บทที่ 10 ตอนที่ 4

1411 คำ
ปาเข้าไปสองวันแล้วที่หญิงสาวต้องตกอยู่ในภาวะจำยอมต้องอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้เนื่องด้วยพิษไข้ที่รุมเร้า อาการโดยทั่วไปของเธอดีขึ้นมากคงเหลือที่ความปวดเมื่อยตามร่างกายเท่านั้นที่ยังคงอยู่ แต่เธอก็พอจะลุกเดินไปไหนมาไหนช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง ไม่เหมือนกับวันแรกที่แทบปางตายไปเลยก็ว่าได้                                ทอเลเมียสพยายามคะยั้นคะยอให้เธอไปหาหมอที่โรงพยาบาลหรือกระทั่งจะให้หมอมารักษาถึงที่นี่ แต่เธอก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมตามใจเขา มันเป็นความกังวลส่วนตัวที่ยากจะอธิบาย ซึ่งยิ่งอยู่ที่นี่นานเธอก็ยิ่งกลัวจนจับใจ ไม่รู้ว่าทางบ้านของเธอจะรู้ความเป็นไปของเธอมากน้อยแค่ไหน                                 ที่สำคัญป่านนี้บิดาของเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะถึงแม้จะหวั่นใจเพียงไรเมื่อวานเธอก็ยังโทรฯ หาท่านอยู่แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งตรงกับที่ชายหนุ่มบอกกับเธอตั้งแต่แรก ว่าเขาพยายามติดต่อไปหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน ความผิดบาปจะมีมากขึ้นอีกไหม ถ้าเธอจะถือโอกาสนี้ปิดบังความจริงเสียเลยไม่ให้บิดารู้ คิดว่าบรรดาคนรับใช้ในบ้านคงไม่มีใครกล้าปากโป้งฟ้องหรอก เพราะเดี๋ยวงานก็เข้าตัวตามๆ กัน บางทีอาจถึงขั้นไล่ออกไปเลยก็ได้เนื่องจากไม่เคยมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นเลย สำหรับท่านแล้วการหายตัวไปโดยที่ใครๆ ก็ให้คำตอบไม่ได้เช่นนี้ถือเป็นอะไรที่ร้ายแรงมาก “เอพริล...กินยารึยัง” เสียงเรียกคุ้นเคยทำให้เธอทิ้งความกังวลเหล่านั้นไว้ชั่วขณะแล้วหันมองไปตามเสียง ชายหนุ่มผู้แสนดีที่คอยดูแลเธอไม่ห่างยิ้มอบอุ่นเดินเข้ามาหา เขาอยู่ในชุดลำลองกางเกงขาสั้นเสื้อยืดสีน้ำตาลธรรมดาส่งเสริมให้ดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด “ค่ะ...กินแล้วค่ะ...” “ดีแล้วจะได้หายเร็วๆ อืม...นี่ตัวก็ไม่ร้อนแล้วนี่ไข้ลดลงแล้วล่ะ ยังปวดหัวอยู่ไหม” “ไม่ค่ะ...แค่...เมื่อยตัวนิดๆ หน่อยๆ”                                      “งั้นพรุ่งนี้ก็คงกลับกันได้แล้วล่ะ ผมจะได้เข้าบริษัททำงานต่อเลย ส่วนคุณ...ผมอนุญาตให้พักต่ออีกกี่วันก็ได้ตกลงไหม” ทอเลเมียสทรุดกายนั่งลงข้างๆ คนตัวเล็กแล้วฉวยโอกาสใช้สองแขนรวบเธอมากอดเอาไว้แล้วมิวายขโมยหอมแก้มขาวๆ นั้นเสียฟอดใหญ่ด้วย “พรุ่งนี้เหรอ...