ตอนที่ 13 หวนคืน/1

1392 คำ
ในขณะเดียวกัน มิติแห่งกาลเวลาพลันเกิดซ้อนทับขึ้นมาโดยพลัน ห้วงเวลาในยุคปัจจุบันซึ่งกำลังจุดดอกไม้ไฟหนึ่งแสนนัดในงานเทศกาลชีซีอยู่ในขณะนั้นยังคงดำเนินต่อไปในโลกของอนาคต เสียงดอกไม้ไฟดังกระหึ่มกึกก้องดังแว่วเข้าหูของมี่อิง ปัง!ปัง!ปัง! เสียงกระหึ่มกึกก้องประหนึ่งฟ้าคำรามลั่นแทรกทะลุมิติเข้ามาในกาลเวลาแห่งอดีต พร้อมร่างระหงของจ้าวมี่อิงเลือนหายไปจากยุคโบราณทันที พร้อมเสียงกระโดดจากหลังคารถม้ามาหยุดอยู่ตรงประตูทางเข้า ผ้าม่านผืนใหญ่ที่กำลังปิดในขณะนั้นถูกแม่ทัพรูปงามเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พรึ่บ!!! ผ้าม่านปืดประตูถูกมือหนาเปิดขึ้นอย่างรวดเร็วติดตามด้วยเสียงเกรี้ยวกราดดังก้องตามติดมา “คิดหรือว่าซ่อนตัวในรถม้าของขุนนาง ข้าจะไม่ตรวจค้น!” เสียงตวาดดุดันดังกระหึ่ม ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้มีชัยเลือนหายไปทันที ครั้นดวงตาสีนิลเห็นสตรีสาวสองนางกำลังซุกตัวกอดกันจนตัวกลมด้วยความหวาดกลัว อะ...เออ จางเย่วฉินได้แต่ส่งเสียงเบาๆ อยู่ในลำคอเมื่อภายในรถนั้น มีสตรีเพียงสองนางมิใช่สามนางตามรายงาน แต่ถึงกระนั้นเพื่อความแน่ใจก็ต้องตรวจค้น “เจ้าทั้งสองเงยหน้าขึ้น” เสียงกร้าวสั่งการออกไปทันที เฮือก!! ร่างเล็กๆ ของคุณหนูสกุลเฉียนพร้อมสาวใช้สะดุ้งจนสุดตัวครั้นได้ยินเสียงตวาดกึกก้องเช่นนั้น “ข้าบอกให้เงยหน้าขึ้น!” จางเย่วฉินตวาดเสียงดุดัน “เงยแล้วเจ้าค่ะ! เงยแล้ว!” เสียงของคุณหนูตระกูลเฉียนดังแทรกขึ้นมาทันที พร้อมสาวใช้อี๋นั่วของนาง ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้ามองแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถัง ซึ่งกำลังนั่งยองๆ อยู่ตรงประตูทางเข้าออกของรถม้า ครั้นจางเย่วฉินได้เห็นใบหน้าของสตรีสาวทั้งสองบนรถม้าเช่นนั้น ดวงตาแปรเปลี่ยนไปทันใด “เฉียนจินเอ๋อ!” แม่ทัพรูปงามเรียกชื่อของคุณหนูตระกูลเฉียนขึ้นมาทันที ท่ามกลางรอยยิ้มเจื่อนๆ ของอีกฝ่ายส่งยิ้มให้ ก่อนจะรู้สึกว่าคนที่เคยนั่งข้างกายนางติดกับหน้าต่างของรถม้าบัดนี้เลือนหายไปไหนแล้วก็มิอาจรู้ได้ ใบหน้าหันกลับไปมองด้วยความตกใจระคนสงสัยเมื่อไม่ปรากฏร่างของมี่อิงนั่งอยู่ด้วยแม้ว่าจะงุนงงเพียงใดคุณหนูเล็กของตระกูลเฉียนรีบฉวยโอกาสแก้สถานการณ์ขึ้นมาทันที “ท่านแม่ทัพมีอะไรกับจินเอ๋ออย่างนั้นหรือเจ้าคะ หรือว่ามาหาท่านพ่อของข้าน้อย ดูท่าจะมาไม่สบจังหวะเสียแล้วเพราะวันนี้ท่านพ่อติดราชการสำคัญด่วน