บทนำ
เกิดมาเพื่อรองมือรองเท้า
คนหัวอ่อนและคนหัวอ่อน
มนุษย์เราจะสามารถทนเจ็บปวดได้สักแค่ไหน...
วิญญาณของอรินดามองร่างตนเองนอนอยู่ในโลงศพด้วยสายตาว่างเปล่า งานศพที่ถูกจัดแบบเรียบง่ายใกล้เคียงกับศพอนาถาไร้ญาติ ไม่มีเสียงร่ำไห้จากครอบครัว ไม่มีเพื่อนฝูงกล่าวอำลา
อรินดาคือลูกสาวคนโตของครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร เธอเติบโตขึ้นมาโดยปราศจากความรักเพราะบิดามารดาทุ่มเทความรักทั้งหมดไปยังน้องชาย
เป็นพี่ต้องเสียสละให้น้อง...
เป็นพี่ต้องดูแลน้อง...
เป็นพี่ต้องไม่เห็นแก่ตัว!
เป็นพี่ต้องอดทน!
เพียงเรียนจบแค่มัธยมศึกษาปีที่หก เธอก็ต้องโยนความฝันที่จะเข้าศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยทิ้งไป แล้วมาช่วยครอบครัวขายข้าวมันไก่ บ้านตึกแถวที่อยู่ในซอยแคบๆ ข้างวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครมีสภาพไม่ต่างไปจากชุมชนแออัดเท่าใดนัก
เงินทุกบาททุกสตางค์ที่หาได้ถูกนำไปใช้จ่ายกับน้องชายคนเล็กอย่างฟุ้งเฟ้อ น้องชายได้เรียนโรงเรียนเอกชนตั้งแต่อนุบาลจนจบมัธยมปลาย และไปศึกษาต่อปริญญาตรีที่อเมริกา ในขณะที่อรินดายืนหน้ามันเยิ้มหัวยุ่งขายข้าวมันไก่ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ไม่เคยได้เที่ยวเล่น ไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน ไม่มีความสุข ไม่เคยรู้จักคำว่าสมหวังสักครั้ง
ชีวิตมีแต่ความว่างเปล่า...
มีชีวิตอยู่ในครอบครัวที่ไม่เคยมีใครเห็นค่า ถูกกดขี่ ถูกบังคับ แต่เธอก็หัวอ่อนเกินกว่าจะลุกขึ้นสู้และไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเอง
สายไปเสียแล้ว...
‘อรินดาใหลตาย’ เธอนอนตายอยู่ในห้องนอนที่ทั้งเล็กและเหม็นอับถึงสามวันกว่าที่บิดามารดาจะมาพบศพ เพราะทั้งสองเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด
พวกเขาไม่ได้เสียใจ แต่กลับบ่นที่ต้องสิ้นเปลืองจ้างบริษัทมาทำความสะอาดเพราะกลิ่นศพทำให้ตึกแถวเหม็นอับจนไม่มีใครกล้ามาซื้อข้าวมันไก่
‘ทำไมไม่ไปนอนตายที่อื่น นอนตายในบ้านแบบนี้ต่อไปจะค้าขายยังไง เฮงซวยจริงๆ’
บิดาบ่นออกมาอย่างหัวเสีย เพราะต้องใช้เงินก้อนใหญ่ส่งค่าเทอมให้บุตรชายคนเล็กช่วงปลายปี มาค้าขายไม่ได้เช่นนี้แล้วต่อไปจะทำมาหากินยังไง
‘ใจเย็นก่อนเถอะเฮีย อาหมวยใหญ่ตายไปตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะเราจะได้เงินประกันจากการตายมาอีกหลายล้านบาท ประกันมีทั้งหมดสามฉบับ เงินพวกนี้น่าจะส่งอาตี๋จนเรียนจบปริญญาโทได้ไม่ยากเลย’
‘นั่นสินะ โชคดีจริงๆ เลย’
‘ถ้าอาตี๋เล็กรู้ว่าเราหาเงินค่าเทอมได้แล้ว ลูกคงดีใจมากเลยนะเฮีย’
ความจริงแล้วที่ทั้งสองเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดก็เพื่อจะตั้งใจนำโฉนดตึกแถวไปจำนองกับญาติเพื่อส่งเสียค่าเทอมแสนแพงให้กับบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนนั่นเอง
การตายของเธอคือความโชคดีของครอบครัวงั้นเหรอ
วิญญาณอรินดาร่ำไห้ แม้จะสำเหนียกมาตลอดว่าตนไม่เคยเป็นที่รัก มีชีวิตอยู่เหมือนสาวใช้คอยทำงานบ้านปัดกวาดเช็ดถู ยืนสับไก่อยู่หน้าร้าน พอว่างก็ต้องวิ่งไปล้างถ้วยชามที่หลังร้านแทบไม่เคยได้พักผ่อน
แต่เธอก็ไม่คิดว่าป๊ากับม้าจะไม่รักตนถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่เคยเห็นเธอเป็นลูกเลยงั้นเหรอ
‘ฉันตายไปแล้ว แต่ฉันก็ยังต้องเสียใจอยู่ ฉันไม่อยากเป็นคนหัวอ่อนอีกต่อไปแล้ว ฉันอยากเป็นคนเข้มแข็ง ฉันอยากเป็นคนร้ายๆ แรงๆ วีนเหวี่ยง อยากเป็นคนที่ทำอะไรเอาแต่ใจตัวเอง อยากเห็นแก่ตัวโดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น’
อรินดาปล่อยโฮออกมาจนดวงวิญญาณสีขาวของเธอกะพริบวูบวาบราวกับแสงหิ่งห้อย ก่อนที่จะหายวับไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว