เฮือกกก! ร่างที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ในขณะนั้นสะดุ้งจนสุดตัวก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวไปมา เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยรู้สึกว่ามีแสงยามเย็นส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาภายในห้องนอน หญิงสาวรีบดีดตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทันที ก้มมองสำรวจไปทั่วร่างกายของตนเอง
“นี่เราฝันไปเหรอเนี่ย” มี่อิงนึกถึงความฝันของตัวเองที่ได้ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายหนุ่มรูปงาม
ใบหน้าหญิงสาวร้อนผ่าวแดงก่ำขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงภาพที่ร่วมรักกันอย่างดุเดือด มือเรียวสวยยกขึ้นมาปิดใบหน้าเอาไว้ด้วยความเขินอายแล้วพูดกับตัวเองเบาๆ
“ฝันแบบนี้ถ้าเป็นผู้ชายเขาเรียกว่าฝันเปียก แต่ฉันเป็นผู้หญิงฝันแบบนี้จะเรียกว่าเปียกไหมเนี่ย! จ้าวมี่อิงเอ้ยจ้าวมี่อิงเธอมันเก็บกดเรื่องอย่างว่านักหรือไง จู่ๆ ก็ฝันเห็นอะไรแบบนี้ด้วย” หญิงสาวส่ายหน้าตัวเองไปมา
ด้วยไม่รู้ว่าเป็นเพราะความระอาหรือเป็นเพราะเสียดายที่สะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาเพราะนาฬิกาปลุกกันแน่ก็ไม่อาจรู้ได้ คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดเข้าหากันด้วยรู้สึกว่าผู้ชายในฝันช่างคุ้นตายิ่งนัก
“ว่าแต่ทำไมถึงรู้สึกว่าผู้ชายในฝันทำไมถึงดูคุ้นๆ จัง เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เสียงที่ได้ยินก็คุ้นหูคล้ายความฝันก่อนหน้านั้นเลย เพียงแต่เห็นหน้าไม่ชัดเท่าไร นี่อย่าบอกนะว่าเขาเป็นเนื้อคู่เรา โอโห่! นี่ถ้าได้สามีหื่นๆ เหมือนในฝันแบบนั้นก็ดีอะดิ”
ประโยคสุดท้ายจ้าวมี่อิงกลับมีความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ว่าการมีสามีหื่นๆ แบบนั้นคงจะดีไม่น้อยเลยเชียวละก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาทั้งๆ ที่ยังงัวเงีย
นิ้วมือเรียวสวยจับแหกตาของตัวเองให้เปิดออกกว้าง ด้วยเพราะรู้สึกว่าหนังตายังหนักอึ้งดั่งกับหินอยู่เช่นเดิม เสมือนว่าเธอนอนไม่เคยอิ่มสักที
หาวววว เสียงหาวนอนดังออกมาพร้อมโน้มกายจนศีรษะปักลงบนฟูกนอน
กริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์ภายในห้องพักดังกระหึ่มขึ้น
“ใครโทรเข้ามาในห้อง! คนกำลังจะนอนขัดอยู่ได้” มี่อิงบ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์
จ้าวมี่อิงค่อยๆ หมุนตัวจากปลายเตียงคืบคลานไปทางหัวเตียงอย่างช้าๆ ด้วยเพราะเธอขึ้นชื่อในการนอนดิ้นชนิดที่ว่าตอนเข้านอนกับตอนตื่นนอนคนละเรื่องเลยทีเดียว มือเรียวสวยไขว้คว้าหาเครื่องรับโทรศัพท์ก่อนจะยกขึ้นจ่อเข้าที่ใบหู
“ฮานโหลลลล” เสียงยานคางตอบปลายสายกลับไปพร้อมส่งเสียงหาวนอนตามติดมา
“เสี่ยวอิงยังนอนอยู่อีกเหรอ ฉันโทรเข้ามือถือแต่เธอดันปิดเครื่องก็เลยกดโทรเข้าห้อง” เสียงปลายสายถามกลับมา
“อือ...ยางนอนอยู่...มีอาราย” เธอยังตอบเสียงยานคางกลับไปด้วยยังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ในขณะนั้น
“อ่อ...ไม่มีอะไรหรอก วันนี้เป็นเทศกาลชีซีพี่ตงชวนฉันไปทานข้าวและบอกให้ชวนเธอไปด้วยกันจะได้มีเพื่อน ฉันก็ว่าดีนะได้มีเธอไปเป็นเพื่อนด้วยกัน ไปตามลำพังจะได้ไม่น่าเกลียด อีกอย่างพวกเราได้พักผ่อนตั้งสองวันมีเวลาว่างถือโอกาสไปเที่ยวซีอานด้วย” เสียงของเพื่อนร่วมงานอีกฝ่ายส่งเสียงปลายสายกลับมา
และนั่นทำให้มี่อิงยกมือเกาศีรษะของเธอที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วยิ่งยุ่งเข้าไปอีก
“เธอจะเอาฉันไปเป็นไม้กันหมาทำไม ไม่ดีเหรอที่พี่ตงรูปหล่อขวัญใจของเธอชวนไปกินข้าว แอบชอบพี่เขาอยู่แล้วจะเอาเพื่อนอย่างฉันไปขัดความสุขทำไม บอกพี่เขาไปว่าฉันขอตัวอยากนอนพักผ่อน รู้สึกไม่ค่อยสบายคล้ายราวกับว่ากำลังจะมีไข้” มี่อิงตัดบทสนทนาเสียงห้วนอย่างไร้น้ำใจ พร้อมวางหูโทรศัพท์ไว้บนพื้นโต๊ะเพื่อไม่ต้องการรับสายจากใครอีก
“เรื่องอะไรจะไป หวังจะให้ร่วมแชร์ค่าอาหารด้วยนะสิ ตัวเองเป็นฝ่ายชวนอยากเลี้ยงข้าวผู้ชายที่ชอบ คิดหรือว่าจะรู้ไม่เท่าทันเธอแต่มาอ้างว่าพี่ตงเอ่ยปากชวน คนอย่างอิงอิงไม่โง่หรอก แค่ฝึกสามเดือนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันฉันก็รู้นิสัยหล่อนจนหมดแล้ว...ชิ!” มี่อิงคนงามบ่นพึมพำอย่างหัวเสียก่อนจะสะบัดผ้าห่มที่คลุมกายเธออยู่ในขณะนั้นออกเพื่อลุกขึ้นจากเตียงนอน
“หิวข้าวแฮะ! แต่จะให้ไปกินข้าวกับคนเห็นแก่ตัวพรรคนั้นไม่เอาด้วยหรอก สู้ไปเองคนเดียวไม่ได้ วันนี้เป็นเทศกาลชีซีเสียด้วย เมืองซีอานเขาจัดงานนี้แบบไหนนะไปเดินเที่ยวชมงานดีกว่า คนไม่มีแฟนอย่างเราใช่ว่าจะไปเดินงานเทศกาลแห่งความรักแบบนี้ไม่ได้เสียที่ไหนกันเชียว” พูดพลางกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน กระโดดเป็นลิงพรวดเดียวเข้าไปภายในห้องน้ำทันที
เพียงไม่นานจ้าวมี่อิงปรากฏกายอยู่ในชุดลำลองสบายๆ กางกางยีนสีกรมท่ารับกับช่วงขาเรียวยาวเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนพับสำเร็จยาวถึงข้อศอก ชายเสื้อสอดเข้าไปในใต้ขอบกางเกงสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวแบรนด์ดัง ปล่อยผมสีดำยาวสยายระดับความยาวถึงกลางหลังทำทรงผมแสกกลางรับกรอบหน้ารูปไข่ของเธอ