ทำไมเราไม่กลับกันวันนี้เลยล่ะเอพริลไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” อรุโณรีย์หันมามองใบหน้ากร้านทำตากะพริบตื่นๆ เมื่อเขาบอกเช่นนั้น ไม่รู้บ้างหรือไรว่าเธอน่ะร้อนใจจนไฟจะสุมไหม้ไปทั้งอกแล้ว “ก็ยังไม่หายดี ผมไม่อยากให้คุณนั่งรถไกลๆ ด้วยสภาพแบบนี้” “ไม่ได้นะคะ...” เธอขืนตัวจับมือใหญ่ของเขาให้คลายออกจากรอบเอว แล้วหนันหน้าขาวซีดไปจ้องมองเอาจริงเอาจัง “ทำไม...ผมเป็นห่วงคุณนะ” “เรากำลังผิดคำพูดที่ให้ไว้กับคุณพ่อนะคะ เอพริล...” มันมากกว่าผิดคำพูดมามากแล้ว และเธอก็ไม่อยากทำผิดอีกต่อไป แม้ทางบิดาท่านจะยังไม่รับทราบแต่เธอก็รู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ “เราไม่ได้ตั้งใจนะเอพริล มันเป็นเหตุสุดวิสัย ตอนนี้ทั้งคุณทั้งผมต่างก็ไม่ปกติกันทั้งคู่ เราควรพักเอาแรง...” อันที่จริงทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมายอย่างสวยงามเลยทีเดียว “แต่...” “น่าคนดี...ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างคุณไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นนะ เรื่องคุณพ่อคุณก็เหมือนกันผมบอกแล้วว่าจะคุยกับท่านเองผมจะทำทุกอย่างไม่ให้คุณถูกดุแน่นอนจ้ะ” คนเหลี่ยมจัดยิ้มอ่อนโยน ใช้มือเกลี่ยผมที่ปลิวระใบหน้าก่อนจะชิงหอมแก้มนุ่มๆ นั่นอีกครั้งอย่างไม่อาจอดใจ “คุณนาซี...หยุดนะจะทำอะไรเอพริลคะ” หญิงสาวทักท้วงและปัดป้องเอาบ้างเมื่อเห็นว่าเขาไม่หยุดอยู่แค่การหอมแก้มเหมือนครั้งก่อนๆ แต่กลับซุกไซ้ไปทั่วใบหน้าเลยลงมาถึงลำคอระหง ซ้ำร้ายมือหนายังคอยเคล้นลูบไล้ตามเนื้อตัวไม่คิดหยุดอยู่กับที่ “เอพริล...คุณหอมหวานเหลือเกิน ผมแทบอดใจรอให้คุณฟื้นตัวเท่าวันนี้ไม่ไหวเลย” ใช่...แทบจะจับกดทั้งที่ยังนอนซมในคืนแรกนั่นแล้วล่ะ “เราทำผิดกันมามากแล้วนะคะ...พอเถอะค่ะ...” “ผิด? ผิดอะไรกันคนดี เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนรักกันนะ หืม...อีกอย่างเราก็เป็นของกันและกันแล้วผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณเจ็บอย่างครั้งแรกอีก” ชายหนุ่มเอ่ยคำตะล่อมไปด้วยพลาง เคล้าคลึงกอดจูบคนป่วยที่ดิ้นพล่านไปด้วยก่อนจะจับกดให้เธอทิ้งตัวราบลงบนที่นอน “คุณ...อื้อ!...” ริมฝีปากสีชมพูซีดช่างต่อรองถูกปิดประกบให้คำพูดต่อจากนั้นถูกกลืนลงลำคอกลายเป็นเสียงครางฮือ ทอเลเมียสกดทับหญิงสาวไว้ครึ่งตัวในขณะอีกครึ่งยังอยู่ด้านล่างเตียงนอน อรุโณณีย์พยายามดิ้นเพื่อเอาตัวรอดไม่ได้คิดยินยอมง่ายๆ แต่ความปวดเมื่อยที่รุมเร้า มันทำให้เธอขยับได้ไม่ถนัดเอาเสียเลย เพียงกระดิกนิดเดียวก็ร้าวระบมไปทั่วร่างเสียแล้ว จำต้องยอมให้เขากกกอดและสอดประสานชิวหาเข้าสู่โพรงปากแล้วพัวพันเอาลิ้นเล็กของเธอไปดูดดึงตามแต่ใจ            เมื่อปฏิกิริยาคนใต้ร่างอ่อนระทวยให้เขาตักตวงอย่างเต็มที่แล้ว ชายหนุ่มจึงผละออกจากความหอมหวานมาอุ้มเธอให้ขึ้นนอนอย่างเต็มตัว แล้วโถมลงทาบทับหาความนุ่มนิ่มอีกครั้ง ดึงคอเสื้อในชุดมัดย้อมสีฟ้าให้ร่นลงอย่างทุลักทุเลเพราะความรีบร้อน ริมฝีปากและปลายลิ้นร้ายไม่ได้ละจากหน้าที่การดอมดม และลองลิ้มชิมรสทุกๆ ตารางบนใบหน้านวล แม้จะมีความกังวลจนสะดุ้งสั่นเป็นบางครั้งแต่ความอ่อนโยนที่เขาปรนเปรอให้ในลักษณะที่นุ่มละมุนกว่าครั้งแรกมากนัก ถึงกับทำให้หญิงสาวเคลิบเคลิ้มและอ้อยอิ่งตามกระแสอารมณ์ยินยอมแต่โดยดีให้เขาเป็นผู้นำพา                                                  “อืม...ดีมากเอพริล...” ชายหนุ่มป้อนคำชมไม่ขาดปากรุกล้ำเรียวลิ้นตวัดรัวควานกวาดไปทั่งโพรงปากดูดดื่มเอาความหอมหวนกลืนกินเสียสิ้น ก่อนจะผละมาขบเม้นตรงกลีบปากสาวจนซับสีเลือดขับไล่ความซีดเซียวที่มีอยู่ก่อนหน้าให้สายโลหิตแดงระเรื่อมาระบายแทนที่ ยิ่งได้สัมผัสยิ่งไม่อาจผละห่าง ยิ่งได้ดื่มด่ำยิ่งจะโหยหาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน                                                                ทอเลเมียสปัดความรู้สึกแปลกๆ ทิ้งไปแม้มันจะคอยแทรกเข้ามาในจิตสำนึกบอกให้รู้ว่าหญิงสาวที่เขากำลังใช้เป็นหมากในการเดินเกมคนนี้ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ทุกคนที่ผ่านมา แต่เขากลับเอาเหตุผลว่าเพราะอรุโณรีย์สดใหม่และไร้เดียงสาเรื่องบนเตียงซึ่งมันทำให้เขากระชุ่มกระชวยกว่าปกติมาหักล้างต่อความรู้สึกที่ขัดแย้งของตัวเอง            สำหรับเลือดเนื้อเชื้อไขของวงศ์ศาสตร์...ไม่มีอะไรพิเศษมากกว่านั้นอีกแล้ว            “คุณ...” ปลายลิ้นชื้นชุ่มแตะต้องยอดถันที่รัดเกร็งจนขนกายสาวลุกชันในพริบตา หญิงสาวถึงได้รู้สึกตัวว่าตอนนี้เธอไม่เหลือเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวปิดกาย มีเพียงความอุ่นจากคนเบื้องบนเท่านั้นที่แผ่ซ่านผ่านผิวเนื้อให้ช่องท้องบิดเกลียวซ่านวูบวาบจนต้องกลั้นหายใจเพื่อผ่อนปรนเป็นครั้งคราว                                     อรุโณรีย์หลับตาพริ้มเผลอเผยอริมฝีปากครางอย่างหลงลืมสติเมื่อมือหน้าตะปบบนทรวงอกอีกข้างแล้วบีบเคล้นเบาๆ นวดคลึงให้เธอเคยชินกับสัมผัสก่อนจะออกแรงเน้นหนักขึ้นเรื่อยๆ อีกข้างถูกอุ้งปากร้ายครอบครองอย่างไม่คิดละวางปล่อยให้เป็นอิสรเสรี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม