เพราะพ่อกำชับไว้เรื่องการออกจากบ้านตอนกลางคืน นั่นเลยทำให้ฉันต้องรอจนทุกคนในบ้านหลับกันหมดก่อน ถึงสามารถย่องออกจากห้องของตัวเองทั้งชุดนอน ลงมาเปิดตู้เย็นหยิบนมขวดขนาดพอดีติดมือ คู่กับขวดขนาดเท่านิ้วก้อยซึ่งรรจุน้ำหวานจากเกสรดออกกุหลาบที่แม่เตรียมไว้ให้ ออกจากบ้านไปพร้อมกับถังไม้ใบใหญ่ โดยไม่ลืมที่จะพกไฟฉายติดตัวไปด้วย
ภายในป่าสนช่วงเวลากลางคืน ไม่ได้สวยงามหรือน่าเดินเล่นแบบช่วงกลางวันนัก ป่าอย่างไรก็คือป่า เต็มไปด้วยสัตว์ดุร้ายและสัตว์มีพิษ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงต้องพกไฟฉายติดตัวออกมาด้วย
‘Sss…ชุดนอนสวยจังโบอา...’ เดินทิ้งห่างออกจากบ้านมาได้สักพัก ฉันก็ได้ยินเสียงของงู ราวกับพวกมันกำลังทักทายและชวนคุยเพื่อไม่ให้ความเงียบและบรรยากาศวังเวงภายในป่าดูน่ากลัวจนเกินไป
‘Sss…ออกไปหาไพธอนเหรอโบอา’
“ใช่ เขาอยูไหน”
‘…ต้นโอ๊ค...Sss…’ และฉันคิดว่าตัวเองกำลังใกล้เป็นบ้าไปทุกขณะที่ดันตอบโต้กับเสียงงูเหล่านั้นทั้งที่ไม่เห็นตัวพวกมัน แต่อย่างน้อยถ้อยคำที่พวกมันใช้สื่อสารก็ดูให้เกียรติและเป้นมิตรมากกว่าคำพูดของมนุษย์เผ่าพันธุ์เดียวกันเป็นไหนๆ
ตึก... ตึก...
ฉันใช้เวลาเดินจ้ำเท้าผ่านความืดพร้อมไฟฉายคอยส่องทางอยู่เกือบๆ 5 นาที และพาตัวเองมาถึงที่หน้าต้นโอ๊คใหญ่ สถานที่นัดพบกับงูตัวใหญ่ในที่สุด
“ธอน!” การเรียกชื่อหาบุคคลที่นัดกันไว้จึงเป็นสิ่งแรกที่ฉันต้องทำ เมื่อจัดการวางข้าวของทั้งหมดที่เตรียมมาตามคำสัญญาลงกับพื้น “ฉันมาแล้ว ธอน!”
หากแต่เสียงเรียกของฉันดันไร้การตอบโต้ใดกลับมา เสียงงูซึ่งเคยทักทายตลอดช่วงที่ก้าวเท้าพาตัวเองมาที่นี่ก็เงียบลง จำต้องส่องไฟฉายไปรอบๆ บริเวณโดยหันหลังพิงกับต้นโอ๊คเอาไว้ แต่แล้วในตอนนั้นเอง เมื่อแสงของไฟฉายสาดส่องขึ้นไปยังกิ่งก้านใหญ่ๆ ของต้นโอ๊คด้านบน ฉันก็ต้องสะดุ้งตัวโยน เมื่อแสงดังกล่าวสะท้อนกับแววตาสีอัญมณีของพญางูตัวใหญ่ซึ่งนอนขดตัวอยู่บนกิ่งไม้เงียบๆ
ธอนในสภาพของงูตัวใหญ่สีดำกลืนกินกับบรรยากาศรอบตัวค่อยๆ ห้อยหัวลงจนระดับสายตาของเราอยู่ในระนาบเดียวกัน ฉันไม่เห็นสีหน้าเขาหรอก นอกจากนัยน์ตาของงูสีสวยและลิ้นสองแฉกที่เขาแลบออกมาตลอดการมองหน้า ซึ่งไม่ใช่กับเสียงของเขาซึ่งดังก้องเข้ามาในหู เหมือนงูเจ้าอารมณ์
‘Ssss…ฉันให้งูไปตามเธอ...ทำไมยังมาช้าอีก...’ นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนที่ฉันเรียก เขาถึงไม่ยอมตอบ
“พ่อสั่งไม่ให้ออกจากบ้าน ต้องรอพวกเขาหลับกันก่อน...” อีกครั้งที่ฉันกำลังทำตัวคนสติไม่ดี พูดคุยกับงูเสมือนว่ามันคือมนุษย์ด้วยกัน
ธอนไม่ได้ว่าอะไรหลังจากได้รับคำตอบ แต่เขาเลือกที่ค่อยๆ เลื้อยละลำตัวขนาดใหญ่ลงมาขดตัวกองอยู่บนพื้นหญ้าตรงหน้า ก่อนเบนสายตาไปยังข้าวของที่ฉันเตรียมมาและวางไว้บนพื้นหญ้าข้างกาย
‘...เอาของที่บอก...มาครบหรือเปล่า...Sss โบอา...’