จึงไม่ได้เดินทางมาพร้อมกับขบวนรถในครั้งนี้ เห็นบอกว่าจะตามหลังไปอีกหนึ่งหรือสองวันเจ้าค่ะ” เฉียนจินเอ๋อตอบกลับไป คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น กิริยาเมื่อครู่ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความสงสัยระคนแปลกใจราวกับว่ามีบางอย่างหายไปของคุณหนูเล็กสกุลเฉียน ล้วนตกอยู่ในสายตาของจางเย่วฉินทั้งสิ้น “กิริยาของนางเมื่อครู่ดูคล้ายจะตกใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่มีบางอย่างหายไป ไม่ใช่ตกใจเพราะเห็นข้า...ดูท่าเฉียนจินเอ๋อจะต้องล่วงรู้อะไรบางอย่างเป็นแน่หรืออาจจะรู้จักสนิทสนมสตรีอาภรณ์ขาวผู้นั้นก็เป็นได้” แม่ทัพหนุ่มรำพึงอยู่ภายในใจ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างประสานเข้าหากัน “ขออภัยที่ทำให้ตกใจ ข้ากำลังค้นหาและติดตามจับคนร้ายจึงเสียมารยาทเข้าบุกตรวจค้นขบวนรถของขุนนางและกระทำการเยี่ยงเมื่อครู่ที่ผ่านมา” แม่ทัพหนุ่มรูปงามกล่าวออกไปให้อีกฝ่ายเข้าใจ “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ! ข้าน้อยเข้าใจการทำงานของท่านแม่ทัพเป็นอย่างดีว่าต้องทำตามหน้าที่ ในฐานะที่เป็นชาวฉางอานเช่นกัน ก็ควรจะให้ความร่วมมือกับทางการมิใช่ขัดขืนการทำงาน แล้วนี่ท่านแม่ทัพพบบุคคลต้องสงสัยหรือไม่เจ้าคะ” คุณหนูตระกูลเฉียนเลียบๆ เคียงๆ ถามกลับไป ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปมาติดๆ กันเมื่อได้ยินคำถามกลับมาเช่นนั้น “ดูท่าจะต้องมีคนช่วยพานางหลบหนีไปแล้ว เอาเป็นว่าข้าต้องขออภัยยิ่งนักที่ทำให้แตกตื่นตกใจกลัวกันถ้วนหน้า หากสะสางงานบรรเทาเบาบางลง ข้าจะเข้าไปพบเจ้ากรมคลังเพื่อขออภัยอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เชิญเดินทางต่อไปเถิด” จางเย่วฉินกล่าวพร้อมยกมือประสานเข้าหากันพลางกระโดดลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความโล่งอกของเฉียนจินเอ๋อและสาวใช้ของนาง ครั้นเห็นร่างใหญ่ของแม่ทัพชื่อก้องกระโดดลงจากรถม้าของตนไปยืนอยู่ด้านข้างเช่นนั้น พร้อมเสียงของแม่ทัพรูปงามดังกระหึ่มขึ้น “ออกเดินทางต่อไปได้!!!” เสียงสั่งการดังออกมาพร้อมขบวนรถม้าของตระกูลเฉียนที่หยุดอย่างกะทันหันเมื่อครู่เริ่มเคลื่อนตัวและออกเดินทางกันอีกครั้ง ท่ามกลางความโล่งใจของนายบ่าวที่อยู่ภายในรถม้าคันสุดท้าย “โอ้ยย! ข้านึกว่าจะถูกท่านแม่ทัพจับได้เสียแล้วอี๋นั่ว ดีนะที่อิงอิงหนีทัน” เฉียนจินเอ๋อพูดพร้อมยกมือขึ้นลูบหน้าอกของนางขึ้นลงไปมาในขณะที่คนเป็นบ่าวเหลือบสายตามองไปยังที่นั่งส่วนที่เหลือติดกับหน้าต่างไร้สิ้นวี่แววใดๆ ของมี่อิง “แต่คุณหนูเจ้าคะไม่สงสัยบ้างหรือไรว่าคุณหนูจ้าวหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไร ทำไมคุณหนูและบ่าวทั้งๆ ที่อยู่บนรถม้าก็ยังมิล่วงรู้ว่าหลบหนีไปทางไหน จะออกทางหน้าต่างหรือทางประตูแม่ทัพจางก็ต้องเห็นอย่างแน่นอน ในเมื่อท่านแม่ทัพอยู่บนหลังคาของรถม้า แต่นี่อะไรกันจู่ๆ ก็หายตัวไปประหนึ่งราวกับว่าล่องหนหายตัวได้เลยนะเจ้าคะ” อี๋นั่วพูดออกมาไม่หยุดตามนิสัยช่างสงสัยและชอบซักถาม ในขณะที่คุณหนูตระกูลเฉียนเองในเวลานี้ก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างจากสาวใช้ของนางแม้แต่น้อย กับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของมี่อิงเพื่อนใหม่ของนาง “ข้าเองก็สงสัยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเจ้า อิงอิงหนีไปได้แต่นางไปด้วยวิธีใดนี่สิเหตุใดจึงไร้วี่แววและตัวตนเช่นนี้ ราวกับว่านางสามารถล่องหนหายตัวได้ ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก” เฉียนจินเอ๋อรำพึงออกมาเบาๆ “เป็นไปได้หรือไม่เจ้าคะคุณหนูว่าคุณหนูจ้าวมิใช่มนุษย์ นางอาจเป็นเทพธิดาที่อยู่บนสวรรค์มาเที่ยวชมเทศกาลชีซีในโลกมนุษย์ก็อาจเป็นไปได้นะเจ้าคะ อีกทั้งงดงามมากถึงขนาดนั้นสตรีที่ว่างามที่สุดในต้าถัง ล้วนอยู่ในพระราชวังในฐานะพระสนมนางในกันหมด ก็มิงามเทียบเท่ากับคุณหนูจ้าวแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์ เครื่องประดับลักษณะการแต่งกายไม่ใช่ชาวฉางอานที่เคยพานพบมาก่อนเลยนะเจ้าคะ...ในความคิดของบ่าวคิดว่าคุณหนูจ้าวจะต้องเป็นเทพธิดาชีซีแน่ๆ “เทพธิดาชีซีอย่างนั้นเหรอ” เฉียนจินเอ๋อรำพึงออกมาเบาๆ ครั้นได้ยินสาวใช้ของนางกล่าวออกมาเช่นนั้น “เหลวไหลสิ้นดีอี๋นั่ว คิดอะไรเช่นนั้นของเจ้า นิทานปรัมปราจะเอามาเปรียบเทียบกับอิงอิงได้อย่างไร ถ้าอยากรู้ว่าเป็นเช่นไรเอาไว้ได้พบกับนางอีกครั้งจึงค่อยถามไถ่ดีกว่าเดาไปทั่วเช่นนี้” เสียงแหลมเล็กตำหนิบ่าวรับใช้คนสนิทของนาง “จะมีโอกาสอีกหรือเจ้าคะ..คาดว่าคงได้มีวาสนาพบกันก็เพียงแค่ครานี้เท่านั้น” บ่าวปากไวพูดออกไปโดยมิทันคิดอีกแล้ว และนั่นเป็นเหตุให้คุณหนูตระกูลเฉียนฉุกคิดกับคำพูดดังกล่าวของสาวใช้คนสนิทขึ้นมาทันที “ก็จริงของเจ้าว่าคงมีวาสนาได้พบกันเพียงแค่ครั้งนี้เท่านั้น มิรู้ว่าจะได้มีโอกาสพานพบกันอีกหรือไม่” เฉียนจินเอ๋อรำพึงเสียงแผ่วเบา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม