อนามิกาขับรถกลับบ้านไปคิดหาเจ้าเพื่อนปริศนาคนนั้นไปอย่างครุ่นคิด มันจะมีใครอีกนะที่เป็นเพื่อนกันแล้วอยู่ด้วยกัน ก็หล่อนกับเพื่อนที่อยู่บ้านเดียวกันจบคอนแวนต์และมหาวิทยาลัยมาจากฝรั่งเศสแล้วจะมามีเพื่อนที่อยู่ด้วยกันแล้วยังโสดได้ยังไงนะเมื่อเพื่อนร่วมก๊วนมันเริงร่าลั่นล้าอยู่ฝรั่งเศสกันหมด
เจ้าแม่บอกว่าเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมันก็มีแค่เพื่อนสนิทหล่อนที่ตอนนี้แต่งงานออกเรือนไปเรียบร้อย และก็พี่พรีมพี่สาวคนสวยของเพื่อนหล่อน
“”เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนพี่พรีม เพื่อนที่อยู่ด้วยกัน พี่พรีมอยู่บ้านด้วยกัน” อนามิกาพูดขึ้นมาลอยๆ
กรี๊ดดดดดดดดด อนามิกากรี๊ดลั่นรถอย่างดีใจมือฟาดพวงมาลัยจนแตรดังปริ๊นๆๆๆ ลั่นถนน คุณตำรวจจราจรที่ยืนอยู่แถวนั้นมาเคาะกระจกถามด้วยความห่วงใยประชาชน
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณ”
“เปล่าค่ะ ขอโทษนะคะฉันเผลอไปนิดหน่อย”
“คราวหลังก็อย่าเผลอตบแตรรถบ่อยๆ นะครับรถคันอื่นที่เขาอารมณ์เสียเขาอาจจะทำร้ายร่างกายคุณเอาได้”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณตำรวจ”
อนามิกาตะเบ๊ะท่าให้ตำรวจ เลื่อนกระจกขึ้นแล้วกรี๊ดคนเดียวต่ออีกเบาๆ ด้วยความดีใจ ในที่สุดก็หาเพื่อนคนที่เจ้าแม่พยายามจะบอกได้แล้ว คราวนี้ก็เหลือเพียงแต่จะหาชุดแต่งงานรอเจอเนื้อคู่เท่านั้น
“โอ้ว รักแท้จะมาถึงเราแล้วหรือนี่” ดวงตาของอนามิกาคลอด้วยความปิติ ในที่สุดหล่อนก็ทางปีนลงจากคานเจอแล้ว
อนามิกาจะทำให้พี่พรีมมีความรักไห้ได้เพราะความสำเร็จครั้งนี้มีคู่แท้ของหล่อนเป็นเดิมพัน
“ข้าเห็น ข้าเห็นว่ายังมีอีกคนที่อยู่ใกล้ชิดเจ้า เจ้าต้องตามหาความรักของเขาคืนมา เอารักเขาคืนมาแล้วรักแท้เจ้าจะอยู่ที่นั่น ข้าเห็น ข้าเห็น” เสียงเจ้าแม่ดังกึกก้องกังวาน อนามิกาไหว้รับคำ เจ้าค่ะเจ้าแม่ เจ้าค่ะๆ
“ฟ้า ฟ้า ฟ้าเป็นอะไร”
เมื่อมีแรงเขย่าพร้อมกับเสียงเรียกจากคนที่เพิ่งมาใหม่ อนามิกาลืมตาจากผุดลุกจากโซฟาห้องรับแขกที่หล่อนอาศัยนอนรอพี่พรีมกลับมาจากโรงพยาบาลเพื่อที่จะคุยเรื่องความรักของพี่พรีม ลืมตาขึ้นมาก็เห็นดวงหน้าสวยหวานของพี่พรีมก้มลงมองหล่อนอยู่ด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“อะ เอ่อ สวัสดีตอนดึกค่ะพี่พรีม”
“ฟ้าเป็นอะไรเหรอ มานอนที่โซฟาพี่พยายามปลุกให้ไปนอนบนห้องฟ้าก็ไหว้พี่บอกเจ้าค่ะ เจ้าค่ะเฉยเลย” พี่พรีมพี่สาวของชะเอมเพื่อนสนิทของอนามิกาถามกลั้วหัวเราะ
เมื่อก่อนมีอนามิกา พี่พรีม ชะเอมอยู่บ้านหลังเดียวกัน อนามิกาช่วยให้ชะเอมสมหวังในรักจนแต่งงานไปบ้านนี้จึงเหลือแต่อนามิกาและพี่พรีมเท่านั้น
อนามิกาเห็นหน้าที่เหนื่อยจากการรักษาคนไข้มาครึ่งค่อนคืนของพี่สาวเพื่อนที่หล่อนรักราวกับพี่สาวตัวเองแล้วก็กลืนคำพูดที่จะถามทุกอย่างลงคอไป พี่พรีมเป็นหมอเรียนวิทยาศาสตร์มาคงจะหาว่าหล่อนงมงายเป็นบ้าไปแน่ๆ อีกอย่างคนที่เฉยชากับความรักจนเหมือนหัวใจตายด้านอย่างพี่พรีม คงไม่เล่าเรื่องความรักให้ฟังง่ายๆ แน่
“ฟ้าทำงานมาเหนื่อยค่ะพี่พรีมเดินไม่ถึงห้องเดินมาล้มที่โซฟาเฉยเลย” อนามิกาโกหก หวั่นๆไม่รู้ว่าพี่พรีมจะเชื่อหรือเปล่า