“ฉันเอามาแค่ที่นายบอก นม ถังไม้แล้วก็น้ำหวานเกสรกุหลาบ” สิ้นเสียงพญางูตัวใหญ่ก็หันหัวกลับมาจ้องหน้าฉันอีกครั้งก่อนเอ่ยปากสั่ง
‘เทนม....ใส่ถังไม้สิ...โบอา...Sss’ คำสั่งของธอนมันก็ดูไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก ซึ่งฉันเต็มใจที่จะทำทันทีโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยซ้ำ หากแต่นั่นไม่ใช่เสียงที่ดังก้องเข้ามาในหัวเป็นหนที่สองหลังจากถังไม้ถูกเทนมใส่ลงไป ‘Ssss….แล้วก็...ถอดชุดนอนที่ใส่อยู่....ออกให้หมด’
อาจเพราะว่าฉันเอาแต่ยืนนิ่งไปเพราะคำสั่งสุดท้ายจากอสรพิษตรงหน้า นั่นเลยทำให้ท่ามกลางความเงียบได้เกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้นอีกครั้ง
เมื่องูใหญ่ตรงหน้าค่อยชูหัวสูงขึ้นจนเหนือศีรษะ ผิวหนังซึ่งเคลือบและฉาบไปด้วยเกล็ดงูสีดำสนิทค่อยๆ เปลี่ยนกลายสภาพเป็นผิวหนังของมนุษย์อย่างช้าๆ หัวใหญ่โตของเริ่มเปลี่ยนรูปร่าง เกล็ดหนา แข็งสีดำค่อยๆ เจือจางลงราวกับกลมกลืนหายไปกับพื้นผิว ที่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนก็คงเป็นนัยน์ตาสีอัญมณีคู่สวยแสนดึงดูดตรงหน้าเท่านั้น และฉันรู้จักเขาดี
ในฐานะของผู้ชายชื่อ ธอน เฮนเลย์...
“ดื้อ...จังนะ โบอา...” ธอนในสภาพของมนุษย์เอ่ยปากขึ้น ก้าวเท้าเข้ามาหาหนึ่งก้าว ขณะจ้องตากลับมานิ่งๆ ด้วยอากัปกิริยาเฉกเช่นเดียวกับงู “เป็นเด็กดีสิ...พี่สัญญา ว่าจะทำโบอาเป็นผู้หญิง...ที่สวยและมีความสุขที่สุด”
ท่ามกลางความตะลึงงันจากภาพน่าเหลือเชื่อตรงหน้า ฉันได้ยินเสียงของธอน และรับรู้ได้ถึงฝ่ามืออุ่นซึ่งจงใจเอื้อมจัดการปลดกระดุมชุดนอนที่สวมใส่อยู่ ออกอย่างช้าๆ หากแต่ร่างกายเหมือนถูกแช่แข็งด้วยแววตาคู่เดิมจนไม่กล้าเอื้อยเอ่ยหรือปฏิเสธความหวังดี
ทีละเม็ด ทีละเม็ด...
มือของเขาทั้งสองข้างแทรกผ่านสาปเสื้อและจัดการแหวกชุดนอนเพียงชิ้นเดียวให้หลุดออกจากผิวกาย ธอนทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้า ไม่รีบร้อน สายตาเขาไม่ได้มองไปทางอื่นเลยนอกจากหน้าฉันซึ่งยังแฝงไว้ด้วยอาการช็อก ความสงสัย และความตกใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
และความอาย...
ปุบ...
