ตอนที่ 7 : ความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย!!
กำแพงสีขาวที่ประดับด้วยอิฐสีทองเรียงต่อกันเป็นชั้นๆซึ่งมีขนาดสูงประมาณตึกสามชั้นตั้งอยู่ตรงหน้าเธอภายในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา ซึ่งความอลังการของมันส่งผลให้คราเทลถึงกับแหงนหน้าขึ้นมองด้วยความทึ่งอย่างปิดไม่มิด
“นี่มันพระราชวังหรือโรงเรียนกันแน่เนี่ย แถมยังตั้งอยู่ในย่านนี้อีก” หญิงสาวรำพึงออกมาเบาๆด้วยอารมณ์พิศวง ก่อนที่ความอยากรู้อยากเห็นจะเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็วตามนิสัยของเธอ
สถานที่ตั้งของโรงเรียนฟราเทลเลียสนั้นตั้งอยู่ที่บริเวณใจกลางเมืองซึ่งดูแล้ววุ่นวายมากกว่าจุดอื่นๆ แต่เธอก็ไม่สามารถจะเดาได้เลยว่า ภายใต้กำแพงขนาดใหญ่แห่งนี้จะทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับตอนที่ยืนอยู่ข้างนอกหรือเปล่า แถมยังไม่รู้ว่าที่นี่นั้นมีอะไรลึกลับซ่อนอยู่บ้าง
เพียงแค่คิด ดวงตาสีอเมทิสต์ก็สั่นระริกอย่างตื่นเต้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่ชายแล้วสื่อสารคำพูดออกมาทางแววตาว่า
‘รีบๆพาฉันเข้าไปดูข้างในเร็วๆเข้า’
“รู้แล้วล่ะน่า” เนเธอร์ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขยี้ผมสีน้ำตาลแดงของน้องสาวเบาๆอย่างเอ็นดู แล้วพาเธอไปยังหน้าประตูทางเข้าซึ่งเป็นประตูสีทองขนาดใหญ่ซึ่งถูกแกะสลักเป็นลวดลายอักขระมนตราอะไรบางอย่างรวมไปถึงรูปภาพของกลุ่มเมฆที่มีรูปเทวดากำลังโบยบินอย่างเป็นอิสระซ้อนทับอยู่ด้านบน
ร่างบางมองดูประตูบานใหญ่อย่างชื่นชม แต่ยังไม่ทันที่เธอจะก้มลงเข้าไปพิจารณาอักขระมนตราที่สลักเอาไว้อย่างละเอียด ประตูบานใหญ่ก็เปิดออกพร้อมกับทางเดินสีขาวสะอาดซึ่งทอดยาวขึ้นไปยังบริเวณที่ถูกถมให้กลายเป็นเนินโดยที่รอบๆข้างนั้นเป็นพื้นหญ้า มีลักษณะเป็นสวนที่ดูแล้วสบายตาและปลอดโปร่ง
“ดูแล้วต่างจากทุกอย่างที่อยู่นอกโรงเรียนลิบลับเลย” คราเทลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหม่อลอย ร่างของเธอก้าวเดินเข้าไปภายในอาณาเขตของโรงเรียนด้วยความตื่นตาตื่นใจอย่างที่สุด
แต่แล้ว ความโล่งโปร่งสบายก็จางหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อเธอพบว่าหลังจากที่เธอก้าวผ่านเนินขนาดกลางนั่นมาแล้วต้องพบกับ....ฝูงคนที่เบียดเสียดกันอย่างกับฝูงปลาที่ได้อาหาร!
“เฮ้ย! ทำไมคนมันถึงเยอะแบบนี้ล่ะพี่!”
“ก็วันนี้เป็นวันรายงานตัวนี่นา คนทั่วทั้งโดรีเธียต่างก็อยากเข้าโรงเรียนนี้ทั้งนั้นแหละ” เนเธอร์กลับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก จากนั้นเขาก็พาเธอไปยังลานขนาดกว้างที่ตรงพื้นนั้นถูกปูด้วยหินสีน้ำเงินและเขียวเข้มสลับกันไป ส่วนบริเวณตรงกลางนั้นเป็นบ่อน้ำพุขนาดใหญ่ซึ่งคราเทลคาดว่าคงจะดูสวยงามมากว่านี้ถ้าหากว่า....ไม่มีคนจำนวนมากมารุมอัดกันอยู่ในบริเวณนั้น!
“พี่เนเธอร์ รอด้วยสิ!” คราเทลรีบตะโกนเรียกพี่ชายของตนเองแล้วออกตัววิ่งไปเดินประกบกับเนเธอร์โดยด่วนเพราะกลัวจะพลัดหลงกัน
ชายหนุ่มพาเธอเดินแขวกเข้าไปในฝูงชนพร้อมกับเดินตรงไปยังกระดานขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายของลานน้ำพุซึ่งพอเธอสังเกตดูดีๆแล้วก็พบว่ามันคือรายชื่อของผู้สมัครของแต่ละภาคเรียนนั่นเอง
“เดี๋ยวพี่ดูภาคคราวน์กับเวอร์ริเออร์ให้ก็แล้วกัน ส่วนเธอก็ดูเนเจอร์กับคริสตัลนะ!” เสียงทุ้มตะโกนแข่งกับฝูงชนที่พากันรุมอยู่รอบๆป้ายขนาดใหญ่นี้เช่นเดียวกัน คราเทลพยักหน้าส่งให้เขา ก่อนจะกวาดตามองดูรายชื่ออย่างยากลำบาก ผู้คนที่ยืนเบียดเสียดกันทำให้ร่างบางรู้สึกอึดอัดเสียจนอยากจะตะโกนออกมาดังๆแต่เธอก็ต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะไม่อยากให้มีเรื่องตั้งแต่วันรายงานตัว
ดวงตาสีอเมทิสต์มองไล่ไปตามตัวหนังสือแต่ละบรรทัดอย่างใจเย็น มือข้างของเธอทำหน้าที่ในการปาดเหงื่อซึ่งไหลซึมออกมาตามใบหน้าจนทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับตนเองเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จมาหมาดๆ ส่วนอีกข้างก็คอยกันตนเองไม่ให้ใครมาเบียดตัวเธอมากจนเกินไป
“ไม่มีในภาคเนเจอร์งั้นเหรอ” ร่างบางรำพึงออกมาอย่างมึนงงว่าทำไมพ่อของเธอถึงไม่ได้เลือกให้เธอลงเรียนในสายนี้ ก่อนจะละสายตาไปมองดูหัวข้อที่สี่ตรงบริเวณบนสุดของกระดานมุมขวามือด้วยความหวาดระแวง
‘ หลักสูตรพิเศษ คริสตัล’ คราเทลอ่านตัวหนังสือสีดำสนิทนั่นด้วยจังหวะการเต้นหัวใจที่ถี่รวน สัญชาตญาณของเธอมันกำลังเตือนอะไรบางอย่างให้เธอรู้ แต่หญิงสาวกลับคิดว่ามันคงไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน....
หญิงสาวหลับตาลงเพื่อรวบรวมกำลังใจอีกครั้ง จากนั้นก็ลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองเนเธอร์ซึ่งกำลังมองหาชื่อของเธออย่างแข็งขันเช่นเดียวกัน แต่เมื่อสังเกตจากคิ้วของเขาที่ขมวดเข้าหากัน มันทำให้เธอพอจะเดาออกว่าเขายังไม่เห็นชื่อของเธอบนภาคเรียนคราวน์เลย
“เอาวะ!” คราเทลสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด ก่อนที่แววตาของเธอจะแปรเปลี่ยนเป็นแววตาจริงจัง และคราวนี้ เธอไม่ได้ใช้เพียงแค่ตาเท่านั้น แต่เธอกลับเข้าไปยืนใกล้ๆกับกระดานขนาดใหญ่มากกว่าเดิมพร้อมกับใช้นิ้วชิ้มไปที่รายชื่อแรกแล้วไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆจนกระทั่ง....
‘นายคราเทล เรเมอร์!’
“เฮ้ย!” ไม่เพียงเท่านั้น มือของเธอยังไปจนเข้ากับมือของใครอีกคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างด้านข้างอย่างแรงเพราะความตกใจของเจ้าตัวส่งผลให้คราเทลรีบหันไปขอโทษเจ้าของมือหนานั้นโดยด่วน
“ขอโทษด้วย” แต่ครั้นเมื่อดวงตาสีอเมทิสต์เงยขึ้นสบกับดวงตาของอีกฝ่ายแล้ว ตาของเธอก็โตมากกว่าเดิมจนแทบจะถลนออกมาเมื่อพบว่า คนที่เธอสะบัดมือไปโดนนั้นก็คือชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินแซฟไฟร์ที่เธอเคยเจอแล้วครั้งหนึ่งบนรถไฟนั่นเอง!
“เอส!!” คราเทลเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างอึ้งทึ่ง ใบหน้าคมคายส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนเช่นเคยก่อนที่เสียงทุ้มน่าฟังจะเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“นึกไม่ถึงว่าเราจะได้เจอกันอีก” เขากล่าวพร้อมกับละสายตาออกมาจากใบหน้าหวานแล้วมองดูตำแหน่งชื่อที่หญิงสาวชี้เอาไว้เมื่อครู่นี้ ซึ่งก็น่าแปลกที่เขาสามารถจำได้อย่างแม่นยำว่าคราเทลเคยชี้นิ้วอยู่ที่ตำแหน่งไหน ราวกับว่าเขามองดูหญิงสาวมาเป็นระยะเวลานานแล้วอย่างนั้นแหละ
“นายคราเทล เรเมอร์” เอสขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะหันมามองคราเทลที่กำลังส่งยิ้มแห้งๆให้ราวกับว่าเธอเป็นเด็กที่ถูกจับได้ว่าไปทำอะไรไม่ดีมา
“ที่จริง ฉันชื่อว่าคราเทล แต่สาบานได้ว่าฉันเป็นผู้หญิง! สงสัยว่าพ่อจะต้องทำอะไรพลาดสักอย่างแน่ๆ มันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้” หญิงสาวคิดพลางขยี้ผมของตนเองอย่างหัวเสีย ก่อนที่เธอจะเหลือบไปมองกระดานแผ่นใหญ่อีกครั้งอย่างข้องใจ แต่แล้วสายตาของเธอก็เหลือบเห็นรายชื่ออีกชื่อหนึ่งซึ่งอยู่ถัดจากรายชื่อของเธอ
“เอสตาร์ ฟีเดธเธอร์?” คราเทลหรี่ตามองชื่อนั้นอย่างสงสัย ก่อนที่เสียงของเอสจะดังขึ้นทำลายความใคร่รู้ของเธอ
“นั่นคือชื่อของฉันเอง ต้องขอโทษด้วยที่ตอนแรกฉันไม่ได้พูดชื่อจริงออกไป แต่ในเมื่อเธอเป็นคราเทลที่ไม่ใช่เซน่า ฉะนั้น เธอก็คงไม่โกรธที่ชื่อฉันมีขนาดยาวกว่าเดิมหรอกนะ” คำพูดของเขาส่งผลให้ร่างบางถึงกับมองค้อนอย่างเคืองๆ แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์โกรธเขาเพราะว่าเธอเองก็โกหกชื่อที่แท้จริงในครั้งแรกที่เจอกันเช่นเดียวกับเขา
“คราเทล พี่หาชื่อของเธอไม่เจอเลย ไม่รู้ว่า....” เสียงของเนเธอร์ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่เดินเข้ามาหา แต่แล้วคำพูดที่เหลือก็ถึงกับหยุดชะงักเมื่อเขาพบว่าคราเทลกำลังพูดคุยกับชายหนุ่มอีกคนซึ่งดูเหมือนกับว่ารู้จักกันมาก่อนแล้ว
“พี่เนเธอร์ ฉันเจอชื่อของฉันแล้วแต่ว่า คำนำหน้าของมันเป็น ‘นาย’ อ่ะ!” คราเทลหันไปกล่าวกับพี่ชายของตนเองเสียงเครียด และนั่นก็ทำให้เนเธอร์ละความสนใจจากชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทและดวงตาสีแซฟไฟร์อย่างรวดเร็วพร้อมกับหันไปมองน้องสาวของตนเอง
“ว่ายังไงนะ!”
