เวลาต่อมา
วีก้ายังคงนั่งเหม่อ แล้วกระดกดื่มอย่างคนที่คิดไม่ตกในขณะที่ยังมีน้ำมนต์นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ยอมห่างจากเขาไปไหนเช่นกัน หัวใจของคนที่เฝ้ามอง มันก็คงเจ็บปวดแบบนี้แหละมั้ง ทั้งเขาและเธอต่างก็เฝ้าฝัน และอยากไขว่คว้าความรักที่ตัวเองหมายปอง แต่ทั้งเขาและเธอก็ไม่อาจคว้ามันมาได้
วียังนั่งเจ็บหัวใจเพราะเพื่อนของเธอดูไม่มีค่อยมีท่าทีให้กับเขาสักเท่าไหร่ ส่วนเธอ ยิ่งไม่ต้องหวังเพราะเขาไม่เคยมองเธอเลยต่างหากเล่า น้ำมนต์ยังคงเดิม เธอกระดกน้ำเปล่าแล้วมองวีก้าอยู่อย่างนั้น ในใจก็คิดตัดพ้อโชคชะตาของเธอ แต่ก็นะมันเป็นไปไม่ได้แล้ว
จะว่าไปเรื่องของพี่วีก้า ตัวเธอเองและเพื่อนรักของเธอก็น่าเอาไปแต่งนิยายเหมือนกันนะ เธอเองก็เป็นนักเขียนกิ๊กก๊อกแต่โชคดีที่ทางบ้านของเธอก็สนับสนุนไม่มีใครว่าอะไร ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สมหวังในรักแต่ว่าเธอก็ขอประสบความสำเร็จในอาชีพที่เธอฝันถึงแล้วกัน ว่าไปแล้วก็... จดพล็อตหน่อยดีกว่า
น้ำมนต์ล้วงมือลงไปหยิบสมาร์ตโฟนของเธอขึ้นมาเข้าไปที่แอป 'โน๊ต' แล้วเริ่มจดพล็อตความรักที่หลายคนต่างคาดหวัง เธอพิมพ์อย่างสนุกมือเลยทีเดียวล่ะ สนุกกระทั่งคนที่นั่งกรึ่มๆ อยู่ข้างๆ เธอยังสังเกตได้แล้วหันมามองคนตัวเล็กที่ตอนนี้ไม่ได้สนใจเขาเลย เธอสนใจแต่มือถือของเธอจนคนที่นั่งเมาข้างเธอก่อนหน้านี้ชักจะอยากรู้แล้วว่าในมือถือของเธอนั้นมันมีอะไรดีเชียว
"จดอะไรอยู่ครับ"
"พล็อตนิยายเรื่องต่อไปค่ะ อ่ะ!" บ้าจริงเรื่องที่เธอเป็นนักเขียนเธอไม่ได้บอกใครเลยนะนอกจากคนที่บ้านของเธอ
"พะ… พี่วีก้า!"
"ครับ พี่เอง ตกใจอะไร ว่าแต่พล็อตนิยายอะไรเหรอครับ" ท่าทีของเขาดูสนใจสิ่งที่เธอพูดออกมาเป็นอย่างมาก ตัวเขาเองน่ะเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกหนังสือธุรกิจ หรือหนังสือที่สามารถพัฒนาตนเองได้ แต่พล็อตนิยายงั้นเหรอ น่าสนใจดีแฮะ
"เอ่อ… ไม่มีอะไรหรอกค่ะ"
"ไม่มี? " น้ำมนต์พยักหน้ารัวๆ เลยทีเดียวเธอหลบหน้าจอมือถือของตัวเองเข้าหาตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเห็น แอบหงุดหงิดอยู่นิดหน่อยก็ตรงที่ยังจดพล็อตไม่เสร็จ แต่พี่วีก้าก็มาวุ่นวายซะก่อน
"แต่พี่ได้ยินเต็มสองรูหูเลยนะครับ"
"เอ่อ พะ พี่วีก้าน่าจะเมาแล้วนะคะ กลับบ้านมั้ยคะ"
เปลี่ยนเรื่องดีกว่า เรื่องอะไรจะบอกเล่าว่าเธอเองก็แอบเป็นนักเขียนลับๆ อยู่น่ะ ก็ถึงแม้ว่าอาชีพนักเขียนจะเป็นอาชีพที่เธอภาคภูมิใจ แต่ก็หลายต่อหลายครั้งเลยนะที่หลายๆ คนไม่เปิดใจ ถ้าเธอบอกใครไปว่าเธอเป็นนักเขียน ก็จะถูกสายตาดูถูก หรือไม่ก็ล้อเลียน ไหนจะยังเคยถูกว่าพวกที่แต่งนิยายเนี่ยเป็นคนประเภทที่โกหกเก่งเพราะสามารถแต่เรื่องไม่จริงออกมาได้เป็นเรื่องๆ เฮ้อ วันนั้นนะเธอน่ะแอบมานอนร้องไห้อยู่ตั้งนาน จนเธอไม่คิดที่จะบอกใครอีกแล้วว่าเธอเป็นนักเขียนนอกเสียจากครอบครัวของเธอ และเพื่อนสนิทของเธอเท่านั้น
"อืม~ อย่างนั้นก็ได้"
เมื่อเห็นว่าน้ำมนต์ไม่ยอมบอกแน่ๆ เขาก็ยอมรามือ แต่จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกหรือเปล่านะที่เขาได้คุยกับเธอในเรื่องของเธอบ้าง ไม่ใช่เรื่องของเตยหอม วีก้าลอบมองดวงตากลมโตที่ตอนนี้กำลังหลุกหลิกอย่างน่ารัก จนเขาก็อดที่จะเผลอมองน้ำมนต์ไปบ้าง
ถ้าใจของเขามันมีให้เธอบ้าง ก็คงจะดีสินะ แต่ก็คงจะดีกว่านี้ถ้าเธอเองก็ชอบเขาอยู่เหมือนกัน เพราะน้ำมนต์เองก็ไม่ได้ดูมีท่าทีว่าชอบเขาเลยเหมือนๆ กับเตยหอมที่ชัดเจนว่าไม่ได้คิดกับเขาไปมากกว่าคำว่า 'พี่ชาย'
"ไปครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง"
แก้วสุดท้ายถูกยกขึ้นกระดกดื่มชายหนุ่มหมุนตัวหมายจะเดินกลับไปกับหญิงสาว แต่ทว่า เขาเกิดอาการมึนหัวจนไม่สามารถตั้งหลักได้จนล้มลงไปนั่งที่โซฟาตามเดิม ส่วนน้ำมนต์ที่กำลังเตรียมตัวอยู่ก็ตกใจกับอาการของวีก้าที่อยู่ดีๆ เขาก็ล้มลงไปอย่างนั้น เธอทิ้งแทบจะทุกอย่างแล้วเดินเข้าไปหาวีก้าทันที
"พี่วีก้า!"
"โอ๊ยยย!"
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมอยู่ๆ ถึงล้มลงมาแบบนี้"
"พี่เวียนหัวนิดหน่อยครับ ลืมตาไม่ได้เลย"
เพราะเครียด หรือเพราะเมากันแน่เนี่ย น้ำมนต์นั่งลงข้างๆ วีก้าแล้วใช้หลังมือของเธอทาบไปที่หน้าผากของเขา ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา แล้วทำไม เขาดูสีหน้าไม่ดีเลยนะ
"พี่วีก้าขับรถไหวมั้ยคะ"
"พี่ขอนั่งพักสักครู่ได้มั้ยครับ"
เขานั่งปิดเปลือกตาลงนิ่งๆ แล้วใช้มือบีบที่ขมับของตัวเองเอาไว้ราวกับปวดหัวมากมายหนักหนาจนในที่สุดน้ำมนต์ก็ตัดสินใจ
"งั้นไปนอนที่ห้องมนต์ก่อนนะคะ"
เธอเช่าโรงแรมหรูเอาไว้แบบรายเดือน อยู่ใกล้ๆ กับมหา'ลัย เธอน่ะไม่อยากซื้อคอนโดเพราะชอบเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ ในการหาแรงบันดาลใจในการแต่งนิยาย อีกอย่างเธอเองก็มีบ้านอยู่แล้ว
*****
ห้องน้ำมนต์
ติ๊ด~