ทันทีที่อาภรณ์ชิ้นสุดท้าย ร่วลงไปกองกับพื้นหญ้า ฝ่ามือเดินที่เคยปกป้องก็เอื้อมแตะลงอย่างแผ่วเบาข้างแก้ม และมันคงเป็นช่วงเวลาเดียวที่ธอน เฮนเลย์ละสายตาไปจากหน้าฉัน ก้มกวาดสำรวจไปตามเรือนร่างไร้อาภรณ์นุ่งห่มใดๆ ก่อนเอ่ยปากชม
“ร่างกายเปล่าๆ ของเธอสวยมาก...รู้ตัวหรือเปล่า โบอา...” ฉันเริ่มเกิดอาการเกร็งตึงไปเสียทุกส่วน ทั่วหน้าเองก็เริ่มร้อนจนเหมือนเสียการควบคุมแทบจะวินาทีเดียวกับที่คนตัวใหญ่จงใจใช้ข้อนิ้วเลาะไปตามโครงหน้า ไล่ลากลงต่ำไปทุกตารางนิ้วบนผิว ก่อนยอมละออกไป เพื่อก้มเก็บขวดใส่ที่ฉันเตรียมมือแล้วยื่นมันส่งมาให้
“ถือไว้...โบอา” แม้จะเกร็งและกลัว แต่เวลานี้ฉันก็เริ่มรู้สึกอายไปด้วยเช่นกัน เพราะร่างกายทุกส่วนตอนนี้ กำลังถูกสายตาคู่เดิมกวาดมองสำรวจไปทั่วไป ไม่ต่างอะไรจากนางระบำเปลือยที่เคยดูผ่านหนังเลยสักนิด
ฟึ่บ...
อีกครั้งที่ธอนคว้ามือจับฉันพาไปยังถังซึ่งถูกเทนมใส่ไว้ ถึงแม้จะถูกสายตาคู่นั้นมองสำร่างกายบ่อยๆ หากแต่เขาไม่ได้แสดงกิริยาหรือทำอะไรให้รู้สึกว่าเขาไม่ประสงค์ดีกับร่างกายฉันเลยสักนิด
ธอนให้เกียรติและรักฉันในฐานะน้องสาวตามอย่างที่ปากพูดมากพอที่จะไม่ทำอะไร...
เมื่อเท้าสองข้างก้าวเข้าไปยืนเหยียบน้ำนมภายในถัง ชายตัวสูงที่คอยจัดการทุกอย่างให้ก็กลับคืนสภาพกลับกลายเป็นอสรพิษสีดำน่ากลัวอีกครั้ง ครั้งนี้มันไม่ได้ตัวใหญ่เหมือนอย่างที่เคยเห็น หากแต่ตัวเล็กกว่าในครั้งแรกมากนัก
ธอนในสภาพงูค่อยๆ เลื้อยไต่ลงมาภายในถังผ่านปลายเท้า ราวกับกำลังใช้ร่างกายตัวเองคลุกแช่ไปกับน้ำนม ฉันไม่เข้าใจตัวเองว่าตอนนี้กำลังเป็นอะไรไป ทั้งที่อยู่ในสภาพน่าอายมากแท้ๆ แต่กลับเอาแต่ยืนนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวคล้ายกับถูกแช่แข็งให้รองรับในสิ่งที่ธอนต้องการจะทำ
“อะ...” เสียงร้องเล็กๆ หลุดดังลอดผ่านไรฟังเมื่อรู้สึกถึงความเหนอะแฉะจากน้ำนมสัมผัสแตะบริเวณข้อเท้าก่อนที่มันจะเริ่มลุกลาม
เมื่องูตัวขนาดพอดีเลื้อยพันเลี้ยวขาทั้งสองข้างรวบชิดกัน ไล่ระดับสูงขึ้นไปตามขา ผ่านสะโพก เอว และหน้าอก การที่เป็นแบบนั้นมันเลยทำให้ร่างกายเผลอสั่นเกร็งด้วยความกลัว แต่ขณะเดียวกันมันก็ดันเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น
ยิ่งในตอนที่ร่างกายถูกงูที่ฉันรู้จักดีรวบรัดเรือนร่างเปล่าเปลือยไว้ทุกส่วน โดยยืนส่วนหัวขึ้นสบตาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ อีกทั้งยังกล่าวคำสัญญา
“Ssss...ผิวสีน้ำผึ้งแสนสวยนี่...จะถูกทุกคนจดจำและจดจ้อง...Ssss…หลังคืนนี้ไป...เธอจะเป็นผู้หญิงที่งดงามและมีเสน่ห์ที่สุดในเมือง...”
ใจฉันมันเต้นไม่ไม่หยุดเลยเมื่อได้ฟังสัญญาของธอนแบบนั้น และเหมือนเดิมฉันไม่ได้รู้สึกว่าเขาหวังร้ายตรงไหน...
“เอาล่ะ...Ssss…หลับตาสิ...โบอา”