“พอ!! พอแล้วหยุดซะที” พิภพตวาดลั่นน้ำตาไหลพรากมองดูผู้จงรักทั้งหลายต้องมามอดม้วยเพราะตนแล้ว ทั้งแค้นทั้งเสียใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“คุณคะ...เราจะทำยังไงกันดี...” ดาเรียภรรยาชาวกรีซโดยกำเนิด กระซิบเสียงสั่นถามสามีเป็นภาษาไทย ด้วยความหวาดกลัว สำเนียงการพูดของเธอไม่ค่อยชัดนักแม้จะอยู่ในขั้นดี เนื่องจากมาอยู่บนแผ่นดินไทยได้เกือบยี่สิบปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ดีเท่าหากเทียบกับเจ้าของภาษาจริงๆ
“ผมขอโทษดาเรีย...แต่ผมสัญญาว่าลูกเราจะต้องปลอดภัย” พิภพกล่าว...มองคู่ชีวิตยิ้มให้ทั้งน้ำตา เขารู้ว่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้ใช้ลมหายใจอยู่บนโลก
แต่ความรักของพวกเขา มันจะต้องคงอยู่ต่อไปตลอดกาล...
“ฉันรู้ค่ะแพท...ว่านาซีจะต้องปลอดภัย” เธอกล่าวตอบกระเถิบตัวเข้าไปใกล้สามีผู้เป็นที่รัก พร้อมทั้งกวาดตามองบรรดาผู้เสียชีวิตที่เคยอยู่ร่วมกันมาหลายปี บางคนอายุการทำงานนั้นพอๆ กับคฤหาสน์หลังงามนี้ด้วยซ้ำไป
“ผมเสียดายคุณนักคุณผู้หญิง ถ้าสามีคุณฉลาดกว่านี้สักหน่อยคุณคงไม่ต้องมาจบชีวิตสวยๆ อย่างอนาถแบบนี้หรอก...ว่าไงคุณพิภพจะเซ็นได้รึยัง” มัจจุราชในมือเล็งไปยังหญิงสาวชาวกรีซหนึ่งเดียวที่เปรียบเสมือนดวงใจของเจ้าของลายเซ็นเลือด และวงศ์ศาสตร์ก็ไร้จิตสำนึกพอที่จะลั่นไกได้ทุกวินาทีหากสิ่งที่ต้องการยังคงถูกปฏิเสธ หรือแม้จะได้ทุกอย่างมาอยู่ในมือแล้ว...ก็ต้องเก็บกวาดให้เรียบอยู่ดี
“ฉันเซ็น...ฉันขอแลกทุกอย่างกับชีวิตของดาเรีย แกจะตกลงไหม”
“ช่างรักกันเหลือเกินเลยนะ”
“ว่าไง...ปล่อยเธอไปซะแล้วฉันจะยกทุกอย่างให้แกเอง” พิภพยื่นข้อเสนอ แม้ตัวเขาจะต้องพบเจอกับอะไรก็ตามแต่ถ้าหากให้อีกหนึ่งชีวิตอันเป็นที่รักได้อยู่รอดปลอดภัยมันก็น่าเสี่ยง
“ตกลงผมจะปล่อยคุณผู้หญิงคนนี้ไปทันทีที่คุณเซ็นมอบอำนาจในเอกสารให้ผมทุกฉบับ...ตกลงตามนี้นะคุณพิภพ” วงศ์ศาสตร์ยิ้มเจ้าเล่ห์...รับเอกสารจากลูกน้องที่ยื่นให้ส่งให้กับผู้มอบลายเซ็นที่ถูกแกะเชือกที่มัดมือออกแล้วอีกทอด
“เซ็นสิ...”
“ปล่อยดาเรียไปก่อน” พิภพต่อรองอีกครั้ง ดาเรียรีบคลานเข่าเข้ามาใกล้สามีแล้วส่ายหน้าเปื้อนหยาดน้ำตา สื่อให้รู้ว่าเธอไม่มีวันทิ้งเขาไปในสภาพอย่างนี้แน่ๆ
“ตกลง...แกะเชือกให้คุณผู้หญิงซิ ทีนี้ก็เซ็นซะทีเสียเวลามากแล้ว...”
“ได้” หนุ่มใหญ่รับแผ่นกระดาษ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญมาไว้ในมือ มองภรรยาสาวสวยแล้วพยักหน้าให้เธอออกไปจากที่นี่โดยเร็ว เขารู้ว่าวงศ์ศาสตร์ไม่ได้มีสัจจะพอที่จะรักษาคำพูด เขาจึงต้องถ่วงเวลาโดยการค่อยๆ เซ็นชื่ออย่างไม่รีบร้อนนักเพื่อให้ดาเรียไปได้ไกลที่สุดเท่าที่กำลังของเธอจะทำได้ หญิงสาวมองหน้าสามีแล้วร้องไห้เสียงสะท้อนไปถึงก้นบึ้งหัวใจ ใจหนึ่งห่วงคู่ชีวิตเสียยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง แต่เธอก็พอจะรู้จุดประสงค์ของเขาว่า ต้องการให้เธอรอดเพื่อจะได้ดูแลรัชตะต่อไป “แพท...ฉันรักคุณ...ชีวิตฉัน หัวใจฉัน จิตวิญญาณของฉันมอบให้คุณคนเดียว” ดาเรียกลั้นหายใจบอกสามี มองหน้าผู้เป็นที่รักยิ่งครั้งสุดท้าย แล้วรีบหันหลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เธอหารู้ไม่ว่า ต่อให้หนียังไงก็ไม่มีทางรอดพ้นจากเงื้อมมือคนชั่วอย่างวงศ์ศาสตร์ไปได้
“เอามานี่...จะมาว่าผมไม่ได้หรอกนะคุณพิภพก็ในเมื่อเจรจากันดีๆ คุณก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือ โชคร้ายของคุณเองนะที่มารู้ความลับสำคัญแล้วไม่รับข้อเสนอของเรา...ลาก่อน...ตลอดกาล...”
“...” ผู้ถูกยิงตาเบิกค้างเติ่ง มีเพียงรอยยิ้มร้ายกาจส่งลาในวาระสุดท้าย ก่อนจะลั่นไกปืน
“คุณพ่อ!!...”
“คุณหนูอย่าออกไปครับ...เข้มแข็งไว้ครับ...”
เสียงเรียกจากบุตรในอุทรซึ่งอยู่ห่างกันไม่กี่เมตร ไม่สามารถส่งถึงผู้ให้กำเนิดที่กำลังล้มลงกับพื้นหญ้าได้ ทิมรีบดึงตัวนายน้อยของเขามาจับไว้ ไม่ให้ผลุนผลันออกไปด้านนอก เพราะตอนนี้ มันอันตรายเสียยิ่งกว่า วิ่งอยู่บนหอกหนามแหลมคมเสียอีก
“เก็บนังผู้หญิงซะ...อย่าให้มีใครรอดออกไปแม้แต่คนเดียว”
“คุณวงศ์ศาสตร์ครับ...ลูกน้องคนสนิทของนายพิภพหายไปครับ” ชายชุดดำคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงานกับตัวหัวหน้าใจทมิฬ
“หือ...ออกหาสิวะมันคงอยู่แถวๆ นี้แหละเพราะมันไม่อยู่ห่างตัวเจ้านายมันแน่ เกิดเรื่องในบ้านแบบนี้ด้วยมันคงจะมุดหัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง แล้วรีบตามไปจัดการเมียไอ้พิภพให้เรียบร้อยด้วย”
“ครับ!!” ลูกน้องในชุดดำสองสามคนรับคำสั่งแล้วรีบแยกย้ายกันออกทำหน้าที่ ทางด้านทิมเมื่อเห็นว่าพวกมันรู้ตัวแล้วว่ามีเขาที่หายตัวไปก็หันมองใบหน้าคมสันของรัชตะ เขาต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก่อนที่พวกมันจะมาพบตัวเด็กหนุ่มอีกคน
“น้าทิม...ช่วยคุณแม่ด้วย...แม่กำลังหนีไปทางนั้นเราต้องไปช่วยคุณแม่” “ครับคุณหนู...ผมจะออกไปช่วยนายผู้หญิงเอง คุณหนูรีบหนีไปก่อนนะครับ มุดช่องกำแพงแตกนี่ออกไป แล้วปีนรั้วหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเข้าใจไหมครับ...ผมจะล่อพวกมันให้เอง”
“แล้วคุณแม่ล่ะ...”
“แล้วผมจะรีบตามไปช่วยครับ...แต่คุณหนูต้องสัญญากับผมนะว่าจะต้องเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่ให้ได้”
“น้าทิม ผม...” รัชตะกัดฟันกรอด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นและรับรู้ มันจุกแน่นอัดอยู่ในอกจนแทบหายใจไม่ออก เหนือกว่าความเจ็บปวด ยิ่งกว่าเจ็บแค้น มันสุดจะสรรพรรณนาความรู้สึกที่เขามียามนี้ ใจอันห้าวหาญของเด็กหนุ่มมิได้อยากเอาตัวรอดเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่อยากหลบหดหัวอยู่ในกระดองเช่นนี้ด้วย อยากพุ่งทะยานออกไปจัดการกับพวกมันเสียให้สิ้นซาก ให้สาสมในสิ่งที่พวกมันได้กระทำการอันโหดเหี้ยมอำมหิตนั้นเหลือเกิน แต่ก็รู้ว่า...ถ้าทำเช่นนั้นก็เหมือนตัวเองเป็นแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟซึ่งกำลังลุกโชน
“คุณหนู...คุณหนูต้องสาบานกับผมเดี๋ยวนี้ว่าจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามให้ผมห่วงหน้าพะวงหลังเด็ดขาด จะไปจากที่นี่ทันทีที่ผมออกไปหลอกล่อพวกมัน สาบานสิครับว่าจะรักษาชีวิตไว้แก้แค้นให้พวกเราทุกคน คุณหนู...คุณนาซี คุณคือความหวังเดียวที่พวกเรามี” ทิมจับแขนสองข้างของเด็กหนุ่มแล้วเขย่าตัวเร่ง สายตาแดงก่ำจ้องมองอย่างเคร่งขรึม เขาไมได้ขลาดกลัวเลยหากต้องเอาชีวิตตัวเองแลกกับชีวิตตรงหน้านี้ “ผมสาบาน...ผมสาบานน้าทิมว่าผมจะต้องรอดให้ได้ ผมจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเอาเลือดของไอ้คนชั่วนั้นมาสังเวยวิญญาณของทุกคน” “คุณหนู รีบมุดออกไปนะครับ แล้วผมจะจัดการทางนี้เอง” ทิมกล่าว พร้อมทั้งดันตัวเด็กหนุ่มให้หมอบลงกับพื้นเพื่อจะให้ลอดผ่านช่องโหว่ที่เกิดจากการผุพังของผนังได้ รัชตะค่อยๆ ย่อตัวลอดและคลานออกไปทางด้านหลังของห้องน้ำร้างได้ในที่สุด แต่เขาไม่ได้หนีไปทันทีตามที่ทิมบอก ยังคงนั่งพิงกำแพงอย่างหมดหวัง และร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ทิมรีบเปิดประตูแล้วตัวเองก็ย่องออกไปเลียบพุ่มไม้ เขาต้องไปให้ไกลจากรัศมีบริเวณนี้เสียก่อนจะทำให้พวกมันรู้ตัว ไม่อย่างนั้นแล้วรัชตะอาจจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือมัจจุราชไปด้วย
ทิมยิงปืนใส่กลุ่มคนร้ายทันทีที่พาตัวเองออกมาทางด้านข้างของสวนหย่อมหลังบ้าน พวกมันหนึ่งคนถูกคมกระสุนล้มแน่นิ่งลงไปนอนกองกับพื้น
“มันอยู่นั่น...ตามไปเร็วจัดการมันให้ได้อย่าให้รอดไปได้นะ!!” วงศ์ศาสตร์หมอบตัวลงแล้วตะโกนลั่น บรรดาลูกน้องต่างวิ่งไปยังบริเวณต้นเสียงแห่งเพชฌฆาต คงเหลือแต่ตัวนายใหญ่ใจชั่วที่ลุกยืนท่ามกลางกองศพเกลื่อนกลาด เขาแสดงท่าทีโกรธจัด
ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมีคนเหลือรอดออกไป ไม่เช่นนั้นแล้วแผนการทุกอย่างที่วาดไว้ ก็จะพังพินาศเสียหมด วงศ์ศาสตร์ก้าวเท้าหวังตามไปดูสถานการณ์แต่ก็ต้องชะงักเสียก่อนเมื่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น เขาถอนหายใจยาวหนักๆ ก่อนจะล้วงหยิบเจ้าเครื่องที่ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมากดรับ
“ว่าไง...มีอะไรด่วนรึไงถึงได้โทรมาดึกๆ ดื่นๆ ขนาดนี้” ปลายสายหาใช่ใครที่ไหนแต่เป็นแม่บ้านที่บ้านเขานั่นเอง วงศ์ศาสตร์ถึงได้ตัดสินใจรับเพราะกลัวทางโน้นจะมีเรื่องจำเป็นต้องบอกกล่าว
“ว่าไงนะ...พิมพ์คลอดแล้วเหรอ...ได้ลูกผู้หญิง ดีมาก ดีมากๆ จวงดูแลลูกเมียฉันให้ดีๆ นะแล้วฉันจะตบรางวัลให้อย่างงาม...”
วงศ์ศาสตร์ส่งเสียงหัวเราะด้วยด้วยความปีติยินดีและดีใจอย่างที่สุด เมื่อวันนี้ที่เขารอมานานนับยี่สิบปีมาถึง ทายาทคนแรก และอาจจะเป็นคนเดียวได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว หารู้ไม่ว่าทุกสิ่งที่เขากำลังทำ ทุกอย่างที่เขาแสดงออกมันถูกจ้องมองด้วยสายตาที่แผ่รัศมีอาฆาตอย่างรุนแรงอยู่ด้านหลังซึ่งมีพุ่มไม้สูงลิบบดบังอยู่
เด็กหนุ่มกำมือแน่นกัดปากตัวเองจนเลือดไหลซิบ...
“เป็นข่าวดีจริงๆ จวงเพราะยัยหนูแท้ๆ ที่ทำให้ฉันมีแต่โชคแต่ลาภ ตั้งแต่พิมพ์ตั้งท้องยัยหนูมาฉันจะทำอะไรก็สำเสร็จละล่วงไปทุกอย่าง แม้แต่งานใหญ่ในวันนี้ ยัยหนูช่างเกิดมาเกื้อหนุนฉันจริงๆ จวงรีบไปบอกคุณผู้หญิงเลยนะว่าฉันมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขากับลูก...เป็นคฤหาสน์ใหญ่ที่สวยที่สุดเชียวล่ะ...เสร็จธุระทางนี้แล้วฉันจะรีบไปที่โรงพยาบาลทันที!!” โทรศัพท์ในมือถูกกดวางและนำใส่ไว้ในกระเป๋าดังเดิม วงศ์ศาสตร์หันมองบรรดาศพผู้ตายแล้วแสยะยิ้มก่อนจะเดินตามเหล่าลูกน้องที่กำลังตามล่าผู้รอดชีวิตไป