เสียงประตูห้องถูกเปิดออกเพราะเจ้าของห้องคนสวยเป็นคนใช้คีย์การ์ดแตะเพื่อที่จะเข้าห้อง เธอประคองวีก้าที่ยังปวดหัวไม่หายเข้าไปในห้องนอนของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ประคองวีก้าเอาไว้อย่างเบามือให้เขานอนลง
"เป็นไงบ้างคะ เดี๋ยวมนต์ไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้นะ"
ตัวก็ไม่ได้ร้อน แต่เธอไม่รู้ว่าเขาเมาหรือว่าอะไรเธอก็เลยคิดว่าน่าจะต้องดูแลเหมือนคนป่วยทั่วไป นะโมน้องชายของเธอเวลาเล่นกลางแดดมากๆ ก็ชอบมีอาการปวดหัวแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นโรคอ้อนพี่สาวมากกว่าปวดหัวจริงๆ ส่วนผู้ชายคนนี้ไม่น่าจะเป็นโรคอ้อนเธอหรอกมั้ง
"ครับ" ตอบเธอทั้งๆ ที่ยังหลับตา ส่วนตัวเขาเองก็คาดว่าน่าจะเพราะดื่มแอลกอฮอล์แล้วหมุนตัวเร็วเลยเกิดอาการเวียนหัวแบบนี้ขึ้นมา ก็แหมเขาน่ะไม่ใช่คนที่อายุยี่สิบต้นๆ แล้วนะ ตัวเขาเองนะอายุสามสิบกว่าแล้วมันก็ต้องมีบ้างสิที่จะมีอาการแบบนี้ อีกอย่างปกติแล้วถ้าไม่ใช่งานสังสรรค์กับที่ทำงานเขาก็ไม่ค่อยได้ดื่มอะไรอยู่แล้วเพิ่งจะมาดื่มหนักๆ ก็ตอนที่มาตามจีบน้องเตยหอมแล้วเขาไม่มองเนี่ยแหละ
"ที่นี่…"
"ถ้าถามว่าที่นี่ที่ไหน มนต์จะเอากระเป๋าตีพี่วีก้าจริงๆ ด้วย" ก็มาด้วยกันยังจะถามอีกว่าที่นี่ที่ไหน เพราะเขาไม่ได้หลับมาตลอดทางเสียหน่อย เขาเพียงแค่ปิดเปลือกตาลงบ้าง ลืมตาบ้างสลับกัน แล้วอีกอย่างตัวเขาใหญ่โตขนาดนี้เธอแบกเขาไม่ไหวแน่ถ้าเขาไม่ใช่คนที่เดินมาเอง
"ฮ่าๆ น้องมนต์นี่ กล้าตีพี่จริงๆ เหรอครับ" เธอทำหน้ายู่
"พี่แค่จะถามว่าที่นี่เช่าแพงมั้ยครับ ดูสะดวกสบายดี แถมยังอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยอีกต่างหาก" เขาก็คงอยากจะเช่าเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ๆ ยายเตยเพื่อนเธอสินะ
"เดือนละหมื่นปลายๆ ค่ะ มนต์เช่าเอาไว้เวลาเบื่อบ้าน แต่ที่จริงส่วนใหญ่มนต์ก็อยู่ที่นี่แหละค่ะ แต่ไม่ใช่วันนี้"
"อ้าว"
"ก็พี่วีก้าอยู่ มนต์จะอยู่ด้วยได้ยังไงล่ะคะ"
"พี่กลับบ้านก็ได้ครับ แต่ขอพี่พักสักครู่ได้มั้ย"
"นอนเถอะค่ะ มนต์ไม่ซีเรียส"
วีก้าปิดเปลือกตาลงขณะที่น้ำมนต์นั่งอยู่ข้างๆ เตียงเธอมองเขาที่กำลังหลับ และมองมือของเขาที่เผลอมาจับมือของเธอเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ น้ำมนต์ทำได้เพียงแค่อมยิ้มเล็กน้อยกับเศษเสี้ยวความอบอุ่นที่วีก้าให้มา ก่อนจะเห็นเขาหลับลงไปแล้วเธอจึงค่อยๆ ชักมือออกแล้วออกมาจากห้องพักของเธออย่างแผ่วเบา