้ไม่ว่าความปรารถนาลึกๆที่ซ่อนตัวเงียบเชียบอยู่ในใจของดาวเรียงมาตลอด คือการได้ไปเดินชอปปิ้งร่วมถนนเดียวกันกับผู้หญิงธรรมดาคนอื่นๆ ได้พบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ อยากเดินกินลูกชิ้นปิ้งริมทาง อยากนั่งกินส้มตำและขนมจีนที่มีผักเยอะๆ โดยไม่ต้องคอยหลบซ่อนปาปาราสซี่ที่ตามติดชีวิตเธอจนเป็นเรียลลิตี้
ชื่อเสียงและความโด่งดังกำลังแยกหล่อนออกจากถนนสายเดิมที่เคยเดิน
ดาวเรียงเคยเปรยออกมาหลายครั้งว่ารู้สึกเหนื่อยหน่าย แม้เจ๊แป๊ดที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวจะกล่าวให้ได้ยินบ่อยๆว่า ‘ถนนสายมายาเส้นนี้…ส่งเธอมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกับ’
ดาวเรียงรู้สึกอึดอัดใจขึ้นทุกที ปาปาราสซี่พวกนี้ขโมยเอาความเป็นส่วนตัวไปจากชีวิตเธอจนวินาทีสุดท้าย
เธอรู้สึกว่าในแต่ละวัน...ชีวิตจะเป็นของเธอก็ต่อเมื่อถึงเวลาปิดไฟนอนเท่านั้น
ไม่สิ!.....
มีบางครั้งที่ปาปาราสซี่พวกนี้ยังเข้ามารังควานเธอ…แม้ในความฝัน