EP 3: ท่านประธานขา... อย่าใจร้ายนักเลย
“มุก ท่านประธานเรียกให้ไปพบที่ห้องแน่ะ”
มุกตาภาเงยหน้าขึ้นจากงานในมือ มองเจ้าของเสียงเรียกซึ่งก็คือหัวหน้าแผนกโดยตรงของหล่อนนั่นเอง แววตาที่พรรณีทอดมองมายังหล่อนนั้นเต็มไปด้วยความสงสาร คงเป็นเพราะพรรณีรู้ว่าหล่อนกำลังจะถูกเรียกไปทรมานนั่นเอง
“ค่ะพี่ณี”
หล่อนลุกขึ้นยืน แต่ก็ยังอดห่วงงานตรงหน้าไม่ได้ ซึ่งพรรณีก็เข้าใจดี
“ไม่ต้องห่วงงานตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่ให้จิ๊บมาทำแทน ไปเถอะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ณี”
หล่อนฝืนยิ้มให้กับพรรณี ก่อนจะตัดสินใจเดินจากไป โดยมีพรรณีมองตามหลังไปด้วยความเวทนาจับใจ
“ท่านประธานก็เหลือเกิน ทำไมชอบแกล้งมุกมันนักนะ”
มุกตาภาก้าวออกมาจากลิฟต์ แล้วก็เดินไปหยุดที่โต๊ะของเลขาหน้าห้องของตรัยคุณ
“มุกมาพบท่านประธานค่ะพี่รส”
รสสุคนธ์ เลขาหน้าห้องของตรัยคุณยิ้มทักทายหล่อน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความสงสาร
“พี่ไม่รู้ว่าทำไมน้องมุกถึงเป็นสีทนได้แบบนี้ ถ้าเป็นพี่นะ ลาออกไปนานแล้ว”
หล่อนทำได้แค่ฝืนยิ้มให้กับคู่สนทนาเท่านั้น โดยไม่ปริปากพูดคำใดออกไปอีก
รสสุคนธ์ถอนใจออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นและพาหล่อนไปหยุดที่หน้าประตูห้องทำงานของตรัยคุณ
ก๊อก ก๊อก
“ท่านประธานคะ มุกตาภามาแล้วค่ะ”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากเจ้าของห้อง มีแต่การเคลื่อนไหวของบานประตูที่ถูกดึงให้เปิดกว้างออก ตรัยคุณยืนอยู่หลังบานประตูใหญ่
ดวงตาของเขาที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยความเลือดเย็น ท่าทางของเขาเย่อหยิ่ง ถือเนื้อถือตัวเสมอ หากคนตรงหน้าคือหล่อน
“คุณนกไปทำงานเถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง”
“เอ่อ...”
“ผมบอกให้คุณไปทำงานไงครับ”
เมื่อเห็นเลขาฯ สาวอึกอัก ตรัยคุณก็เค้นเสียงเข้มดุๆ ออกไปอีกรอบ
“ค่ะ ท่านประธาน”
รสสุคนธ์เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองแล้ว เหลือเพียงแค่หล่อนกับตรัยคุณเพียงลำพังที่หน้าประตูเท่านั้น
หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขาด้วยความความขลาดกลัว แต่ก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
“ท่าน... ประธานต้องการให้... เอ่อ... มุกทำอะไรเหรอคะ”
“หึ...”
มุมปากหยักสวยปานสตรีของตรัยคุณยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเลือดเย็น
“ตามมาเถอะน่ะ เดี๋ยวก็รู้”
แล้วเขาก็ก้าวเดินนำหน้าไป โดยที่หล่อนยังไม่ทันได้ก้าวตาม
“บอกให้ตามมาไงล่ะ ยังจะยืนซื่อบื้ออยู่ได้”
เขาหยุดเดินเมื่อรู้ว่าหล่อนไม่ได้ก้าวตามไป และก็ตำหนิอย่างไม่ไว้หน้า
“ค่ะ ท่านประธาน”
มุกตาภาจำต้องรีบเดินตามชายหนุ่มตัวสูงไปอย่างไม่มีทางเลือก
ในใจภาวนาให้ครั้งนี้ตรัยคุณไม่ใจร้าย ทำให้หล่อนกลับบ้านดึกเหมือนครั้งก่อนหน้าไปตลอดทาง เพราะวันนี้หล่อนมีนัดทำอาหารค่ำให้กับคุณหญิงตารการับประทานนั่นเอง
มุกตาภาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวล จนใจล่องลอย ทำให้ไม่ทันระวังตัว ชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างของตรัยคุณเมื่อเขาหยุดเดินกะทันหัน
“อ๊ะ...”
