สายตาห่วงใยยังจ้องไม่ห่างกับแผ่นหลังขาวๆ ที่เห็นอยู่ไม่ไกล สองมือของตัวเองเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต ถอดเรียบร้อยเขายกขึ้นสะบัดสองสามทีแล้วหันไปแขวนไว้กับกิ่งไม้ข้างๆ ก่อนจะกลับมาจัดการกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มตัวเก่ง
สองมือจับถอดออกจากลำขาแข็งแรง เหลือไว้เพียงบ๊อกเซอร์ขาสั้น!
เสียงหัวเราะสดใสทำเขาหันไปมอง เห็นมือน้อยโบกเรียกพร้อมกับเสียงตะโกนเร่งจากเด็กหญิง เด็กหนุ่มโบกมือตอบกลับแล้วหันมาจัดการพาดกางเกงวางไว้บนก้อนหินขนาดใหญ่
ไม่นานเสียงน้ำแตกกระจายดังสนั่นพร้อมกับเสียงหวีดร้องตกใจของเด็กหญิง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะลั่นของคนกระโดดลงน้ำ
“จะหนีไปไหน เรียกเขามาเองไม่ใช่เหรอ มานี่เลย...” จบคำเด็กหนุ่ม ความสนุกสนานวุ่นวายก็เริ่มขึ้น ตามมาด้วยเสียงใสๆ ของเด็กหญิงตัวขาวกับเด็กหนุ่มผิวคร้ามแดด
สองร่างแหวกว่ายอยู่ในลำธารขนาดเล็กใสแจ๋วอยู่พักใหญ่ ก่อนร่างเล็กจะปีนขึ้นมานั่งซ้อนอยู่บนตักของพี่ชายที่ขึ้นไปนั่งอยู่ก่อนแล้ว
เนื้อตัวเปียกปอนกับผิวขาวนุ่มเนียนพิงเข้ากับแผงอกของเด็กหนุ่ม เธอนั่งหายใจแรงอย่างเหน็ดเหนื่อยกับการออกแรงว่ายน้ำเล่นไปมาในลำธาร
ส่วนร่างที่กำลังนั่งเอนตัวปล่อยอารมณ์ไปกับความเงียบสงบรอบตัว ดวงตาพริ้มหลับพลางสูดลมหายใจแรงๆ อย่างผ่อนคลาย น้ำหนักที่กดทับบริเวณตักของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่ง
“พี่ธิษน์ไปนอนกับร้อยนะ” เสียงใสอ้อนอีกรอบเพื่อจะให้พี่ชายไปนอนเป็นเพื่อนที่บ้าน ร่างเล็กเอี้ยวตัวหันมาด้านหลัง ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองรอคำตอบ
“เอ่อ...” เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มเริ่มติดขัด เพราะความเย็นของน้ำในลำธารกับสัมผัสยุกยิกที่ขยับไปมาบนหน้าขา มันกำลังสร้างความหนักใจให้กับธิษน์ อะไรที่เขาไม่อาจควบคุมมันได้ชักเริ่มดีดดิ้นร้อนผ่าวอยู่ในบ๊อกเซอร์เปียกชื้น
“อุ่ย! พี่ธิษน์หนูร้อยนั่งทับอะไรไม่รู้ค่ะ แข็งๆ” เสียงเล็กอุทานเมื่อตัวเธอรู้สึกว่าตัวเองนั่งทับอะไรแข็งๆ เด็กหญิงมีสีหน้าแปลกใจมากเพราะเธอนั่งตักของพี่ชาย แต่ทำไมมันรู้สึกเหมือนนั่งทับท่อนไม้แข็งๆ ก็ไม่รู้
ว่าแล้วเด็กหญิงรีบลุกขึ้นแล้วลงไปนั่งข้างๆ ก่อนจะใช้สายตาสอดส่ายหาหลักฐาน บริเวณตักแข็งแรงที่ตนเพิ่งลุกออกไป
“เดี๋ยวๆ หนูร้อยอย่าจับ” เสียงเด็กหนุ่มตะโกนตกใจเมื่อมือเล็กเอื้อมหมายจะจับท่อนไม้ที่ว่า
“คะ...” ใบหน้าสงสัยจ้องมองร่างสูงที่เด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สองขาแกร่งนั้นเบียดกันแน่นเพื่อหลบสายตาอยากรู้อยากเห็นของยัยตัวเล็ก
ทันใดนั้นมือน้อยข้างหนึ่งก็ตะปบหมับเข้าให้ก่อนธิษน์จะขยับตัวออกห่าง
“เฮ้ย!...” ร้องลั่นเมื่อท่อนไม้กลางลำตัวถูกคว้าแน่น แรงบีบไม่เบานักทำเขาหน้าแดงก่ำด้วยความจุก
“อะไรคะพี่ธิษน์” ถามเสียงดัง แล้วเงยหน้าขึ้นถามคนกำลังนั่งกัดฟันข่มความรู้สึกต่างๆ
ทั้งจุก...ทั้งเสียวซ่าน...ด้วยฮอร์โมนวัยรุ่นที่กำลังพุ่งพล่าน เด็กหนุ่มที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์มากนัก ไม่สามารถจะควบคุมอารมณ์ความต้องการได้อย่างใจต้องการ เมื่อเจอแรงกระตุ้นเพียงเล็กน้อย มันก็ทำให้อารมณ์หนุ่มเตลิดไปอย่างไม่อาจจัดการได้
“เอ่อ...คือ...” ธิษน์พยายามหาวิธีอธิบายให้เด็กช่างสงสัยเข้าใจ เรื่องแบบนี้มันจะเร็วไปไหมสำหรับเด็กน้อยอายุเท่านี้
แต่ด้วยความสนิทสนมและเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เด็กหญิงยังเล็กๆ อาบน้ำแต่งตัวให้กันมาก็หลายครั้งจนนับไม่ถ้วน
ด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ได้คิดอะไรในทางเสื่อมเสีย เด็กหนุ่มเริ่มสบายใจเมื่อเห็นสีหน้าแสดงความอยากรู้ของรักร้อย เธอยังเด็กมากและใส่ซื่อตามประสาเด็ก ไม่รู้อะไรก็ถาม สงสัยอะไรเด็กหญิงรักร้อยมักพูดตรงๆ เสมอ
คิดได้ดังนั้นเด็กหนุ่มเริ่มเรียบเรียงคำพูดให้ดูจริงจัง ก่อนจะค่อยๆ ไขข้อสงสัยให้กับเด็กหญิงตัวขาวที่กำลังมองมาด้วยดวงตาแป๋วแหวว
“ทำไมมันไม่เหมือนจุ๋มจิ๋มของหนูร้อยละคะ” ก่อนหนุ่มน้อยจะอ้าปากพูด เสียงเล็กขัดขึ้นซะก่อนเมื่อสิ่งที่อยู่ในมือของเธอ มันไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอมีอยู่
หรือนี่จะเป็นเหมือนในหนังสือที่พ่อเคยเอามาให้ดูความแตกต่างระหว่างมนุษย์เพศชายและหญิง
“ของพี่เรียกว่าเจ้าจ้อย ของหนูร้อยเป็นผู้หญิงชื่อจุ๋มจิ๋ม” เริ่มอธิบายช้าๆ ธิษน์ยิ้มกว้างค่อยๆ ผ่อนลมออกจากปากด้วยความโล่งใจ เมื่อหนูน้อยคลายมือออกจากท่อนไม้แข็งของเขาแล้วตั้งใจฟัง
แพขนตางอนยาวกะพริบปริบๆ พยักหน้าเข้าใจเพราะเคยฟังมาบ้างแล้ว
“อ๋อ...พ่อเคยสอนค่ะ จุ๋มจิ๋มเป็นของผู้หญิง” ใบหน้าเล็กพยักเร็ว สีหน้าแสดงความเข้าใจ
“หนูร้อยเคยเห็นในรูปค่ะ ไม่เคยเห็นของจริง...” เอียงหน้าไปมา ขณะกำลังเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดสมาธิ ท่าทางจริงจัง เนื้อตัวเปียกน้ำเมื่อครู่เริ่มแห้งสนิทเพราะขึ้นมานั่งนานแล้ว
“หนาวแล้วล่ะสิ กลับกันเลยไหม” ธิษน์รีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศแบบนี้
แม้ทั้งสองคนจะสนิทกันมากแต่หนูน้อยเริ่มโตเข้าสู่วัยสาวแล้ว การจะถึงเนื้อถึงตัวแบบเมื่อก่อนคงไม่เหมาะนัก อีกทั้งเนื้อตัวบอบบางนั้นเริ่มซีดสั่นจากลมเย็นๆ ที่พัดเอื่อยๆ ตลอดเวลา ธิษน์เกรงว่ายัยตัวเล็กจะไม่สบายเอาได้
“กลับก็ได้ค่ะ หนูร้อยหนาวแล้วเหมือนกัน...แต่พี่ธิษน์คะ” เสียงเล็กตอบรับ ท้ายประโยคเธอยิ้มซุกซนแถมน้ำเสียงนั้นเอ่ยขึ้นอย่างนึกสนุก
“หนูร้อยอยากเห็นเจ้าจ้อยของพี่ธิษน์อะ...ขอดูนิดนึงได้ไหมคะ” ทำมือป้องปากส่งเสียงกระซิบกระซาบอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาสุกใสในแบบที่คนมองใจละลาย
ร่างใหญ่ที่กำลังยืดตัวลุกขึ้น ยืนแข็งค้างทันทีเมื่อได้ยินประโยคร้ายกาจของยัยเด็กทะลึ่ง
ธิษน์ยกมือเท่าเอวส่ายหน้าไปมา นึกในใจว่าจะปฏิเสธอย่างไรดี เพราะน้ำเสียงออดอ้อนเจ้าเล่ห์แบบนี้ ทำเขาใจอ่อนได้ทุกครั้ง แล้วดูคนอ้อนก็ขยับมายืนชิดติดขอบจอซะขนาดนั้น หนทางบ่ายเบี่ยงถูกปิดตายทุกประตู
และไม่ทันที่เขาจะได้ตอบอนุญาตหรือไม่ มือเล็กทั้งสองก็เอื้อมมาดึงกางเกงบ๊อกเซอร์รูดลงไปกองอยู่กับหน้าขา ลมเย็นปะทะวูบเข้ามาทำร่างของเด็กหนุ่มถึงกับยืนแข็งทื่อ ขนลุกซู่ไปทั้งตัว บ่นในใจว่าไอ้ลมบ้านี่มันจะพัดแรงอะไรตอนนี้
ธิษน์พยายามสูดหายใจลึกเพื่อระงับความรู้สึกวาบลึกที่มันปะทุเข้ามากะทันหัน ศีรษะได้รูปค่อยๆ ก้มลงต่ำ แอบภาวนาในใจว่าขออย่าให้เจ้าจ้อยของเขามันตื่นตกใจจนกลายร่างเป็นท่อนไม้ไปอีกก็แล้วกัน