หลังจากที่เนเธอร์ไปแจ้งเรื่องความผิดพลาดในการลงชื่อให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนได้ทราบแล้ว เรื่องของเธอก็ถูกรายงานไปยังครูใหญ่ของโรงเรียนโดยตรงเพราะนี่ถือว่าเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงซึ่งบางทีเธออาจจะถูกเข้าใจผิดว่าปลอมแปลงเอกสารหรือว่าอะไรที่ร้ายแรงไปกว่านั้น
“พ่อนะพ่อ ทำไมถึงทำแบบนี้เนี่ย!” คราเทลตอนนี้กำลังนั่งกุมขมับอยู่ที่หน้าห้องขนาดใหญ่ซึ่งถูกตกแต่งอย่างหรูหราภายในตึกขนาดใหญ่สีขาว ความสูงหกชั้นตรงบริเวณใจกลางของโรงเรียนซึ่งจะต้องเดินผ่านลานน้ำพุไปประมาณครึ่งกิโลเมตรกว่าจะถึงที่หมาย
เอสตาร์หรือที่เธอเรียกเขาว่าเอสเฉยๆเพราะความเคยชินขออาสาตามมาด้วยโดยที่เขากับเนเธอร์คอยส่งสายตาเขม่นใส่กันแทบจะตลอดเวลาจนเธอเริ่มจะชินเสียแล้ว
และเพื่อกันไม่ให้พวกเขามองหน้ากันบ่อยๆจนถึงกับมองหน้ากันอย่างหาเรื่องทั้งๆที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาโกรธแค้นอะไรกันนักหนา เธอจึงเลือกที่จะนั่งคั่นกลางระหว่างชายหนุ่มทั้งสองคน
ภายในอาคารแห่งนี้ดูเงียบสงบตั้งแต่เธอเริ่มเดินเข้ามาซึ่งมันแตกต่างจากบริเวณลานน้ำพุที่แสนวุ่นวายโดยสิ้นเชิง นั่นทำให้หญิงสาวอดที่จะคาดเดาไม่ได้ว่าในเวลาปกติ บรรยากาศภายในฟราเทลเลียสนั้นเป็นแบบไหนกันแน่
แต่เธอก็ยังไม่มีโอกาสได้ถามจากพี่ชายของเธอเกี่ยวกับสิ่งที่สงสัยรวมไปถึงตึกแห่งนี้เนื่องจากต้องรีบเดินตามเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการรับสมัครเข้าเรียนมาที่หน้าห้องของครูใหญ่ซึ่งอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคาร
"อย่าคิดมากไปเลยหน่าคราเทล พี่ว่าปัญหาแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก พี่เคยพบกับท่านโลแลนหลายครั้งแล้ว ท่านเป็นคนใจดี รับรองว่าเธอจะต้องได้สิทธิ์เข้ารับการทดสอบในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน” เนเธอร์เอ่ยพลางลูบหลังของคราเทลเบาๆอย่างให้กำลังใจ
การกระทำของเขาเรียกให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างขอบคุณก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อนึกได้ว่าถึงเธอจะทำท่าเศร้าไปก็ไม่มีประโยชน์ แม่บุญธรรมของเธอเคยสอนเอาไว้เสมอว่าเมื่อเรามารู้สึกผิดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้เราแย่ลง
ในเมื่อปัญหามันเกิดขึ้นแล้ว หน้าที่ของเธอก็คือต้องแก้ไขมันเท่านั้น!