ร่างกายของเขาแข็งแกร่งกำยำ มัดกล้ามสัมผัสกับเรือนกายสาวแนบแน่น แม้จะแค่ไม่กี่วินาทีก็ตาม
หล่อนหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นโครมครามผิดจังหวะ ภาวนาให้เขาไม่โกรธจนจับหล่อนหักคอขาดเป็นสองท่อน
“เดินบ้าอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ”
“มุก...ขอโทษค่ะ”
หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็เห็นใบหน้าหล่อจัดของตรัยคุณเต็มไปด้วยความหงุดหงิดบึ้งบูด
เขาคงขยะแขยงมากสินะ ที่เมื่อกี้เนื้อตัวของหล่อนสัมผัสกับเขา
บ้าจริง น้ำตาของหล่อนเอ่อล้นขึ้นมาท่วมทั้งสองดวงตาอย่างหน้าไม่อาย และแน่นอนว่าตรัยคุณเห็น แต่เขาไม่สนใจ
“เลิกสักทีเถอะ เอะอะน้ำตาซึมเนี่ย เห็นแล้วน่ารำคาญ”
หล่อนทำได้แค่ก้มหน้า เม้มปากกลั้นเสียงสะอื้นเท่านั้น แต่หยาดน้ำตาห้ามไม่ทันมันไหลหล่นลงไปหยดบนพื้นเรียบร้อยแล้ว
เสียงถอนใจแรงๆ ของเขาดังขึ้น ก่อนที่เท้าใหญ่จะก้าวเดินห่างออกไป
ดวงตากลมโตที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาช้อนขึ้นมอง หัวใจปวดร้าวไปทั้งดวง แต่ก็ไม่อาจจะปริปากบ่นใดๆ ได้
ในเมื่อหล่อน... มันทั้งไร้ค่า ทั้งน่ารำคาญเสมอในสายตาของตรัยคุณ
หญิงสาวจำต้องก้าวตามเข้าไปเงียบๆ และก็เห็นเขาไขประตูห้องเก็บเอกสาร จากนั้นก็หันมามองหล่อน
“รีบเดินเข้าสิ งานรออยู่ไม่ใช่น้อยเลยนะ”
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ คงสนุกที่ได้แกล้งหล่อนนั่นแหละ
“ก็บอกให้เร็วๆ ไงล่ะ เดินช้าเป็นเต่าเชียว หรือว่าเป็นญาติกับหอยทาก?”
เขาก้าวกลับมาคว้าแขนเรียว และลากให้หล่อนเดินเข้าไปในห้องเก็บเอกสารพร้อมกับตนเอง
“แค่ก แค่ก”
ภายในห้องเก็บเอกสารนี้เต็มไปด้วยฝุ่นมากมาย
“อย่ามาทำเป็นไอค่อกแค่ก ฟังฉันให้ดีๆ นะ”
เขาลากหล่อนเข้ามาลึกสุดของตัวห้องเก็บเอกสาร
“หน้าที่ของเธอก็คือทำความสะอาดแฟ้มเอกสารทุกเล่มในห้องนี้ให้ปราศจากฝุ่น โดยเฉพาะฝุ่น pm2.5 ด้วย เข้าใจไหม”
“เอ่อ... วันนี้คงไม่เสร็จ...”
หล่อนมองไปรอบๆ ตัวและก็พยายามพูดให้คนจงใจแกล้งเข้าใจ แต่เขากลับแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเลือดเย็น
“แต่เธอต้องทำให้เสร็จ ไม่อย่างนั้นก็อย่ากลับบ้าน”
“ท่าน... ประธาน”
“ยังจะมามองหน้าอีก รีบทำสิ เดี๋ยวกลับบ้านช้า แล้วมาทำงานไม่ไหว ฉันไม่ใจดีให้เธอลากิจหรอกนะ”
เขาใจร้าย ใจร้ายมากมายเหลือเกิน...
หล่อนมองเขาผ่านม่านน้ำตา น้ำใสๆ ไหลรินอาบสองพวงแก้ม
“แต่ถ้าไม่อยากทำแบบนี้ ไม่อยากถูกฉันให้ทำอะไรหนักๆ ก็ไปบอกกับคุณแม่ ขอลาออกจากที่นี่ วันนี้เลยยิ่งดี”
หล่อนเม้มปาก และเบือนหน้าหนี โดยไม่ได้พูดตอบโต้อะไรออกไป
“หึ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเธอถึงดื้อด้าน อยากจะทำงานที่นี่นัก ทั้งๆ ที่ฉันก็กดขี่ข่มเหงเธอขนาดนี้ มุกตาภา”
นี่เขารู้ด้วยเหรอว่าตัวเองกดขี่ข่มเหงหล่อนมากมายแค่ไหน
หญิงสาวตัดพ้อในใจอย่างชอกช้ำ
“มุกอย่างทำงานค่ะ”
“แล้วทำไมจะต้องเป็นที่นี่ หึ หรือว่าเธออยากจะเป็นเจ้าของที่นี่?”
หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ก็รู้ดีว่าคนที่ไม่เคยมองหล่อนในแง่ดีไม่มีทางเชื่อ
“เธอคงอยากให้คุณแม่รับเธอเข้ามาเป็นลูกสาวใช่ไหมล่ะ ถึงได้ประจบประแจงท่านแบบนี้”
“ไม่ใช่ค่ะ ทุกอย่างที่มุกทำลงไป มุกทำด้วยความจริงใจค่ะ และมุกก็รักคุณหญิงมาก อ๊ะ... มุกเจ็บนะคะ”
หล่อนถูกเขาผลักแรงๆ จนแผ่นหลังชนกับผนังห้อง ฝุ่นละเอียดแตกฟุ้งโชยรอบตัวจนแทบสำลัก เขาก้าวเดินเข้ามาหา เอาสองมือยันเอาไว้กับผนังห้อง กั้นหล่อนเอาไว้ตรงกลาง ดวงตาคมกริบแทบจะแผดเผาหล่อนให้ไหม้เกรียมเป็นเถ้าธุลี
“ให้ฉันเชื่อหรือว่าเธอรักคุณแม่ฉันอย่างจริงใจ โดยไม่หวังผล... หึ... ผู้หญิงแร้นแค้นแบบเธอ ทะเยอทะยานอยากได้อยากมีทุกอย่างนั้นแหละ”
“แต่ไม่ใช่มุกค่ะ มุก... ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านประธานกำลังยัดเยียดให้เป็น” หล่อนเถียงเขาทั้งน้ำตา ปากอิ่มสั่นเทา
“ท่านประธานไปทำงานเถอะค่ะ มุก... จะความสะอาดในห้องนี้ตามคำสั่ง”
ตรัยคุณกวาดตามองสำรวจดวงหน้านวลที่ชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาของมุกตาภาอย่างพิจารณา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามองหล่อนอย่างสำรวจตรวจตรา แต่มันหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งเขาก็ต้องพบกับความหงุดหงิดใจเสมอ
ดวงตาของหล่อนดูโตและหวานเกินไป จมูกก็สวยเกินไปสำหรับหญิงสาวยากจนเช่นหล่อนควรจะมี ปากอิ่มเต็มตึงของหล่อนก็สีแดงระเรื่อเกินไป สิ่งเหล่านี้มันไม่ควรอยู่บนใบหน้าของผู้หญิงที่เขาเกลียดอย่างมุกตาภา
แต่มันก็คือหล่อน...
พระเจ้า...
ตรัยคุณกัดฟันกรอด ข่มใจละสายตาจากดวงหน้ารูปไข่นวลเนียน ลงมายังลำคอระหงที่มีสีผิวเดียวกับใบหน้า
แม่ยาจกคนนี้ตัวเล็กเมื่อเทียบกับเขา แต่หล่อนมีหน้าอกหน้าใจที่ค่อนข้างใหญ่ แม้เจ้าหล่อนจะสวมใส่ชุดฟอร์มพนักงานตัวใหญ่เสมอ แต่กระนั้นก็ไม่อาจจะปกปิดปทุมถันที่ซ่อนอยู่ภายในได้ มันพุ่งมันดันเสื้อฟอร์มพนักงานออกมาจนเป็นรูปรอย
เขาจำได้ว่าเมื่อปีก่อน มารดาชวนมุกตาภามางานเลี้ยงวันเกิดของเขาที่บ้าน เจ้าหล่อนแต่งตัวด้วยชุดเดรสซึ่งเป็นชุดเก่าที่มารดาเคยสวมใส่สมัยสาวๆ แบบค่อนข้างเชยหากเทียบกับสมัยนี้ แต่พอชุดเดรสสีฟ้าอ่อนอยู่บนเรือนร่างของเจ้าหล่อน มันก็อดทำให้เขานึกถึงทุ่งดอกไม้ที่เต็มไปด้วยสีสันสดใสไม่ได้
สวยละมุนละไม...