บทที่ 10 ตอนที่ 2

1578 คำ
กระนั้น ความกังวลเรื่องบุพการีจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นลูกสาวที่แสนดีคนเดิมอีกต่อไปก็ยังอัดอั้นอยู่ในหัวอก เมื่อคืนเธอนอนที่โรงแรมแห่งนี้กับเขาทั้งคืน พอล่วงเข้าวันใหม่ก็ยังกลับไม่ถึงบ้านเลย ไม่รู้ป่านนี้บิดาจะทราบเรื่องหรือยัง แล้วพวกคนรับใช้ที่บ้านจะพากันเป็นห่วงยุ่งเหยิงขนาดไหนกันนะ คิดแล้วก็พาลจะทำให้ยิ่งกลุ้มใจแล้วเธอจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดีล่ะ “ได้แล้วเอพริล...ค่อยๆ ดื่มนะ”                                    เจ้าของชื่อสะดุ้งตัวนิดนึงเพราะกำลังอยู่ในความกังวลส่วนตัว เธอแหงนหน้ามองเขาแล้วก็รีบหลบสายตาคมอย่างฉับพลัน ความอับอายที่มีอยู่มันทำให้เธอไม่กล้ามองหน้าเขายิ่งเกร็งประหม่าเมื่อชายหนุ่มนั่งลงและจับตัวเธอประคองให้ลุกโดยให้พิงอยู่กับอกเขา                                         “ค่อยๆ นะ ตัวคุณร้อนมากเดี๋ยวผมจะเช็ดตัวให้ก่อนแล้วเราค่อยไปหาหมอกันดีไหม” “เอพริล...อยากกลับบ้านค่ะ” เธอยังก้มหน้างุดเมื่อดื่มน้ำอุ่นนั้นจนชุ่มคอแล้ว และบอกในสิ่งที่ต้องการกับเขา “คุณไม่สบายอยู่นะ แล้วเราก็ต้องขับรถไกลมากผมว่าเราพักที่นี่จนกว่าอาการคุณจะดีขึ้นกว่านี้อีกนิดนะเอพริลแล้วค่อยกลับกัน” “คุณพ่อล่ะคะ ถ้าท่านทราบท่านจะต้องเป็นห่วงแล้วก็ไม่พอใจมากแน่ๆ อีกอย่างเอพริลก็กลัวคนที่บ้านจะถูกลูกหลงไปด้วย” “เรื่องนั้นไว้ผมจะจัดการให้เอง คุณไม่ต้องกังวลนะทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีจะไม่มีใครต้องเดือดร้อนเด็ดขาดเพราะการกระทำของผม แม้แต่คุณ...เชื่อผมนะเอพริล...”                                                                                         “ฉัน...เอพริลไม่อยากไปหาหมอค่ะ” เสียงอ้อมแอ้มพร่าหวิวบอกกับเขา พยายามขยับตัวออกจากอ้อมอกที่พักพิงแต่กลับถูกกอดรั้งแน่นเข้าอีก ครั้นจะใช้กำลังขัดขืนมากก็ไม่ได้ เพราะยังเจ็บระบมไปหมด คงต้องจำยอมอิงซบตามใจเขาอยู่เช่นนั้น “กลัวผมทำไม...ผมเป็นสามีคุณแล้วนะรู้หรือเปล่า” ชายหนุ่มถามอย่างอารมณ์ดี เพิ่มความอับอายให้กับคนในอ้อมกอดยิ่งนักถึงมันจะเป็นจริงตามนั้นก็หาใช่เรื่องที่ควรเอามาพูดล้อกันมิใช่หรือ “เอพริลบอกว่าไม่อยากไปหาหมอค่ะ...” “อ๋อ...ไม่สบายไม่ไปหาหมอแล้วจะหายได้ยังไงล่ะ ถ้าไม่หายก็ไม่ได้กลับบ้านนะ” “แต่...” ก่อนจะได้พูดอะไรออกไปมากกว่านั้นริมฝีปากบางเฉียบก็ถูกมือใหญ่แตะปิดเสียก่อนเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าไม่จำเป็นต้องพูดออกมาเขาก็เข้าใจ ดูจากสีหน้าท่าทางและอาการแล้วหญิงสาวคงอายถ้าต้องให้หมอตรวจรักษา เพราะนั่นเท่ากับคุณหมอท่านนั้นต้องรู้ที่มาของอาการเจ็บป่วยไปด้วยนั่นเอง “ผมเข้าใจแล้ว เอาอย่างนี้นะผมจะให้พนักงานหายามาให้คุณกินดูก่อนถ้ายังไม่ทุเลาสัญญากับผมได้ไหมว่าเราจะต้องไปพบหมอกัน ไปหาหมอผู้หญิงก็ได้” ทอเลเมียสเสนอ อดนึกขำกับการตอบรับแบบกล้าๆ กลัวๆ ตัวสั่นเทิ้มทั้งที่ถูกห่อไว้มิดชิดนั้นไม่ได้ “ทีนี้ต้องเช็ดตัวก่อน...” “เอพริลทำเองค่ะ...นะคะเอพริลทำได้อยากเข้าห้องน้ำอยู่พอดีด้วยค่ะ” “แน่ใจนะว่าจะไม่เป็นไร...เอาอย่างนี้นะผมจะอุ้มไปส่งในห้องน้ำแล้วพอคุณเสร็จธุระผมก็อุ้มกลับมานอนที่เตียงดีไหม มันจะได้ เอ่อ...ไม่ระบมมากนักไง” “ไม่เป็นไรค่ะ เอพริล...” “ถ้าอย่างนั้นผมจะจัดการทุกอย่างให้คุณเอง...ว่ายังไง” ยังจะมีทางให้เลือกอีกอย่างนั้นเหรอ “ค่ะ...”  สิ้นเสียงตอบรับอย่างจำยอมร่างของเธอก็ลอยลิ่วขึ้นจากเตียงอยู่ในอ้อมแขนเขา โชคดีที่ยังมีผ้านวมคลุมตัวอยู่ไม่อย่างนั้นเธอคงได้อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีกว่านี้แน่ๆ เพราะรู้ว่าตัวเองเปลือยเปล่าหาได้มีอาภรณ์ติดกายแม้แต่ชิ้นเดียว ชายหนุ่มอุ้มคนตัวเล็กเดินไปยังห้องน้ำด้วยความยากลำบากเล็กน้อยเนื่องจากเขาเองก็มีบาดแผลอยู่ตรงฝ่าเท้าพอดิบพอดี แต่มันก็ไม่ใช่อุปสรรคใหญ่หลวงในที่สุดอรุโณรีย์ก็เข้ามายืนเหยียบอยู่บนพื้นห้องน้ำจนได้ หญิงสาวยังไม่กล้ากระดิกตัวได้แต่ก้มงุดรอให้คนที่ยืนยิ้มกระหยิ่มตัดสินใจเดินออกไปและปิดประตูให้นั่นแหละเธอถึงได้จัดการทำภารกิจส่วนตัว ทอเลเมียสเดินเขยกกลับมาหยิบมือถือที่วางอยู่ตรงหัวเตียงก่อนจะหลังกลับไปมองที่ประตูห้องน้ำซึ่งยังปิดสนิทเพื่อความแน่ใจก่อนจะกดหารายชื่อที่ต้องการติดต่อ “ว่ายังไง...เรียบร้อยดีไหม” “ครับ...เป็นไปตามที่คุณต้องการทุกอย่างครับ...” ปลายสายรีบตอบรายงาน “แล้วตอนนี้พวกมันอยู่ไหน” “คิดว่าคงกลับไปแล้วครับ...ผมขับรถล่อมันไปอีกทางอย่างที่คุณสั่งรอจนถึงเมื่อคืนถึงได้ออกจากรถแสดงตัวให้พวกมันเห็นว่าในรถไม่ได้มีคุณกับคุณผู้หญิงคนนั้นอยู่พวกมันก็ตกใจกันใหญ่เลย แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาทำอะไรผมคงเพราะมัวแต่ห่วงจะตามหารถคันที่คุณกับคุณผู้หญิงอยู่ ผมเห็นพวกมันรีบขับรถออกไปอย่างเร็วก็สั่งให้ลูกน้องที่เหลือคอยติดตามปรากฏว่าพวกมันขับตามหาวนรอบหัวหินกันทั้งคืน พอไม่เจอวี่แววอะไรคงจะตัดสินใจกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วครับ” “ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกอิฐ ถ้าไม่เจอเอพริลแล้วกลับไปพวกมันต้องเจออะไรบ้างนายก็รู้ ฉันว่ามันคงยังวนเวียนอยู่ในหัวหินนี่แหละบางทีอาจจะดักซุ่มรอดูเงียบๆ รอให้เราชะล่าใจจนปรากฏตัวให้มันเห็นเองก็เป็นได้นะ” ต้นสายเสนอความคิดเห็น “แล้วคุณจะให้ผมทำอย่างไรต่อครับ จัดการเก็บเลยไหมครับ” “ไม่ต้อง! อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แค่บอดี้การ์ดที่วงศ์ศาสตร์ให้ตามมาดูเอพริลไม่ได้มีพิษภัยอะไร แต่มันเกะกะรำคาญลูกตาฉันเท่านั้นเองก็เลยให้นายช่วยไล่ไปซะ ปล่อยๆ มันไปก่อนเถอะ” “ครับ...แล้วถ้าทางโน้นรู้ขึ้นมาล่ะครับจะทำยังไง” “เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก ไอ้เฒ่านั้นกำลังได้ใจกับลูกค้ารายใหญ่ของมัน คิดว่าคงต้องดูแลเอาใจทางโน้นเต็มที่ไม่มีเวลามาวุ่นวายกับทางนี้หรอก” “ถ้าคุณแน่ใจอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรครับ ส่วนเรื่องพวกบอดี้การ์ดสองสามคนนั้นผมจะเอาเงินปิดปากมันสักก้อนกันพลาดไปก่อนดีไหมครับ” บอดี้การ์ดส่วนตัวนามว่าโยธินเสนอ เพราะเขาไม่วางใจว่าถ้าหากทุกอย่างยังไม่เรียบร้อยดีพอ เรื่องที่กังวลที่สุดก็คือกลัวเจ้านายตัวเองจะไปมีปัญหากับวงศ์ศาสตร์เข้า ด้วยทางนั้นก็กว้างขวางอยู่ไม่ใช่น้อย อีกทั้งคนหนุนหลังก็มีอิทธิพลใหญ่เสียด้วย “ดีแล้ว...จัดการตามนั้นเลยนะอิฐ ทำยังไงก็ได้แต่ต้องปิดวงศ์ศาสตร์ไว้ให้มากที่สุด”                                                            “ออ...อีกเรื่องครับ แล้วพวกคนรับใช้ที่บ้านล่ะครับเราจะทำยังไง”         “เรื่องนี้มันเป็นปัญหาของฉัน ฉันจะจัดการเอง เดี๋ยวจะบอกให้เอพริลโทรฯ ไปบอกว่าเธอไม่สบายต้องรอให้หายดีก่อนแล้วค่อยกลับ ออ...ช่วยซื้อยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบแล้วก็ยาแก้ไข้แล้วก็เสื้อผ้าที่เตรียมไว้ในรถมาให้ด้วยฉันคงไม่ออกไปไหนให้เป็นที่จับตาสักสองสามวันจนกว่าจะกลับไปทำงานตามปกติ” “อ๋อครับ...แผลที่เท้าอักเสบจนเป็นไข้เลยเหรอครับคุณนาซี ผมว่ากลับไปหาหมออีกรอบดีกว่าไหมปล่อยไว้แบบนั้นอีกตั้งหลายวันมันจะดีเหรอครับ” ปลายสายเสนอความเห็นด้วยความเป็นห่วงผู้ที่มันให้ความนับถือ โดยหารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใดเลย “ทำตามที่สั่งก็พอ...”                                                                โทรศัพท์ถูกกดวาง ร่างสูงใหญ่หันมองตรงประตูห้องน้ำอีกครั้งแต่มันก็ยังปิดอยู่เช่นเดิม ทอเลเมียสยิ้มร้ายมุมปากอย่างที่ชอบทำเป็นนิสัยก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงกว้าง อันที่จริงเรื่องที่วงศ์ศาสตร์ให้คนคอยติดตามนั้นอยู่ในความคาดหมายของเขาอยู่แล้วตั้งแต่แรก เพราะจิ้งจอกเฒ่าคงไม่ไว้ใจเขาถึงขนาดปล่อยให้ลูกสาวที่มันหวงนักหวงหนามาอยู่กับเขาตามลำพังได้อย่างสบายใจหรอก ชายหนุ่มจึงให้ลูกน้องใช้รถอีกคันที่เหมือนกับคันของเขาแล้วนำมาสับเปลี่ยนตอนที่เข้าโรงพยาบาลไปทำแผลที่ฝ่าเท้านั่นเอง 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม