หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จทั้งหมดช่วยกันเก็บของได้เวลาแยกย้ายกันไปพักผ่อน ส่วนใครจะออกไปเที่ยวตรงไหนก็ได้เวลาตอนที่เสร็จภารกิจตอนนี้แหละ
หมอธันวาพาวาทยามาที่ห้องพักด้วย ความเคร่งขรึมเย็นชาของเขานั้นยิ่งหนักกว่าเดิมจนวาทยานึกหวั่นใจ แต่ก็ยังไม่อยากที่จะยอมแพ้
แอ๊ด!
หมอธันวาเปิดประตูเข้าไป
"เอาของไปเก็บแล้วก็รีบอาบน้ำแต่งตัว จัดการธุระของเธอให้เสร็จ"
สั่งด้วยน้ำเสียงเข้มจนคนฟังรับรู้ได้ถึงพลังแห่งความเย็นเชียบอีกครั้ง
"พี่หมอจะไปไหนคะ?"
วาทยาถามขึ้นที่เห็นเขาทำท่าจะออกไปจากห้อง
"เธอจะให้ผู้ชายอยู่ในห้องในขณะที่เธอจะแก้ผ้าอาบน้ำเหรอ?"
เขาพูดเสร็จก็กำลังจะเดินออกไป ทว่า
"วาขอโทษนะคะ..ที่มาทำให้พี่หมอลำบากใจ..วาแค่อยากอยู่ใกล้ๆพี่หมอก่อนที่..."
วาทยาจะพูดแต่ก็หยุดไป หมอธันวาหยุดฟังเธอพูดแต่ไม่ได้หันมามอง
"มาแล้วก็แล้วไปเถอะ เห็นแก่ที่เธอพยายามดั้นด้นมา ก็อยู่เที่ยวไปสักอาทิตย์หนึ่งค่อยกลับแล้วกัน รีบไปอาบน้ำเถอะ"
"แต่ว่าวา..."
"อย่าพูดในสิ่งที่มันไม่สมควรพูดออกมาเลย และอย่างหวังในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้"
วาทยาถึงกับสะอึกกับสิ่งที่หมอธันวาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆนั้น ใจจริงเขาอยากจะพูดกับเธอให้ดีกว่านี้ แต่เขาไม่อยากจะเปิดใจให้ใครจริงๆ เขารู้ว่าวาทยาพยายามจะจีบเขาอยู่เพราะสายตาของเธอที่มองมามันมีความหมายความรู้สึกลึกซึ้งอยู่ เขามีอายุมาจนป่านนี้แล้วและก็เจอผู้หญิงที่พยายามเข้ามาหาเขามากมายทำไมเขาจะดูไม่ออก
"ถึงยังไงก็ขอบคุณนะคะ แค่อาทิตย์เดียวก็ดีที่สุดสำหรับวาแล้วค่ะ"
วาทยาไม่ได้บอกความจริงว่าอีกไม่กี่วันเธอจะไปเรียนต่อเมืองนอกแล้ว เธอแค่อยากมีเวลากับเขาให้นานที่สุดก่อนที่จะจากกันไปจริงๆ เผื่อว่ากลับมาครั้งหลังเขาจะแต่งงานไปแล้วก็ไม่นึกเสียดาย วาทยาทำใจไว้แล้วว่าเอาชนะใจของเขายากมาก...
แต่ตอนนี้เธอเผลอใจมอบให้เขาไปแล้วจริงๆ พลังแห่งความอบอุ่นเวลาที่อยู่ใกล้เขามันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขใจ ถึงแม้ว่าในเวลาปกติเหมือนเขาจะพยายามอย่างหนักที่จะไล่เธอไปก็ตาม แต่วาทยาสัมผัสเขาอีกมุมนึงได้ และหวังว่าเขาจะแสดงมุมนั้นออกมาให้เธอเห็น..แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาเนิ่นนานก็ตามแต่
-พลบค่ำ-
บรรยากาศยามค่ำคืนบนดอยแห่งนี้ช่างมืดมิดนัก แต่ก็ยังมีแสงไฟระยิบระยับส่องประกายวิบวับอยู่บ้าง วาทยานั่งอยู่ตรงระเบียงของโฮมสเตย์เหม่อมองทอดสายตาดื่มด่ำไปกับบรรยากาศยามค่ำคืนลมหนาวพัดมาสัมผัสกับผิวหนังจนหนาวเหน็บพอๆกับข้างในหัวใจเธอตอนนี้เลย
ตอนนี้หมอธันวายังไม่กลับมาหลังจากที่เขาออกไปพบเพื่อนๆ แต่ไม่ได้ชวนวาทยาไปด้วยซึ่งเธอก็ไม่อยากที่จะติดตามเขาไปให้เขารำคาญใจ วาทยาในชุดกางเกงขายาวและเสื้อไหมพรมแขนยาวกำลังนั่งกอดเข่าอยู่อย่างเหงาๆ
ผ่านไปสักพัก
"ทำไมยังไม่นอน"
เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยขึ้น
"เดี๋ยวก็จะไปนอนแล้วค่ะ"
"สัญญานโทรศัพท์ก็ไม่มี เธอคงอยู่ถึงอาทิตย์สินะ"
"ค่ะ วารู้อยู่แล้วว่าไม่มีสัญญานโทรศัพท์"
วาทยาดูเงียบๆไปจนหมอธันวารู้สึกได้ว่าเธอแปลกๆไป
"แผลวันก่อนหายแล้วเหรอ?"
"เริ่มหายแล้วค่ะ แผลที่เดิมเลยตอนนั้นที่วาไปเล่นปีนต้นไม้ที่บ้านพี่หมอ"
เธอยิ้มในขณะที่เล่า หมอธันวานั่งลงฟังวาทยาเล่า
"วาหล่นลงมาจากต้นไม้และพี่หมอมาเจอและช่วยไว้พอดีจำได้มั้ยคะ?"
หมอธันวาพยายามนึก
"อ่อ เธอเองเหรอ ยัยตัวแสบคนนั้น?"
"นี่ไม่เคยจำเลยเหรอคะ?"
"มันนานขนาดนั้นใครจะไปจำได้ล่ะ แต่เธอก็ซนมากจริงๆ พี่จะอ่านหนังสือแม่ก็เรียกไปให้ดูเธอตลอด"
"ตอนนั้นคงรำคาญวามากสินะคะ"
วาทยาถามออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
"ตอนนี้ก็พอๆกัน เธอยังทำตัวเป็นเด็กๆไม่เลิก ทั้งๆที่โตเป็นสาวแล้ว"
หมอธันวากล่าวออกมาในขณะที่ทอดสายตามองวิวทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้า
"ยังรำคาญเหรอ?"
วาทยาถามออกมาด้วยความรู้สึกน้อยใจ คำพูดของเขาช่างบั่นทอนความรู้สึกเธอเหลือเกิน ถ้าเป็นวันก่อนหน้านี้คงไม่เท่าไหร่แต่ตอนนี้วาทยากลับรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของเขา
"คืออย่างนี้นะ วาทยา..."
"วาง่วงแล้วค่ะ ไปนอนก่อนนะคะ"
วาทยาไม่ฟังว่าเขาจะเอ่ยอะไรออกมา เพราะเธอไม่อยากฟังคำพูดบั่นทอนจิตใจอีกแล้วเลยขอตัวไปนอนก่อนที่หมอธันวาจะเอ่ยอะไรที่เธอรับไม่ได้ออกมาอีก
-ตีหนึ่ง-
วาทยายังคงนอนเบิกตาโพลงอยู่ในความมืดหันไปดูหมอธันวาอีกเตียง เธอเห็นเพียงแผ่นหลังของเขาเพราะเขานอนตะแคงไปอีกฝั่ง วาทยาก็พลิกตัวกลับมานอนหันหลังให้เขาบ้าง
เธอยังคงนอนไม่หลับเพราะแปลกที่ด้วยและต้องมานอนกับผู้ชายด้วยเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องนอนร่วมห้องกับผู้ชายแบบนี้เลยเกิดอาการกลัวๆหน่อยๆทำให้นอนไม่หลับ
ถึงเธอจะวิ่งเข้าหาเขาแต่ทว่าเรื่องที่มานอนอยู่ห้องเดียวกันแบบนี้เธอก็อดที่จะหวั่นใจจนนอนไม่หลับไม่ได้
"พลิกไปพลิกมาแบบนั้นยังไม่หลับเหรอ"
หมอธันวาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
"คือว่าวา..."
"ไม่ต้องกลัวพี่ไม่หน้ามืดตามัวปล้ำเธอหรอก ไม่ได้น่าพิศวาสขนาดนั้นสักหน่อย"
"ตรงไหนที่บอกว่าไม่น่าพิศวาสคะ?"
วาทยาอดที่จะโมโหไม่ได้ที่เขาเหมือนจะกล่าวว่าเธอไม่สวย
"แล้วไปคลินิกทำไมวันก่อน?"
"พี่หมอ!...วาจะนอนแล้วคะ"
วาทยาตัดบทไม่คุยเรื่องนี้อีกแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าด้วยความอาย
'ไอ้แจ๊คนะไอ้แจ๊คเพราะแกคนเดียวเลยที่สบประมาทชั้นว่าไม่มีนม จนชั้นต้องเข้าไปในคลินิกเค้าด้วยความขาดสติ ไอ้บ้า!'
วาทยาได้แต่ก่นด่าเพื่อนที่มหาลัยของเธอในใจเบาๆด้วยความโมโหปนความอับอาย ส่วนหมอธันวานั้นตอนนี้กำลังนอนอมยิ้มเมื่อรู้ว่าเธอเขินอายกับเรื่องวันนั้น
'เรื่องนี้ชั้นจะบูลลี่เธอไปจนแก่เลยยัยตัวแสบ ฮ่าๆ'
เอ่ยออกมาในใจอย่างผู้ที่มีชัยเหนือกว่า รู้สึกมีความสุขแปลกๆที่ได้แกล้งเธอ