“โอ๊ย!” เขาร้องเพราะโดนเธอทับเอาไว้
หยกมณีที่ทาบทับอยู่บนร่างของเขาซบหน้าที่อกกว้าง พลางแอบยิ้มในหน้า
“เจ็บไหม”
“ฟิน เอ๊ย! เจ็บค่ะ โอ๊ย! เจ็บไปหมดเลยค่ะ” คนเผลอตัวตอบว่าฟิน รีบแก้ประโยค แกล้งร้องไห้โอดโอยออกมา
“ค่อย ๆ ลุก เจ็บตรงไหนบ้าง” คนซื่อเอ่ยขึ้น พลางประคองร่างน้อยขึ้นจากร่างของเขา
“เจ็บไปหมดทั้งตัวเลยค่ะ” หยกมณีอมยิ้ม ก่อนจะแกล้งทำสีหน้าว่าเจ็บ
“เดินไหวไหม” ภพเอ่ยถาม
“คงเดินไม่ไหวน่ะค่ะ” คนพูดทำเสียงอ้อน โอดอ่อย
“งั้นเฮียคงต้องอุ้มเธอ” ภพพูดแล้วตวัดอุ้มร่างของเธอขึ้น
หยกมณีกอดคอหนาของภพเอาไว้ ก่อนจะซบหน้าที่อกกว้างพลางยิ้มในหน้า
เนื้อตัวของภพหอมกรุ่น กลิ่นผู้ชายมันฟินแบบนี้นี่เอง เนื้อตัวของเขาเรียบตึงน่าสัมผัสลูบไล้
ถึงแม้ว่าเธอจะรักนวลสงวนตัว ไม่เคยทำอะไรไม่ดีให้พ่อแม่ต้องเสียใจเลย แต่ก็มีอารมณ์ความรู้สึก เห็นหนุ่ม ๆ หุ่นดีก็แอบกรี๊ดอยู่ในใจ และหนึ่งในนั้นก็คือภพด้วย แต่เธอก็ไม่เคยแสดงออกให้ใครได้รู้
เป็นผู้หญิงแสดงออกมากไม่ดี การสงวนท่าทีจะดูมีคุณค่าสำหรับผู้หญิงที่ดีงามเพียบพร้อม
“เจ็บตรงไหน ให้เฮียดูซิ” ภพเอ่ยถาม เมื่ออุ้มเธอมานั่งพัก พลางสำรวจเนื้อตัวของเธอ
“เจ็บตรงนี้ค่ะ” เธอกุมมือเขามากดที่หัวใจด้านซ้ายก่อนจะอมยิ้ม ภพกะพริบตาก่อนจะรู้ว่าโดนหลอกเข้าให้แล้ว
“นี่หลอกเฮียเหรอ” เขาดึงมือหนี เธอก็ยอมปล่อยแต่โดยดี
“เป็นห่วงหยกเหรอคะ” คนเอ่ยถามยิ้มแก้มพอง
“ฉันนี่นะจะเป็นห่วงเธอ” สรรพนามที่เปลี่ยนไปไม่ได้ทำให้หยกมณีโกรธ แต่กลับยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
“ยิ้มอะไร”
“เวลาเฮียโกรธน่ารักจังเลยค่ะ”
“ไปเอาความเจ้าเล่ห์แบบนี้มาจากไหน”
“หยกเปล่าเจ้าเล่ห์เสียหน่อย หยกแค่อยากรู้ว่าเฮียยังคงเป็นห่วงหยกเหมือนเดิมไหม” เธอจำได้ว่าเคยโดนเด็กผู้ชายรังแก เขานี่แหละคือพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเหลือเธอเอาไว้
“ใครจะไปเป็นห่วงเธอกัน”
“ปากแข็งจัง” เธอเปรยขึ้น
“อย่ามายั่ว” เขาขยับใบหน้าเข้าไปหา
“ยั่วขึ้นด้วยเหรอคะ” เธอมองสบตาเขาไม่ยอมหลบ เป็นภพเองที่หน้าร้อนแดงเห่อ
ก็เธอคือรักแรกของเขานี่นา ยังจำได้ถึงวันที่หน้าแตกยับเยินตอนไปสารภาพรักขอเธอเป็นแฟนในครานั้น
ภพมองสบตาหวานหยด ใบหน้าที่กำลังยั่วแหย่ เธอทำให้เขาอดใจไม่ไหว ก่อนจะจับใบหน้าของเธอเอาไว้แล้วบดจูบริมฝีปากของเธออย่างหนักหน่วง
หยกมณีถอยหนีเล็กน้อย เพราะเธอไม่เคยจูบกับผู้ชายคนไหนมาก่อน ท่าทีเงอะงะของเธอทำให้ภพเร่งเร้ามากขึ้น เขาขบเม้มริมฝีปากบนล่าง ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปพัวพันด้านในโพรงปากนุ่ม ปลายลิ้นที่สัมผัสกันและกันให้ความรู้สึกเสียวซ่านและวาบหวามในเวลาเดียวกัน
ทั้งสองถอนริมฝีปากออกจากกัน หยกมณีเผยอริมฝีปากร้องครวญคราง ใบหน้าแดงก่ำ ทำให้เธอดูน่ามองและน่าเสน่หายิ่งกว่าเดิมเสียอีก
เขาอยากทำมากกว่านั้น คือจูบเธออีกและอุ้มเธอเข้าห้องไปสำเร็จโทษ ข้อหาที่ทำตัวน่ารักแบบนี้
“พอก่อนค่ะเฮีย” เธอยกมือขึ้นปิดปากเขาเอาไว้ มองเขาอย่างหวาดหวั่น ท่าทีของเธอทำให้ภพต้องขยับใบหน้าออกห่าง
“เธอก็ยังคงรังเกียจเฮียเหมือนเดิมสินะ” เขามองเธอ แล้วเบือนหน้าหนี ก่อนจะหมุนกายเตรียมเดินออกมาให้ห่างจากหญิงสาวที่เคยแอบรัก และเป็นรักแรกรักเดียวของเขา เขายังคงรักเธอสุดหัวใจ
“ไม่ใช่นะคะ” เธอรีบรั้งแขนเขาเอาไว้ นั่นทำให้ภพต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาหันไปมองหญิงสาวนิ่ง
หยกมณีปล่อยแขนของอีกฝ่าย ก่อนจะมองสบตาเขาอย่างลึกซึ้ง
“ถ้าเฮียอยากจูบหยกอีก หยกก็จะให้จูบ แต่นั่นหมายถึงเราจะแต่งงานกันนะคะ”
“นี่เธอต่อรอง กลัวไม่ได้แต่งหรือไง”
“ไม่ใช่ค่ะ ถ้าเฮียอยากมีหยกอยู่ในชีวิตก็ควรให้เกียรติกัน การจะทำแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อเฮียอยากแต่งงานกับหยกไม่ใช่แค่คิดจะรังแกกันเล่น ๆ”
“เธอมันชอบปั่นหัว”
“หยกเปล่า”
“อย่ามาปฏิเสธ” เขาไม่เชื่อน้ำหน้าคนแบบเธอ
“ไม่รักหยกแล้วเหรอ” น้ำเสียงของเธอโอดอ่อย นั่นทำให้เขาขบกรามเข้าหากัน ยิ่งโกรธเธอเข้าไปอีก
“อย่ามาใช้คำนี้กับฉัน เธอมันร้ายกาจ”
“หยกขอโทษ”
“เรื่องอะไร”
“วันนั้นหยกไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธ” เธอเอ่ยอ้างเรื่องในอดีตทำให้เขาหน้าแดง ทั้งโกรธทั้งอาย
“เฮียคงเสียหน้า”
“ฉันนี่นะจะเสียหน้า มีผู้หญิงพร้อมมาให้เชยชมไม่เว้นแต่วัน ทำไมฉันต้องเสียหน้าเพราะผู้หญิงจืดชืดแบบเธอด้วย”
“แต่หยกยังรักเฮียนะคะ ถึงเฮียจะไม่รักหยกแล้วก็ไม่เป็นไร” เธอกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ รู้ว่าวันนั้นเขาเสียใจ เจ็บใจ เสียหน้า เธอได้แต่แอบมอง คอยถามเพื่อนเขาว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ไม่กล้าแสดงตัวว่าเธอเองก็เสียใจเหมือนกันกับความรักที่ไม่สมหวังในช่วงมัธยม
“เมื่อกี้เธอว่ายังไงนะ จะปั่นหัวอะไรฉันอีก”
“หยกรักเฮีย”
“ตลกสิ้นดี” เขาหัวเราะออกมา สีหน้าบอกว่าไม่เชื่อถือ
“ถ้าเฮียไม่อยากแต่งงานกับหยก ไม่รักกันแล้วจริง ๆ หยกจะเดินไปบอกป๊ากับม๊าเองค่ะ เฮียไม่ต้องเป็นห่วง ป๊ากับม๊าของหยกน่ะรักหยกมาก หยกไม่เคยขออะไรท่านเลย ยอมทำตามท่านทุกอย่าง เรื่องนี้ถ้าเราต่างไปบอกป๊ากับม๊า หยกเชื่อว่าพวกท่านจะเข้าใจ” เป็นหยกมณีเองที่หมุนกายเดินจากมา
ภพมองแผ่นหลังของเธอแล้วใจหายวาบ หัวใจกระวนกระวายไปหมด เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปอีก แม้ในใจจะตะโกนบอกตัวเองเช่นนั้น แต่เขาเองก็คงต้องถามว่าเธอนั้นมีใจให้เขาหรือเปล่า ไม่ใช่เพราะที่เธอยอมแต่งงานกับเขาเพราะการคลุมถุงชนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ทำไมวันนั้นเธอถึงปฏิเสธเฮีย” ประโยคคำถามของเขา ทำให้หยกมณีที่เดินอย่างเชื่องช้ายิ้มในหน้า ก่อนที่เธอจะตบปากรับคำบิดามารดาเรื่องแต่งงาน เธอก็ไปแอบสืบมาแล้วว่าเขาเองก็ยังไม่มีใครอย่างจริงจัง แต่ถ้าเขามีคนรักอยู่แล้วและรักกันมากพร้อมที่จะแต่งงานกัน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เธอก็จะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวให้เขากับคนรักต้องเลิกรากันอย่างแน่นอน
หยกมณีหันมามองหน้าเขาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยหลังจากลอบยิ้ม
“เฮียพร้อมนั่งคุยกับหยกใช่ไหมคะ”
“พร้อม ถ้าเธอจะพูดความจริงทั้งหมด ถ้าเธอไม่ได้รักฉัน เราก็ควรไปบอกป๊ากับม๊าจริง ๆ นั่นแหละว่าเราไม่อยากถูกจับคลุมถุงชนแต่งงานกัน เพราะอยู่ด้วยกันไปคงอยู่กันไม่รอด”
“เราไปหาที่นั่งคุยสบาย ๆ กันดีกว่าค่ะ” เธอชวนเขาไปนั่งคุยกันตรงระเบียงห้องพัก ตรงนี้เย็นสบายมองเห็นวิวทะเลสวยงาม