“ชุดนี้แหละเดินเที่ยวงานได้สบายๆ เลย แต่ว่าจะไปแบบหน้าซีดๆ จืดอย่างนี้นะเหรอ เอาสักหน่อยเถอะนะเดี๋ยวถ่ายรูปตอนเดินเที่ยวงานจะได้สวยดูดีทุกภาพ” หญิงสาวพูดพลางหัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่
มือเรียวงามกรีดกรายพลางกางนิ้วยาวประดุจลำเทียนตั้งตรง เล็บมือถูกตัดแต่งอย่างสวยงามพร้อมเคลือบเล็บสีนู้ดอมชมพูเงาเฉิดฉาย หยิบเครื่องสำอางคงามเฉิดฉายส่วนตัวของเธอ ลงมือเริ่มแต่งหน้าให้กับตัวเองเพียงบางเบาๆ รองพื้นสีเนื้อฉาบลงบนใบหน้าเข้ากับผิวขาวอมชมพูดั่งหิมะ คิ้วไม่ต้องเขียนเพราะคมเข้มเรียงตัวสวยตามสายเลือดตรุกีของเธอ
ดวงตาสีชากลมโตกรีดอายไลเนอร์สีดำสนิท เปลือกตาไล้กริตเตอร์ฉาบสีนู้ดอมทองรวมไปถึงพวงแก้มนวลเนียนไล้บลัชออน ไฮไลท์เนื้อชิมเมอร์ มีกลิตเตอร์วิ๊งๆ เนื้อแน่น ปัดแล้วเป็นสีระเรื่อ แลดูฉ่ำสุขภาพดีทำให้ใบหน้าดูมีมิติตบท้ายด้วยลิปสติกสีกลีบบัวเนื้อแมทฉาบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มของเธอได้อย่างเหมาะเจาะและลงตัวที่สุด
“เสร็จแล้ว” กล่าวพร้อมเม้มปากเข้าหากันเกลี่ยสีลิปสติกให้เนียนเสมอกัน
“คนสวยยิ่งแต่งก็ยิ่งสวย สวยงามเบอร์นี้มันจะต้องมีสักวันสินะที่คนอย่างจ้าวมี่อิงจะต้องได้สอยผู้ชายในอุดมคติที่วาดฝันไว้มาเป็นแฟนอย่างแน่นอน ไม่นานหรอกเนอะอิงอิง” คนงามนอกจากชอบพูดอวยตัวเองแล้วยังเข้าข้างตัวเองเป็นที่หนึ่ง
ปากก็บอกว่าอยากมีแฟนแต่เจ้าหล่อนกลับไม่เปิดโอกาสให้ผู้ชายเข้าใกล้แม้แต่คนเดียว ทั้งๆ ที่มีผู้ชายหล่อๆ และร่ำรวยมากมายตกหลุมเสน่ห์คุณเธอจนโงหัวไม่ขึ้นมาตั้งแต่เข้าสู่วัยสาว ทว่าจ้าวมี่อิงกลับบอกว่าผู้ชายที่แจกขนมจีบให้เธอนั้นมิใช่ชายในอุดมคติแต่อย่างใด แล้วประเภทไหนเล่าถึงจะโดนใจเจ้าหล่อนก็มิอาจรู้ได้
คนสวยยืนส่องตัวเองอยู่หน้ากระจกอย่างพึงพอใจ พลางหันร่างหมุนวนไปมาโดยรอบ เมื่อชุดที่เลือกสวมใส่ในวันนี้แม้จะแลดูธรรมดาแต่ก็ทำให้เธอทั้งเท่และทะมัดทะแมงเสียจริง
“นี่แหละคือตัวฉันแต่งตัวเป็นเสียอย่าง ไม่ต้องซื้อของแพง เสื้อผ้าราคาเบาๆ ไม่ต้องแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้าฉันก็ดูดีได้เหมือนพวกบ้าแบรนด์เหมือนกัน” กล่าวพร้อมวางที่ปัดแก้มลงกับโต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมหันกายหยิบกระเป๋าสะพายไหล่หมุนตัวเดินออกจากห้องพักไปอย่างรวดเร็ว