“ธ...ธอน เฮนเลย์...”
‘Ssss…ฉลาดมากโบอา...’ งูยักษ์เบื้องหน้าเอ่ยชมคล้ายกับพึงพอใจที่ได้ยินเสียงขานชื่อเช่นนั้น มันชูหัวขนาดใหญ่ขึ้นตรงหน้าและทำท่าจะเลื้อยเลาะออกจากต้นโอ๊คใหญ่
การที่เป็นเช่นนั้นมันเลยทำให้ฉันพลั้งปากสั่งออกไปเสียงดัง พลางยกมือห้ามอีกแรงด้วยความรู้สึกสับสนและหวาดระแวง ไม่ได้มองงูใหญ่เบื้องหน้าเพราะไม่อยากเห็นแววตาที่คล้ายคลึงกับระหว่างงูและเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมาวันนี้
“หยุดนะ! อย่าเข้ามา!” บอกตามตรงว่าฉันไม่สามารถปะติดปะต่อทุกเรื่องเข้าด้วยกันและทำใจให้เชื่อไม่ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันคือเรื่องจริง
นี่น่ะ มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
หลังเสียงปรามดังกล่าวเงียบลงไปราวๆ 1 นาทีตามความรู้สึก ทุกสิ่งทุกเสียงรอบกายก็เงียบตามลงไปเช่นกัน ด้วยสถานการณ์รอบตัวเป็นเช่นนั้น ฉันจึงตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองอสรพิษสีทมิฬตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนพบว่ามันกำลังรัดต้นโอ๊คเอาไว้ดังเก่าด้วยทีท่านิ่งงันเหมือนถูกแช่แข็ง
หากแต่ดวงตาทรงเสน่ห์คู่นั้นยังคงจ้องมองตาแป๋ว บริเวณปลายหางขนาดใหญ่ของมันกำลังสั่นเหมือนกับพวกลูกสุนัขลูกแมวที่กระดิกหางรอรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย ภาพตรงหน้าไม่ได้ดูน่ารักสักนิด กลับกันเลยด้วยซ้ำ
แต่มันก็เป็นสัญญาณที่ดีบอกให้รู้ว่าเขากำลังฟังคำสั่งจากฉัน...
“ถะ ถะ ถ้านายคือ...เฮนเลย์...” ฉันพึมพำด้วยอาการเหมือนคนสติแตก แต่กลับกันงูตัวใหญ่ที่นิ่งไปกลับผงกหัวคล้ายกับตอบรับเสียงพึมพำนั่น “งะ งั้นเด็กใหม่...ก็คือ....งะ งูงั้นเหรอ”
‘Sss…ใช่...’
เสียงหนักแน่นซึ่งตอบกลับมาทำฉันเหมือนคนสติแตก พูดอะไรไม่ออก ขาสองข้างที่เคยมีเรี่ยวแรงจู่ๆ ก็ทรุดฮวบลงไปนั่งกับพื้น
‘Sssss…โบอา เป็นอะไร...’ อีกครั้งที่เสียงของงูยักษ์ตรงหน้าดังขึ้น มันทำท่าจะเลื้อยเข้ามาหา ซึ่งมันก็เป็นอีกครั้งที่ฉันยกมือห้ามแล้วตะคอกสั่งแบบไม่เต็มเสียง
“อยะ อย่าเข้ามา หยุดอยู่ตรงนั้นเลย...” คราวนี้ตอนสั่งฉันก็มองจ้องงูตัวใหญ่ตรงหน้าไปด้วย ก่อนพบความน่าประหลาดใจ เมื่อมันยอมหยุดชะงักแทบจะทันทีหลังสิ้นเสียง
ปุบ!
มันทิ้งส่วนหัวกับลำตัวยืดยาวออกนอกลำต้นของต้นโอ๊คหมอบลงกับพื้น จ้องและส่งเสียงขู่แบบงูในลำคอ พานให้ต้องอาศัยจังหวะช่วงที่งูตัวดังกล่าวเหมือนเชื่อฟังเอ่ยถามออกไปอย่างร้อนรนโดยยังไม่คลายอาการช็อกที่มี
“หนะ นี่เป็นความฝันอีกแล้วใช่ไหม?”
‘Ssss…มันไม่ใช่ความฝันอีกแล้ว...โบอา’ สัตว์เลือดเย็นตรงหน้าให้คำตอบทั้งที่มันยังหมอบอยู่บนพื้นหญ้าเช่นนั้น ‘...ฉันมาเพื่อดูแลเธอ..Sss...รอคอยมานานแล้วรู้หรือเปล่า...’
“คะ คอยอะไร...” สมองตอนนี้ว่างเปล่า แต่ปากยังคงขยับถามและยังรับรู้ถึงเสียงของมันในหัวได้เท่านั้น
‘Ssss…คอยที่จะได้อยู่ใกล้...ดูแล...น้องสาวอย่างเธอ...’ เสียงของมันดังก้องอยู่ในหัว ชันเจนจนคล้ายกับเป็นการทบทวนเรื่องราวในความฝัน บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งคู่ที่มีเลือดเนื้อและสายพันธุ์ต่างกันออกไป ‘…ทนไม่ไหวที่ต้องเฝ้ามอง...เห็นคนรักถูกรังแก...Sss’
ตอกย้ำให้รู้ว่าเราทั้งคู่คือพี่น้องที่เกิดลืมตาดูโลกในวันเดียวกัน
‘Sss…ไม่ต้องกลัว...พี่แค่อยากดูแลเธอเท่านั้น โบอา’ เขาคือ ‘ไพธอน’ งูที่ใครๆ ต่างเล่าขานกันว่าเลื้อยรัดคอฉันออกมาในวันที่ที่เกิด ส่วนฉันคือ ‘โบอา’ น้องสาวของงู...
'Sssss...เป็นเด็กดี เชื่อฟัง พี่จะทำให้โบอา เป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในเมืองนี้...' พญางูสีทมิฬพูดเช่นนั้นและแสดงเจตจำนงของตัวเองหลังจากอธิบายทุกเรื่องด้วยการขดตัวชูหัวเพียงเพื่อให้ระดับสายตาของเราอยู่ในระนาบเดียวกันแต่เพียงเท่านั้น
“หมะ หมายความว่าไง!?” มันอาจดูบ้าที่วูบหนึ่งในหัวดันคล้อยตามคำบอกเล่าของงูใหญ่ตรงหน้าจากการปะติดปะต่อเรื่องราวในความฝัน แต่การโต้ตอบระหว่างเรา มันไม่เหมือนการพูดคุยกันของมนุษย์ ที่พอจับผิดฝ่ายตรงข้ามจากทางสีหน้า เวลานี้ฉันเห็นแค่นัยน์ตาสีสวยกับความเงาเลื่อมของเกล็ดงูสีดำสนิทเพียงเท่านั้น...
‘Sss...จะไม่มีใคร กลั่นแกล้งหรือทำร้ายของสาวของพี่ได้อีก...’ โดยไม่อาจคาดเดาจากสีหน้าได้ว่า ในหัวของงูตัวใหญ่ตรงหน้ากำลังหวังดีหรือหวังร้ายอยู่กันแน่
‘Sss..ในคืนที่พระจันทร์ทอแสงทองอร่าม...เพียงแค่ปลดเปื้องอาภรณ์บนร่างกายออก...Sss ทุกอย่างในชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาล...’