วิษรุจที่นั่งดื่มมานับเป็นชั่วโมง ๆ จึงได้เดินมาเกาะอยู่ที่ประตู ตะโกนไปยังหมาที่กำลังส่งเสียงเห่า
“ไอ้ตุ๋ย ไอ้เต๋า หยุดเห่าได้แล้ว อะไรกันนักกันหนา เห่าเป็นหมาอยู่ได้” เขาชวนหมาทะเลาะ เสียงดังลั่นลิ้นพันกันไปหมด
ทอรุ้งเพ่งตามอง
วิษรุจไม่ใส่เสื้อ เขาใส่แต่กางเกงบอกเซอร์ตัวเดียว กล้ามเนื้อที่แผงอกเป็นมัด มีไรขนขึ้นอยู่เต็มไปหมด เธอเคยนั่งจ้องมองใบหน้าของเขา สีเขียวเข้มเต็มใบหน้าเหมือนหนวดกำลังจะขึ้นเป็นไรเรียงกัน วิษรุจเดินกลับเข้าไปในบ้าน เขาไม่มองไม่เห็นเธอด้วยซ้ำไป
ทอรุ้งยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เธอมาไม่ผิดบ้าน เด็กสาวเดินกึ่งวิ่งไปจนถึงตัวบ้าน เธอยืนเกาะขอบประตูแน่น
ภาพที่เห็นวิษรุจที่ยืนหันหลังให้กำลังเขย่าขวดวิสกี้เพื่อให้น้ำที่อยู่ในนั้นไหลลงในแก้วของเขาทุกหยด ก่อนจะยกกระดกมันขึ้นแตะริมฝีปากแล้วกลืนมันลงไปในลำคอ เขากระแทกแก้วในมือลงไปกับโต๊ะ อาจจะเพราะความเมามันกระเด็นกระดอนตกลงไปที่พื้น ดีที่เขามีพรมสีแดงชาดปูเอาไว้ ไม่อย่างนั้นแก้วใบนั้นคงจะแตกไปแล้ว
วิษรุจเดินโซซัดโซเซไปมุ่งหน้าไปยังโซฟาที่ตั้งอยู่มุมห้อง ทั้ง ๆ ที่มันไม่ไกล แต่เขากลับเดินหน้าก้าวถอยหลังสองก้าวอยู่แบบนั้น เมื่อไหร่มันจะถึง
ทอรุ้งทิ้งสัมภาระของเธอเอาไว้บนโต๊ะตัวหนึ่ง มองทนายหนุ่มด้วยความสงสาร แผลในหัวใจของเขาใหญ่โตถึงเพียงนี้เลยหรือ
กี่วันมาแล้ว นับตั้งแต่วันนั้น อย่าบอกนะว่าเขานั่งดื่มนั่งเมาอยู่ตรงนี้
"คุณรุจคะ คุณรุจเมามากเลยนะคะ" เสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลัง เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
วิษรุจหยุดฝีเท้า หันหน้ากลับมา ยืนโงนเงนเต็มที เขาหรี่ตาลงก่อนจะมองตอบทอรุ้งที่ยืนนิ่งจ้องหน้า
"ใช่ เมาแล้วเธอจะทำไม หือ..." เขายกนิ้วขึ้นชี้หน้า ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตาทั้งสองข้างอีกครั้ง
“คนหรือผี นี่เธอตามหาฉันถึงที่บ้านเลยหรือ เธอออกมาจากไอ้มือถือนั่นหรือไง” เขาถามประโยคที่ไม่น่าจะถาม
เด็กสาวเดินตรงเข้าไปหาเขา
วิษรุจยืนแทบไม่อยู่ทำท่าจะล้มลงไปนอนบนโซฟาในห้องรับแขก
ทอรุ้งรีบเข้าไปประคอง คนตัวใหญ่ร่างหนักมาก เธอแทบจะรับน้ำหนักของเขาที่ทิ้งตัวมาพาดแทบไม่ได้ เด็กสาวพยายามดันตัวเขาเอาไว้สุดกำลัง รีบเอ่ยปาก
"คุณรุจเข้าไปนอนที่ห้องเถอะค่ะ อย่ามานอนตรงนี้เลย"
เขาตาเขียวมองใบหน้าของเด็กสาวที่ตามตอแย นอกจากจะตามยุ่งเรื่องของเขาในมือถือ แม่นี่ยังโผล่มาหาเขาถึงที่บ้าน วิษรุจเอานิ้วชี้จิ้มไปที่ใบหน้าของเด็กสาว
"เธอนี่มันกล้าเนอะ ยังจะมาเอาหน้าที่เหมือนกันกับไอ้บ้านั่นมาให้ฉันเห็นถึงที่นี่อีกเหรอ นี่เธอโง่หรือแกล้งโง่กันแน่ เธอไม่รู้เลยหรือว่า ฉันเกลียดพี่ชายของเธอนักหนา มันแย่งเอาคนรักของฉันไป" วิษรุจตีลงไปที่หน้าอกของตัวเองปึก เหมือนจะบอกกับคู่สนทนาว่าเขาเจ็บปวดอยู่ข้างในนี้
"พี่ต๊ะไม่ได้แย่งสักหน่อย แต่คนคู่นั้นเขารักกัน" เธอโต้เถียงไปตามความรู้สึก และภาพที่เห็น กุหลาบแก้วไม่เอ่ยปากปฏิเสธพี่ชายของเธอสักคำ
วิษรุจเจ็บปวด การที่มีเด็กสาวมายืนเถียงเขาหน้าตาดื้อ ๆ ยิ่งทำให้เขาหัวเหวี่ยง
“ถ้าเธอคิดจะเข้าข้างพี่ของเธอ ทำไมต้องถ่อมาถึงนี่”
เขาชี้หน้าทอรุ้งอีกครั้ง
ทอรุ้งหน้าถอดสี เธอคิดว่าเธอไม่น่าจะรับมือกับคนขี้เมาที่ไร้สติและไม่มีเหตุผลคนนี้ได้
"ไอ้สิ่งที่พี่ของเธอทำ มันโคตรจะทุเรศเลย เธอรู้ไหม มันมาปล้นเอาความรักของนิ้งไปจากฉันแท้ ๆ มันปล้นเอาไป หัวใจของนิ้งต้องเป็นของฉันสิ"
“ไม่จริง คุณมันดื้อด้าน อยู่แต่ในความมืดมนแบบนี้ไง ไม่มองเห็นความรู้สึกของใครบ้างเหรอ ถ้าพี่นิ้งเขารักคุณ เขาจะปฏิเสธคุณทำไม” คำตอบช่างย้ำชัด
วิษรุจโกรธมาก ๆ ที่เด็กสาวพูดแทงใจดำ
"คุณก็หารักใหม่ได้นี่คะ คุณทั้งหล่อทั้งดูดี" เธอเถียงเขาข้าง ๆ คู ๆ และอยากจะพูดให้เขามีสติมากขึ้น บางทีวิษรุจอาจจะคิดได้
"กับใครฮึ แม่สาวน้อย" เขาจ้องสบตากับเด็กสาว ก้มลงมาหายใจรดใบหน้าที่เงยขึ้นมองหน้าเขา
"กับเธอหรือ หึ..." เสียงหัวเราะเย็น ๆ เหมือนเยาะหยันทั้งตัวเขาและก็ตัวเธอ สายตาที่ไม่เป็นมิตร และไม่ยอมรับฟังอะไรใด ๆ ทำให้ทอรุ้งนึกกลัว เธอสะบัดมือออกมาจากแขนของเขา
‘เมาจนขาดสติแบบนี้เดี๋ยวก็ล้ม’
เธอคิดและตัดสินใจเดินออกห่างจากเขา แต่เป็นการเดินถอยหลัง
สายตาที่มุ่งร้าย มองเธอแบบโลมเลีย เขาเดินย่างสามขุมเข้ามาหา เด็กสาวเดินหนี เขาทำนิสัยน่ารังเกียจ มองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทอรุ้งเริ่มรู้สึกกลัว เขาไม่เหมือนคนเดิมที่คุยเล่นสนุกสนานเหมือนครั้งก่อน เด็กสาวเดินถอยหลังหนีไปจนติดฝาผนัง
เธอสะดุ้ง เขาเดินมาใกล้จนชิด สองมือของวิษรุจถูกยกขึ้นมากั้นร่างกายเล็ก ๆ ของเด็กสาวเอาไว้
สายตาที่มองเธอเหมือนกระหายใคร่รัก อยากแกล้งเด็กที่ไม่รู้เด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ เธอบังอาจมาสอนเขาได้อย่างไร ให้เขาทำแบบนั้นแบบนี้
เขาชิดใบหน้าก้มต่ำลงมาเรื่อย ๆ และหายใจพ่นแรง ๆ ลมที่ออกมาเต็มไปด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์ ดูเหมือนเขาจงใจเป่าลมหายใจนั้นไปทั่วใบหน้าและลำคอขาว ๆ
"คุณจะทำอะไร” เธอนึกขยาด ตอนนี้ภายใต้หน้าอกข้างในนี้มันสั่นไหวเต้นแรงโครมครามไปหมดแล้ว
"ทำอะไรเหรอ แม่หนูน้อย อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า มาเสนอตัวซะขนาดนี้" เขาพูดชัดเจน
สองมือที่แนบข้างลำตัวของเด็กสาวถูกยกขึ้นผลักดันร่างหนาของทนายหนุ่ม เธอพยายามออกแรง แต่ร่างหนาใหญ่ของเขาไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย วิษรุจสอดแขนรั้งรวบเธอขึ้น ทอรุ้งจำใจต้องเขย่งปลายเท้า ใบหน้าที่สดใสตอนนี้แสดงออกมาว่ากลัวเกรงเขาไปหมดแล้ว เธอแหงนจนชนกับใบหน้าที่เริ่มรุกราน เด็กสาวต้องกลั้นลมหายใจเมื่อเขาประทับแนบริมฝีปากลงมา ปลายลิ้นที่สอดแทรกควานหาความหวานและอ่อนละมุนในโพรงปากของเธอ
“อื้อ...” เธอครางประท้วง มือไม้ที่ยกกันหน้าอกของเขาเอาไว้สิ้นเรี่ยวแรงไปเสียดื้อ ๆ ตัวเด็กสาวเหมือนตัวลอย อ้าปากเผยออกกว้างรับการกระทำที่เริ่มจาบจ้วงขึ้นเรื่อย ๆ มือหนาใหญ่ของวิษรุจเริ่มไม่อยู่นิ่ง เขาจงใจใช้มันสำรวจร่างกายของเด็กสาวทั้งส่วนบนและส่วนล่าง
‘อย่านะอย่าทำรุ้ง’ เธอหลับตาปี๋ ทอรุ้งหายใจหายคอแทบไม่ออก กลัวเขาจนแข็งทื่อไปหมด ตอนนี้ฝ่ามือหนาสอดเข้าไปด้านหลัง แล้วเริ่มปลดเอาตะขอเสื้อชั้นในของเธอออก
-///////- มันหลุดแล้ว เด็กสาวยิ่งหลับตาแน่น สายลมพัดสัมผัสกาย เขากำลังร่นมันขึ้น แล้วผละใบหน้าปล่อยให้ริมฝีปากของเธอเป็นอิสระ
ใบหน้าเข้มเริ่มฝังปลายจมูกไล่เลื้อยลงไปเรื่อย ๆ
“ไม่...” น้ำเสียงแทบหาย มันทำให้คนที่เมาหูอื้อ ไม่ได้ยินอะไร ๆ เลย สาบเสื้อถูกถลกม้วนขึ้น เขาฉกใบหน้าลงไปคลุกกลางร่องอกอย่างรวดเร็ว แล้วเลื่อนใบหน้าอ้าปากงับครอบครองยอดปทุมมาที่กำลังน่ารักดูงามสมวัย
ทอรุ้งสติหลุด ร่างแทบทรุด ความเสียวแล่นแปล๊บจากปลายเท้าจนขึ้นหัวสมอง เธอเหมือนจะเป็นลม ตัวมันลอย ๆ พยายามยกมือขึ้นดันใบหน้าของเขาที่ละเลงปลายลิ้นอย่างสนุกบนยอดสีหวานอย่างเมามัน เด็กสาวน้ำตาไหลออกมาเองอัตโนมัติ
“ปล่อยรุ้ง อย่านะคะ อย่าทำแบบนี้ค่ะพี่รุจ” คำพูดของเธอแผ่วกลืนหายไปกับเสียงลมหายใจที่ดังฟืดฟาดของวิษรุจ เนื้อตัวของเขาแดงเถือกและอุณหภูมิร้อนไปหมดจนเธอสัมผัสได้
ร่างน้อย ๆ สั่นเป็นลูกนกไม่รู้จะทำตัวอย่างไร วางไม้วางมือไว้ตรงไหน เธอแทบเปล่งเสียงอะไรไม่ออก ลำคอแห้งผากไปหมด กลัวผู้ชายตรงหน้าแบบหมดหัวใจ ดวงหน้าเล็ก ๆ เริ่มถอดสี เมื่อร่างของเธอลอยขึ้น
‘เมื่อกี้พี่รุจทำเหมือนจะเดินไม่รอด แล้วตอนนี้…’
เขาเดินลงส้นเท้าหนัก ๆ พาร่างเล็ก ๆ ของทอรุ้งเข้าไปในห้อง เป้าหมายคือเตียงนอนใหญ่ ๆ ในห้องนอนของเขา
“พี่รุจ ไม่นะคะ ปล่อยรุ้ง” น้ำเสียงขาด ๆ หาย ๆ
เขาไม่มองหน้าและไม่สบตาเธอสักนิด สำนึกผิดชอบชั่วดีหายไปไหนหมด เขาเป็นทนายความน่าจะรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ เหมือนก้าวขาเข้าไปในตะรางอยู่ข้างหนึ่ง แต่ถ้าหลังจากนี้ทุกอย่างจบลงที่เตียงนอน นั่นหมายถึง สองขาของเขาเข้าไปยืนอยู่หลังลูกกรงนั้นเต็มตัว