บทที่ 10 ตอนที่ 6

1213 คำ
“ใจเย็นๆ นะคนดี...คุณจะไม่เจ็บ...” ชายหนุ่มละใบหน้าจากสองปทุมอวบอัดมาจูบซับแผ่วเบาที่สองแก้มแดงก่ำ แอบฉกชิมเอาหยาดเหงื่อเค็มๆ ที่ผุดพรายตามไรผมแล้วกดเน้นตรงริมฝีปากเจ่อหนักๆ ในขณะที่มือก็สาละวนอยู่กับการจับส่วนโป่งนูนถูไถกับร่องรักที่พร้อมสำหรับเขาเต็มที่แล้ว                                      เมื่อถูกคุกคามด้วยความใหญ่โตที่แตะสัมผัสโดนผิวเนื้อเนินนาง อรุโณรีย์ก็ถอยหนีทันทีตามสัญชาตญาณ แต่เธอก็มิอาจรอดพ้นไปได้ ถูกสองมือกร้านดึงรั้งให้กลับมาอยู่ที่เดิมซ้ำจับกดให้แนบกับที่นอนนุ่มก่อนจะดันตัวเองเข้ามาประชิด            “อย่าค่ะ...อย่า...” ความเจ็บปวดในครั้งแรกผุดขึ้นในความทรงจำให้หญิงสาวขลาดกลัวต่อสิ่งนั้นจนเกร็งตัวแข็งทื่อ ดวงตากลมโตที่ชอบแสดงออกถึงความตื่นตระหนกหลับปี๋ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันจนรู้สึกเจ็บร้าว ไม่เท่ากับความหวั่นระแวงระคนรอคอยด้วยหัวใจปลาบหวิว            “อื้อ...” จุดหวงแหนถูกจู่โจมจนแน่นอึดอัด ความเจ็บแปลบมาเยือนพร้อมๆ กับความซ่านเสียวที่ทำให้ต้องสูดปากราวดื่มกินของเผ็ดร้อนเข้าไปโดยไม่ทันระวัง สองมือกอดจิกท่อนแขนใหญ่หนาที่เต็มไปด้วยรอยสักรูปกราฟฟิกซึ่งครอบคลุมเหนือผิวพรรณขาวละเอียดตามเชื้อชาติ                                                                เหงื่อกาฬของร่างสองร่างแตกซิกราวกับอยู่กลางแดดร้อนทั้งๆ ที่ห้องเต็มไปด้วยลมแอร์อันเย็นฉ่ำแต่กลับไม่ได้ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนระอุลงได้เลย มีแต่จะทวีความหนักหน่วงเพื่อให้บรรลุต่ออารมณ์ที่ไม่อาจดับมอดโดยง่าย            ทอเลเมียสรุกล้ำเข้าหาโพรงรักที่บีบตัวตนของเขาจนหายใจติดขัด ขนาดเข้าไปได้แค่เพียงครึ่งเขาก็เกือบทำขายหน้าเสียแล้ว ดีที่ค่อนข้างช่ำชองมากพอตัวจึงยังอดกลั้นไว้ได้ ตอนนี้อาการเจ็บที่เท้าของเขาเริ่มมีอุปสรรคกับกิจกรรมรัญจวนนี้พอสมควร เขาแทบไม่ได้เปลี่ยนท่วงท่าอื่นเลยในการร่วมรักกับเธอ...ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดวิสัยและน่าหงุดหงิด            “อืม...เอพริล...” ในที่สุดลมหายใจก็ถูกผ่อนออกมาหนักๆ เมื่อเขาสามารถร่วมประสานกายกับหญิงสาวได้สำเร็จ ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องถนอมเธอให้มากที่สุด ต่อให้จับไข้ขึ้นมาอีกก็ไม่อยากให้ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานนักเพราะมันมีผลกระทบต่องานในบริษัทที่จะเปิดทำการในวันพรุ่งนี้นั่นเอง และถ้าเธอเกิดป่วยหนักขึ้นมาแล้วเขาไม่ดูแลให้ดีเหมือนเดิมก็กะไรอยู่ แผนการที่วางไว้คงล่าช้าใช้เวลานานเข้าไปอีก            กายเบื้องล่างที่โยกคลอนไปตามแรงกระแทกกระทบจากด้านบนโอบกอดชายหนุ่มเอาไว้เสียแน่นบางครั้งเมื่อความเสียวซ่านแผ่กระจายมากเข้าเธอก็จะกำจิกเขาจนเลือดซิบเอาเหมือนกัน ทอเลเมียสเองไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ยามนี้เขามุ่งแต่จะทะยานไปสู่ความสุขล้ำที่รออยู่เบื้องหน้าเท่านั้น            แรงเสียดสีของสิ่งแปลกปลอมที่ประสานกลมกลืนกันกำลังก่อพายุพัดพาทั้งคู่ให้หลุดไปจากห้วงแห่งความหฤหรรษ์นี้ ยิ่งจังหวะจ้วงล้ำกระชั้นชิดถี่เท่าไหร่ก็ยิ่งส่งเสริมให้อารมณ์รัญจวนใกล้ถึงจุดแตกดับมากเท่านั้น            “คุณนาซี...คุณ...”                                                                                “ขยับสิเอพริลแล้วคุณจะรู้สึกดีกว่านี้...” ลูกศิษย์ตัวเล็กปรือตามองผู้สอนหนุ่มแล้วกลืนน้ำลายเฮือก เขาชะลอจังหวะลงเหมือนต้องการกระตุ้นให้เธอทำตามที่บอก และยามนี้เธอก็ต้องการเอื้อมไปสู่บางสิ่งบางอย่างจนหลงลืมความอายไปเสียสิ้นแล้วเช่นกัน            สะเอวคอดกิ่วที่มีสองมือจับมั่นตรงสะโพกถูกส่งให้รับกับการลงทัณฑ์ เป็นการเบิกทางให้เธอเดินตาม เขาช่วยขยับสองสามครั้งอรุโณรีย์ก็เริ่มจับจังหวะเป็นและส่งตัวเองให้เขาจู่โจมได้เต็มที่ แม้ความเจ็บจะยังกัดกินความรู้สึกแต่มันก็ถูกกลบด้วยความซ่านสยิวจนแทบไม่มีใจไปนึกถึง                                                            ไม่เพียงเท่านั้นสองขาเรียวที่เหยียดค้ำที่นอนก็ยกตวัดรัดรอบตัวชายหนุ่มไว้แน่นพร้อมกับการขยับสะโพกรุกและรับของเขาอย่างต่อเนื่อง ทอเลเมียสก็กระหน่ำใส่ไม่ยั้งเช่นกันจนร่างบางแทบจะแตกหักเป็นเสี่ยงๆ ตอนนี้เธอหายใจไม่ทัน รู้สึกเหนื่อยและคอแห้งเหลือเกิน แต่เหมือนบางสิ่งบางอย่างยังไม่ถูกเติมเต็มจึงยิ่งจะเป็นฝ่ายเร่งเสียเอง เธอเกาะเกี่ยวร่างใหญ่ของเขา ขยับจังหวะเรียกร้องให้เขาส่งเธอไปสู่ความสุขที่เคยไปเยือนมาครั้งหนึ่งแล้วและความรู้สึกนั้นมันก็ยังตราตรึงไม่จางหาย            “อืม...เอพริล...” คนตัวใหญ่ครางเสียงหลงกับการตอบสนองที่เร่าร้อนรุนแรงขึ้น ในตอนแรกที่อยากถนอมไม่ให้ร่างน้อยบอบช้ำไปกว่านี้ถูกลืมไปเสียสิ้น ทอเลเมียสใช้สองมือสอดเข้าใต้รักแร้ของหญิงสาวแล้วจับบ่าของเธอเอาไว้จากนั้นก็ดึงรั้งให้เธอเข้าหาตัวเขาอย่างหนักหน่วง ในขณะที่ตัวเองก็โยกรับอย่างทันท่วงทีเช่นกัน ทอเลเมียสรับรู้ถึงอาการแข็งตัวจนเกร็งของหญิงสาวใต้ร่าง ไม่นานเธอก็ปล่อยเสียงหวานๆ เข้าสู่โสตประสาทหู ทั้งแขนและขาเกาะกอดเขาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ กระทั่งเธอค่อยๆ คลายตัวออกจากชายหนุ่มแล้วร่วงแผ่หลาลงบนที่นอนทั้งๆ ที่ร่างกายยังโยกไหวไปตามจังหวะที่ยังไม่สิ้นสุดของเขา กลายเป็นทอเลเมียสที่กอดรัดร่างเล็กจนแทบแหลกคามือเมื่อการเดินทางใกล้จะถึงฝั่งฝันตามเธอไปบ้าง ห้องทั้งห้องกึกก้องไปด้วยเสียงคำรามเมื่อชายหนุ่มเอื้อมคว้าความสุขสมมาไว้ในกำมือ เขาปลดปล่อยเชื้อพันธุ์อุ่นร้อนเข้าสู่ตัวเธอจนเอ่อล้นออกมาด้านนอก ร่างใหญ่ฟุบลงคาทรวงอกสาวที่กระเพื่อมตามแรงหายใจหอบถี่ ถ้าสภาพร่างกายเอื้ออำนวยมากกว่านี้สาบานเลยว่ามันจะไม่จบลงง่ายๆ แน่ชายหนุ่มบอกกับตัวเองอย่างมาดมั่นในใจ กายใหญ่ยันลุกผละจากร่างสะโอดสะองมานอนข้างๆ ก่อนจะคว้าตัวเธอมากกกอดเอาไว้แนบอก ดูเหมือน อรุโณรีย์จะผล็อยหลับไปแล้วเพราะความเหนื่อยอ่อน แต่เขาสิเป็นบ้าอะไรเนี่ยไม่รู้จักอิ่มในร่างเปลือยเปล่านี่เสียเลย มันน่าขัดใจนักตรงที่เขาไม่สามารถเสพสังวาสกับคนในอ้อมแขนนี้ได้เช่นผู้หญิงอื่นๆ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็...นาซีจะจัดให้คางเหลืองไปเลยเชียว ทอเลเมียสยิ้มร้ายให้กับคนที่นอนสลบไสลไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่เป็นไรหรอกยังไงเสีย หนทางก็ยังอีกยาวไกลนัก อรุโณรีย์คนนี้ก็อยู่ในกำมือเขาแล้ว เวลาแห่งความสนุกยังมีอีกถมเถ จะใจร้อนให้เสียงานไปทำไมกันเล่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม