ก๊อก ๆ มีคนมาเคาะที่ประตูบ้าน คนที่สนิทกันจะรู้ว่าวิษรุจไม่เคยล็อกประตูรั้ว
“ฮัลโหล...” มีนชญาทักเขาเสียงดัง เธอเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ
"มีน" มีนชญาเป็นน้องสาวของอาทิตย์
"อ้าว ยังดื่มไม่เลิกอีกหรือคะ พี่อาทิตย์โทร. มาสั่งมีนหลายครั้งเลยค่ะว่าให้ทำอะไรมาให้พี่กินด้วย” พอเธอเดินเข้ามาใกล้ ๆ ก็ได้กลิ่นเหล้าหึ่ง ๆ
“อึ๋ย... กลิ่นเหล้าคลุ้งไปหมดแล้วค่ะ แบบนี้ถ้ามีไฟแช็กจุดไฟติดได้เลยนะคะ" มีนแซว วางถาดอาหารตรงหน้าเขาเสร็จ ก็เดินไปเปิดหน้าต่างให้ออกกว้าง จับไม้กวาดมาปัดกวาดให้
วิษรุจเดินเข้ามาแย่งเอาไม้กวาดไปถือเอง
"พี่ทำเอง แล้ววันนี้มีนไม่ไปทำงานเหรอ"
"ลาพักร้อนน่ะค่ะ อาทิตย์หนึ่ง วันนี้เพิ่งวันแรก นัดเพื่อนเอาไว้แล้วค่ะ กำลังจะออกไปกับเพื่อน ว่าจะไปดูหนัง กะมาชวนพี่รุจสักหน่อย แต่สภาพแบบนี้..."
"นั่นน่ะสิ มีนไปเถอะ ไปเที่ยวให้สนุกเถอะจ้ะ พี่ไม่อยากเป็น กขค.”
มีนชญายังไม่หยุดเก็บจานเปล่าที่สกปรกบนโต๊ะไปล้างให้เขาด้วย
“มีนไม่ต้องทำ เดี๋ยวพี่ทำเอง ว่าแต่ทำอะไรมาให้พี่กินจ๊ะ"
เขาก็เอ็นดูเธอแบบน้องสาวคนหนึ่ง อาทิตย์กับเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน พอรู้ว่ามีโครงการที่ดินเปล่าให้สร้างบ้านเองที่นี่ เขาจึงชวนอาทิตย์มาอยู่ด้วยกันโดยการซื้อที่ดินแปลงติดกัน
"ยำผักกาดกระป๋องกับไข่เค็มทอดดาว และข้าวสวยร้อน ๆ พี่รุจมานั่งกินเถอะค่ะ เดี๋ยวเย็นแล้วจะกินไม่อร่อย"
วิษรุจหัวเราะและมองหน้าเธอ
"โธ่... อย่ามองหน้ามีนแบบนั้นสิคะ นี่ก็สุดฝีมือแล้วนะ หน้าตายังน่ากินกว่าที่พี่อาทิตย์ทำเสียอีก" เธอว่ากระทบไปถึงพี่ชายคนเดียว
"ขอบใจจ้ะ พี่แนะนำมีนนิดหนึ่งนะ เพื่อนเราที่มารับน่ะแฟนใช่ไหม ได้บอกเขาให้รู้หรือเปล่าว่าเราน่ะ ฝีมือทำอาหารระดับไหน"
"แหม... พี่รุจ พูดแบบนี้ มีนงอนแล้วนะ แฟนมีนเขาไม่แคร์หรอกค่ะเรื่องฝีมือทำอาหาร เขาสนใจเรื่องอื่นมากกว่า” เธอพูดกำกวม
“ว่าแต่ว่า ไม่เปลี่ยนใจไปดูหนังกับน้องเหรอคะ"
"พี่ขี้เกียจไปหลับข้างในโรงหนังน่ะสิ แอร์ก็เย็น แถมพี่ยังเมาระดับนี้ ดีไม่ดี ไอ้คนที่นั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เหม็นละมุดที่มาจากตัวพี่ แจ้งคนตรวจตั๋วมาเชิญพี่ออกจากโรงหนังแน่ ๆ"
"รู้ตัวเหมือนกันนะคะว่าเป็นไอ้ขี้เมาอยู่ ณ ตอนนี้"
"ช่างเถอะ พี่ดื่ม เพราะพี่ไม่มีอะไรทำหรอก" เขาแก้ตัว เพราะปัญหาที่รุมเร้าอยู่ภายในหัวใจของเขาต่างหากที่ทำให้เขาหันหน้าเข้าหาน้ำเมา
"แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ละสิ ถ้าพี่รุจเป็นปลามีหวังโดนฉมวกแทงไปแล้วแน่ ๆ"
"หึ ๆ" วิษรุจหัวเราะเสียงเย็น
ปริ้น ปริ้น ปริ้น เสียงแตรดังที่หน้าบ้านของมีนชญา
"ไปก่อนนะคะพี่รุจ แล้วจะซื้ออะไรมาฝาก"
"ไม่ต้องซื้ออะไรมาให้พี่หรอก เที่ยวให้สนุกแล้วกันจ้ะ"
"บาย ๆ"
เขาโบกมือให้มองเธอจนลับตา ก่อนจะกลับเข้ามาในบ้าน นั่งลงที่โต๊ะอาหารตักกับข้าวฝีมือของมีนชญาเข้าปาก แกล้มกับน้ำวิสกี้ขวดใหม่ที่เจ้าของรินใส่แก้วน้ำแข็ง
12:43 น.
"แถวนี้แหละน้องพี่ว่า ซอยสุดท้ายแล้วนะ ถ้าไม่เจอจะเอายังไง" คนขับแท็กซี่หันมาบอกเธอ
ทอรุ้งชะเง้อชะแง้มองไล่ไปตามบ้านแต่ละหลังที่ปลูกอยู่ในซอย
"เข้าไปข้างในก่อนเถอะค่ะ ถ้าไม่มีก็ค่อยกลับออกไป หนูบอกพี่แล้วไงหนูจะจ่ายให้พี่สองเท่า"
"ซอยสุดท้ายจริง ๆ นะ" คนขับแท็กซี่ก็ชักจะเบื่อ
"ค่ะ"
เขาขับรถแท็กซี่วนเข้าไปในซอยที่เอ่ยถึง จนกระทั่งถึงทางตันซึ่งเป็นจุดกลับรถพอดี
ทอรุ้งมองเห็นซุ้มแบบลายไทยประดิษฐ์ทำจากเหล็กดัดที่ตรงหน้าประตูบ้านโดดเด่นกว่าหลังไหน ๆ และเจ้าของทาสีบ้านเป็นสีเทาดำทะมึน ความแปลกตาทำให้ทอรุ้งจ้องมอง เธอเห็นป้ายบ้านเลขที่บ้านฉลุบนแผ่นเหล็กแปะไว้ตรงกลางประตูรั้ว เธอจึงชี้ให้คนขับรถดู
"พี่คะ พี่คะ จอด ๆ พี่ บ้านหลังนี้แหละค่ะ ใช่แล้ว"
คนขับรถชะลอ ก่อนจะจอดสนิทเลยประตูบ้านไปนิดหนึ่ง ทอรุ้งดูตัวเลขที่บอกราคา เธอรีบคูณสองก่อนจะยื่นให้แบบไม่ต้องทอน พร้อมกับยกมือไหว้
"อยู่ไกลซะสุดซอยแบบนี้ เล่นหากันจนเหนื่อยไปเหมือนกันนะ ขอบใจ" เขารับเอาเงินจากมือของเธอ
"ขอบคุณค่ะพี่" เธอรีบก้าวลงไปยืนอยู่ตรงหน้ารั้วบ้าน
‘ออกแบบบ้านได้แปลกที่สุด และไม่เข้าใจว่าทำไมใช้สีแบบนี้มาทาบ้าน โคตรมืดเลย น่ากลัวชะมัด’
เธอคิดพลางเดินไปเกาะแกะที่ประตูรั้ว ลองใช้มือหมุนแล้วผลักเบา ๆ ประตูบานนั้นก็เปิดออก
‘ไม่ยักกลัวแฮะ ไม่ล็อกรั้วอีกต่างหาก’ เธอหมายถึงเจ้าของบ้าน แทนที่จะพูดกับตัวเองว่าทำไมไม่กลัว กล้ามากที่เธอมาหาเขาถึงที่นี่
ทอรุ้งก้าวขาอย่างระมัดระวัง หมาของบ้านข้างรั้วติดกันได้กลิ่นแปลก ๆ ทั้งเห่าเสียงดัง และกระโจนเข้าใส่กำแพงเกาเล็บข่วนเล็บไปที่กำแพง เธอออกอาการสะดุ้งตกใจ เสียงมันเห่าดังมาก ๆ สายตาของเธอมองไปยังตัวบ้าน และหันไปทำเสียงเข้าใส่น้องหมา
“ชู...” เธอทำเสียงห้าม แต่หมาเหล่านั้นก็หาหยุดไม่