“เป็นงั้นไป ทำงานอย่าหักโหมมากสิจ๊ะ”
“ค่ะ งั้นฟ้าไปนอนแล้วนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่พรีม”
“ฝันดีจ๊ะ”
ต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้าห้องนอน อนามิกากลับนอนไม่หลับ ครุ่นคิดที่จะหาทางล่วงรู้ความหลังของพี่พรีมมาให้ได้ในเวลาอันรวดเร็วโดยที่ไม่ถามเจ้าตัว
ในที่สุดความคิดของอนามิกาก็บรรเจิด เปลี่ยนแผนจากการสอบถามพี่พรีมมาเป็นถามน้องสาวพี่พรีมแทน
เช้าวันต่อมา อนามิกาจึงมาโผล่ที่เรือนหอของชะเอมหรือแก้วกันยากับสามี เพื่อเริ่มปฏิบัติการตามล่าหารักแท้ของพี่พรีมกลับคืนมา ซึ่งเมื่อคืนนี้อนามิกาก็ขบคิดมาแล้วว่า คำว่าตามหารักแท้คืนมาของเจ้าแม่ น่าจะเป็นการทำให้คนรักเก่ากลับมาคืนดี ดังนั้นอนามิกาจึงต้องรู้ให้ได้ว่าคนรักเก่าของพี่พรีมเป็นใคร แล้วอนามิกาก็จะไปทำหน้าที่เป็นกามเทพอุ้มสมอีกครั้ง คราวนี้ถ้าสำเร็จเนื้อคู่ของหล่อนก็จะมา อนามิกาหัวเราะร่าด้วยความดีใจในความชาญฉลาดของตัวเองอยู่คนเดียว
“เฮ้ย ไอ้ฟ้าแกเป็นอะไรเนี่ยนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว” ชะเอมที่เข้าไปเอาขนมมาต้อนรับเพื่อนกลับออกมาเห็นเพื่อนนั่งหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังจึงถามด้วยความแปลกใจ
“คืออย่างนี้แก......” อนามิกาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ชะเอมฟัง ผลก็คือชะเอมหัวร่องอหงายจนเกือบหายใจไม่ออก อนามิกาค้อนให้วงใหญ่ทำท่าจะงอนที่เพื่อนได้ดีแล้วไม่ช่วยเหลือ ชะเอมจึงต้องเป็นฝ่ายง้อให้อนามิกาพูดต่อจนรู้เรื่องราวทั้งหมด
“แล้วแกมาถามฉันเรื่องพี่พรีมฉันจะรู้ได้ไงยะ” ชะเอมโวยวายเมื่อฟังจบ “แกลืมไปแล้วเหรอว่าฉันกับแกเรียนที่เดียวกันตั้งแต่ชั้นมัธยมจนจบที่มหาวิทยาลัยอยู่ด้วยกันตลอด ถ้าแกไม่รู้แล้วฉันจะรู้เรอะ”
“เออ นั่นสินะแล้วฉันจะทำยังไงดีเนี่ย” อนามิกาเริ่มท้ออีกรอบ ความหวังที่เคยเรืองรองดับวูบไปชั่วพริบตา
“เดี๋ยวก่อน” ชะเอมทำท่านึกออก “พี่พรีมชอบเป็นคนที่จดบันทึกและเก็บพวกโปสการ์ดกับสิ่งของเก่าๆ ที่เป็นความทรงจำเอาไว้ แกจำได้ไหมตอนเราอยู่ฝรั่งเศสเราเขียนส่งมาให้พี่พรีมตั้งหลายใบพี่พรีมเก็บไว้อย่างดีเรียงวัน เวลา วันที่ เรียบร้อยเลย”
“แล้วมันเกี่ยวกับคนรักยังไง ฉันไม่เข้าใจ”
“แหม แกก็คิดดีๆ สิถ้าพี่พรีมเคยมีคนรักก็ต้องมีหลักฐานที่เกี่ยวกับคนรักหลงเหลืออยู่บ้างนั่นแหล่ะ”
“จริงสิ แล้วเราจะเอามายังไง อย่าบอกนะว่าต้องไปขอดูพี่สาวแกคงจะยอมหรอก”
“เฮ้อ แกก็ไปแอบค้นดูสิ ตอนนี้เลยก็ได้ไปฉันไปช่วยหาดู” ชะเอมอาสาช่วยอีกแรง อนามิกาน้ำตาคลอมองเพื่อนอย่างซาบซึ้งในบุญคุณ
สองสาวค้นหาทั่วห้องอยู่เป็นนานก็ได้หลักฐานมาสมใจ กล่องกระดาษสีชมพูซีด บ่งบอกระยะเวลาของมันได้เป็นอย่างดี ในกล่องมีไดอารี่ จดหมาย และรูปถ่ายที่พรีมพริมาเก็บไว้ช่วงเวลาที่ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ และมีเวลาระบุไว้ชัดเจนที่ฝากล่องมีลายมือหวัดๆ อ่านยากๆ ตามประสาคนเป็นหมออย่างพรีมพริมาเขียนไว้ว่า
.........The memory ความทรงจำดีๆ ที่คงไม่ย้อนกลับมา..........
ทั้งสองคนจึงช่วยกันอ่านและหาข้อมูลจากไดอารี่ด้วยความรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ละลาบละล้วงเรื่องของพี่สาวคนดี แต่เพื่อความสุขสมหวังของคนสองคู่ ความผิดนี้จึงดูน้อยนิดไปเลย
“ไม่อยากจะเชื่อนะว่าพี่พรีมนี่ก็เจ้าคารมเอาการนึกว่าไม่เคยสนใจอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ” แก้วกันยาปิดหน้าไดอารี่ที่อ่าน ความอบอุ่นในความรู้สึกของพี่สาวขณะนั้นสว่างวาบในหัวใจ ก่อนที่จะแปลเปลี่ยนเป็นความเศร้าหมองมาแทนที่ เมื่อเนื้อหาหวานๆ ของไดอารี่กลายเป็นเรื่องน่าเศร้าของคนรักสองคน และความรู้สึกของพี่พรีมที่ไม่เข้าใจว่าคนรักเป็นอะไรโกรธอะไรถึงได้เหินห่างไปแต่ก็ไม่กล้าถามได้แต่เก็บงำความเสียใจเอาไว้คนเดียว และต่อมาก็เป็นความเจ็บปวดของพี่พรีมที่บรรยายขึ้นมาว่าคนรักไปมีคนใหม่ และช่วงสุดท้ายก็เป็นความหม่นเศร้าของพี่พรีมที่บรรยายลงไป ก่อนที่หน้าสุดท้ายของสมุดจะเขียนลงท้ายไว้ว่า
วันนี้ฉันจะเสียใจเป็นครั้งสุดท้าย... เรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมาที่ทำร้ายหัวใจฉันจะไม่อยู่ในสมองฉันอีกต่อไป... นับจากนี้ฉันจะลืมว่าเคยมีคนคนนั้นอยู่ในชีวิต และหัวใจของฉันจะปิดตายให้กับความรัก พอกันทีกับที่ผ่านมา...
เริ่มต้นชีวิตใหม่เถิดนะพรีม...
แก้วกันยาไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่พรีมมีเคยความรักและเป็นรักที่ผิดหวัง จนทำให้ไม่ศรัทธาในความรักอีกแล้ว
จากความเสียใจในวันนั้นพี่พรีมถึงกับหันหลังให้คำว่าความรัก ไม่สนใจใครที่เข้ามาหันมาดูแลน้องสาวอย่างเต็มที่และมุทำงานหนักเพื่อให้ตัวเองไม่ว่างพอที่จะมาหวนคืนถึงความหลัง แม้แต่งานเลี้ยงรุ่นพี่พรีมยังพยายามหลีกเลี่ยงทุกปี เพื่อนที่เรียนมาด้วยกันและรู้เรื่องของพี่พรีมพี่พรีมก็ไม่อยากเห็นไม่อยากคบเพราะไม่อยากให้ใครได้ถามถึงเรื่องเก่าๆ ให้ความเจ็บปวดย้อนกลับคืนมาหา ในไดอารี่เล่มถัดมาที่พรีมพริมาใช้จดบันทึกเรื่องราวส่วนตัวเขียนไว้อย่างนั้น
แม้ว่าเรื่องราวความรักครั้งเก่าของพี่พรีมจะปรากฏแต่อนามิกากับชะเอมก็ไม่ได้ลงมือในแผนต่อไปทันทีเพราะไม่รู้ว่าจะหาตัวคนที่พี่พรีมรักคนนี้ได้ยังไง จากการประมวลผลข้อมูลในกล่องสีชมพูทั้งหมดทั้งสองรู้แค่เพียงว่าคนรักเก่าของพี่พรีมชื่อหมอต้น ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง จดหมายที่ทั้งสองเขียนหากันก็ไม่ได้จ่าหน้า ที่ยังพอมีให้ใจชื้นหน่อยก็น่าจะเป็นรูปถ่ายคู่ที่เห็นใบหน้าของหมอต้นชัดเจนหลายใบที่ซ่อนอยู่ในไดอารี่เล่มหนาที่ห่อเอาไว้เป็นอย่างดี รูปพวกนี้คงเป็นรูปที่พรีมพริมานั้นตัดใจทิ้งไม่ลงแต่ก็ไม่อยากเห็นเลยเอามาปิดผนึกเก็บไว้ แต่ทั้งสองก็จนปัญญาอยู่ดีจะให้ใช้รูปตามหาคนนี่มันยากเอาการอยู่
มิน่าเล่า เจ้าแม่ถึงบอกให้หล่อนรีบทำก่อนจะสายไปเรื่องมันยากแบบนี้นี่เอง อนามิกาคิดในใจพลางเค้นความรู้ในสมองเพื่อหาวิธีการที่ดีที่สุด
“เราไม่เคยรู้จักเพื่อนสนิทพี่พรีมที่เรียนที่เดียวกันเลยเพราะพี่พรีมหลีกหนีคนพวกนั้น เพื่อนที่คบๆ กันในโรงพยาบาลแล้วเรารู้จักก็จบมาจากที่อื่นก็คงไม่รู้เรื่องพี่พรีมกับหมอต้น จากที่อ่านไดอารี่แล้วฉันว่าหมอต้นต้องเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับพี่พรีม งั้นเราต้องไปหาคนซักคนที่เรียนรุ่นเดียวกันกับพี่พรีม คนคนนั้นจะต้องให้คำตอบเราได้” อนามิกาวิเคราะห์
“แล้วแกจะทำยังไงต่อ”ชะเอมถาม
“ช่วยให้สองคนนั้นคืนดีกันยังไงล่ะ” สายตาคู่สวยมีประกายขึ้นอีกครั้ง
ส่วนแก้วกันยาเองก็อยากให้อนามิกาทำสำเร็จเพราะว่าหล่อนอยากให้คนที่คล้ายหุ่นยนต์ขึ้นไปทุกทีอย่างพี่สาวของหล่อนนั้นได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง...
แต่มันก็ยังไม่ง่ายซะทีเดียว
“แต่แก... แกคิดจะให้เขาคืนดีกันเหรอ อ่านมาแค่นั้นก็รู้ว่าหมอต้นเลวแค่ไหน ทั้งทิ้งพี่พรีมทั้งมีคนใหม่นะ”
“แกอ่านตอนแรกดีๆ สิ แล้วแกจะรู้ว่าหมอต้นดีแค่ไหน ทุกอย่างที่เขาทำฉันคิดว่าหายากที่จะมีผู้ชายที่ทำให้คนที่ตัวเองรักขนาดนี้ ฉันว่าเรื่องการเลิกมันต้องมีเงื่อนงำ อย่างเช่นหมอต้นเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เลยจ้างคนอื่นมาควงเพื่อบอกเลิกไม่ให้พี่พรีมเสียใจไง”
“เวอร์ นั่นมันก็นิยายเกินไป”
“อ๊ะ ใครจะไปรู้ ฉันว่าเราอย่าเพิ่งปิดหนทางเดียวที่มีของเราเลยน่า ยังไงเราก็ต้องรู้ได้ได้ก่อน เรื่องอื่นค่อยตามมาทีหลัง...”
“อืมๆ ถ้าแกคิดอย่างนั้นฉันก็เอาด้วย”
ในที่สุดอนามิกาก็ทำสำเร็จแม้จะกินเวลามาหลายวันแต่หล่อนก็ได้ข้อมูลทุกอย่างมาครบถ้วน หมอต้นทำงานเป็นหมอเฉพาะทางด้านกุมารเวชที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ กับโรงพยาบาลของพี่พรีม อยู่ใต้จมูกนี่เอง หล่อนเพิ่งได้ข้อมูลสดๆร้อนมาจากคุณหมอรุ่นเดียวกันกับพี่พรีมที่หล่อนไปตามไปสอบถามถึงโรงพยาบาลห้วยนางเลิ้ง จังหวัดนราธิวาส เพิ่งลงจากเครื่องมาตอนสี่ทุ่มนี่เอง