ตอนที่ 2 ชื่อตอน ฝึกหฤโหด

1482 คำ
หลังผ่านการคัดเลือกศิษย์ในสำนักมาแล้ว การฝึกด่านแรกล้วนมิมีอันใดเป็นพิเศษ เพียงวิดพื้นและมีศิษย์พี่นั่งอยู่บนหลัง ผู้ใดผ่านพ้นพันรอบผู้นั้นย่อมไปต่อได้ หากมิผ่านยามตะวันตกดินก็หยุดพัก ตะวันขึ้นฟ้าก็เริ่มใหม่ เป็นไปเช่นนี้จนกว่าจะถูกถีบตกไปจากเขา " ตายหรือเป็นก็เรื่องของเจ้า หากยังอยากเป็นศิษย์ง้อไบ๊ ก็ตะกายหน้าผาขึ้นมาใหม่ ผู้ใดตายก็ตายไป บาดเจ็บก็เรื่องของเจ้ามิมีผู้ใดสน คุณธรรมล้วนมิเกี่ยวอันใดกับการคัดเลือกศิษย์เข้าสำนัก" ง้อไบ๊มิใช่โรงหมอและโรงทาน เป็นสำนักฝึกยุทธอันลือชื่อ เช่นนี้ต้องย่อมมีกฎระเบียบเคร่งครัด แต่จริงๆก็มิใช่เช่นนั้นเสียทีเดียว แต่นางแข็งแกร่งเกินไป ศิษย์ผู้อื่นจึงถูกนางเคี่ยวกรำจนแข็งแกร่งตามนางไปด้วยเช่นนั้นเอง "โอย ศิษย์พี่ ข้าวิ่งมาจะครบเจ็ดวันแล้ว หยุดพักบ้างได้หรือไม่ ขาของข้าปวดจนมิอาจรู้ได้แล้วว่ามันคือขาข้างใด โอย โอย “ "เหอะ เจ้าพวกอ่อนแอจงวิ่งต่อไป ตะวันยังมิตก ข้าจะมิยินยอมให้ผู้ใดนั้นหยุดวิ่ง วิ่ง วิ่ง จงวิ่งไป" เจี้ยนฮวาร้องแหกปากตะโกน ควบคุมศิษย์น้องฝึกวิชาพื้นฐานอย่างคร่ำเคร่ง ยามที่ผู้คนวิ่งมาถึงน้ำตกที่ขาวใส นางก็ยินยอมให้หยุดวิ่งได้ นางตะโกนลั่นขึ้นมา "ลงไปในน้ำตก!!!! " นางกู่ร้องตะโกนเสียงดังลั่นและสั่งศิษย์ใหม่ให้ไปยืนแช่ในน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาให้ตกลงใส่หัว ให้ยืนท่านั่งเก้าอี้ไม้ ออกหมัดตีลมไปมาจนกว่าตะวันจะตกดิน ทั้งที่ยามนี้นั้นน้ำเย็นยะเยือก "อ้าก ข้าหนาว อูย น้ำเย็นมากนัก หนาว อ้า ขาของข้าเป็นตะคริวแล้ว " เกิดเสียงร้องโหยหวลดังขึ้นมาจากในน้ำตก แต่เจี้ยนหวามิสนใจ นางใช้ดาบยาวฟันกิ่งไม้ยาวๆและนำมาเหลาแหลมๆ นางแทงปลาในน้ำตกขึ้นมาจนน้ำปลายสายแดงฉานไปด้วยเลือด เรียกปลามาชุมนุมกันเยอะขึ้นไปอีกช่างสาสมใจชองนางนัก ศิษย์น้องของนางกำลังนั่งทำปลา จัดการควักไส้และเริ่มก่อไฟขึ้นมาย่างปลาจนควันฉุยหอมกรุ่น ปลาตัวใดสุกแล้วนางก็นำมาร้อยเป็นพวงๆ วางไปบนใบไม้สด ศิษย์น้องอีกผู้หนึ่งใช้วิชาระบำผีเสื้อจนตัดไม้ไผ่ขาดหล่นลงกลิ้งไปมาในคราเดียว ยามที่ตะวันตกดิน กองไฟลุกแดงฉานสูงท่วมหัว เจี้ยนหวาตะโกนร้องให้ผู้คนขึ้นมาบนฝั่งหิน ผู้คนต่างรวมตัวกันมาผิงไฟ ศิษย์ชายถอดเสื้ออังไฟ ศิษย์หญิงขดตัวเข้ามาใกล้ๆกับกองไฟ เจี้ยนหวาโยนพวงปลาไปให้ทุกคน และให้ไปหยิบกระบอกน้ำที่เตรียมเอาไว้ไปตักน้ำมาดื่ม หลายร่างต่างรีบคว้าปลาไว้คนล่ะตัว แต่เจี้ยนหวากลับเอ่ยอย่างนุ่มนวลขึ้นมา "ข้าย่างปลาไว้มากมายเจ้าจะกินกี่ตัวก็ย่อมได้ จงอย่าห่วงเลย หากเหลือจากนี้ ข้าจะนำไปทำปลาหิมะทอด เอาไว้โรยข้าวต้มในยามเช้า ผู้ใดอิ่มแล้วก็ขนปลากองนั้นกลับสำนักไปด้วย ข้าไปก่อนล่ะ ข้าง่วงแล้ว " ศิษย์น้องต่างยิ้มยินดี ในยามที่ศิษย์พี่จะให้กินปลาเพิ่ม แต่ยามที่หันมามองปลาที่จะนำกลับไป กลับต้องตกตะลึง ที่มีปลากองเท่าภูเขา คืนนี้จะนำกลับกันหมดหรือไม่เล่า มือของผู้ใดจะกำหมด แม้มันจะร้อยไม้ไผ่เอาไว้แล้ว แต่จะทำเช่นใดจึงจะนำกลับไปหมดได้กันเล่า !!! " ศิษย์น้องผู้หนึ่งหัวเราะขึ้นมา หันไปเอ่ยปากกับศิษย์พี่รองผู้หนึ่งอย่างนอบน้อมถ่อมตน "ศิษย์พี่รองเจ้าคะ ข้ารบกวนท่านใช้กระบี่ฟันไม้ไผ่ยาวๆ เอาไว้ให้ข้าร้อยพวงปลาเท่าภูเขานี้คนล่ะลำได้หรือไม่เจ้าคะ เพราะหากรอการสานตะกร้า อีกสามวันพวกข้าก็คงมิได้นอนกันเป็นแน่แท้เจ้าค่ะ " "หึหึหึ ข้าก็นึกว่าพวกเจ้าจะค่อยๆเอาพวงปลาร้อยแขน กลับไปที่สำนักกันทั้งคืนเสียอีกนะ นับว่าเจ้าก็ฉลาดมิเบา หึ หึ พรุ่งนี้เจ้าเรียนเคล็ดกระบี่นำใจเป็นคนแรก ส่วนผู้อื่นก็ตื่นมาวิ่งต่อไป ซะ !! " ผู้คนร้องโอดโอยกันขึ้นมา แต่สตรีร่างบางยกมือขึ้นมาทาบไปบนอก ดีใจนักหนา ที่นางจะได้เรียนเคล็ดวิชากระบี่ในวันพรุ่งนี้ ศิษย์พี่ของนาง ใช้วิชาผีเสื้อร่ายระบำหมุนตัวในคราเดียว ป่าไผ่ก็ราบจนล้มลงมา ใบไผ่และกิ่งก้านลอยปลิวไปทั่วบริเวณ ยามที่ท่อนไผ่ล้มลงมา ศิษย์ใหม่ต่างก็วิ่งไปรับไว้มิให้ลำไม้ไผ่แตกเสียของ ไผ่ลำเล็กๆแต่แข็งแกร่ง ถูกนำมาร้อยพวงปลาเข้าไปจนสุดลำ และหัวท้ายก็ถูกผูกจนแน่นหนามิให้ปลาหล่นไปจากลำไผ่ มินานก็เสร็จสิ้น ปลากองสูงท่วมหัว ถูกขนย้ายหาบไปที่สำนัก ยามถึงที่สำนักแล้ว ผู้คนก็นำไม่ไผ่ไปแขวนบนราวตากที่หน้าลานฝึก อาจารย์มู่หลานถึงกับหัวเราะงอหายขึ้นมา "นั่นพวกเจ้าหน่ะ จะเปิดร้านขายปลากันหรือ จับมาเสียมากมายเช่นนี้มิใช่ปลานั้นหมดน้ำตกแล้วหรอกหรือ เจ้าพวกหมีป่าเอ่ย " "ฮ่า ฮา เป็นศิษย์พี่เจี้ยนหวาเจ้าค่ะ นางจะทำปลาหิมะกรอบ เพื่อทอดกินกับข้าวต้มในยามเช้าเจ้าค่ะ นางกล่าวไว้ว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ " "หึ หึ ข้าว่าตลอดฤดูหนาวนี้ เจ้าหมีเจี้ยนหวาคงจับปลาไปจนหมดภูเขาเป็นแน่ ปลาในวันนี้ก็นำไปตั้งโรงทานได้ทีเดียวเชียว พรุ่งนี้หากทอดปลาแล้วพวกเจ้าก็ใส่ไหแล้วปิดฝาไว้บ้างเถิด แล้วที่เหลือนำไปโรงทานที่ตีนเขา อากาศหนาวแล้วคนอพยพย่อมมีมาก ยามนี้ชายแดนล้วนมีแต่ภัยสงครามผู้คนย่อมหิวโหย เช่นนี้เราควรทำบุญสร้างกุศล ช่วยเหลือผู้คนอดอยากด้วยอาหารอุ่นร้อน ขายปลาครึ่งหนึ่งไปซื้อข้าวสารและหม้อใบใหญ่ เพื่อต้มข้าวต้มแจกผู้คนในยามเช้านี้ไปเสีย” “พรุ่งนี้พวกเจ้าก็ฝึกฝนใจกันหนึ่งวันแล้วค่อยกลับขึ้นมาฝึกหนักบนเขา ขาลงไปหากกลับมาก็ขึ้นทางบันไดสำนักเสีย อย่าไปขึ้นผจญค่ายกลเลย สำนักนี้มีบันไดอยู่มาทางนั้นคงจะง่ายกว่า" "เจ้าค่ะท่านอาจารย์ " ศิษย์รองเร่งรับคำของท่านอาจารย์และนำผู้คนไปพักหลับนอนในเรือนรวม คราแรกจะมิมีผู้ใดได้นอนแยก จนกว่าจะสามารถสร้างกระท่อมเองได้ เช่นนั้นก็สามารถแยกกระท่อมนอนกันเองได้แล้ว ตามที่สำนักของเรานั้นมีการฝึกสอนไว้ เพื่อใช้ในยามช่วยเหลือผู้คน ในยามอพยพ ในปีนี้มีศิษย์เป็นบุรุษสามนาย เช่นนี้ย่อมหาผู้ขุดเสาเรือนได้อย่างสบายใจกันทั้งผอง รวมถึงในครานี้คงช่วยชาวบ้านได้มากโข ผู้คนล้วนนอนสลบไสลอย่างหมดแรงไปในทันใด จวบจนเมื่อถึงยามเช้าตรู่ เจี้ยนหวาก็มากู่ร้องตะโกนตั้งแต่ยังมิมีเสียงไก่โห่ขึ้นมาเลย "ตื่นได้แล้ว เจ้าพวกสันหลังยาว !!!!" ผู้คนเด้งจากพื้นกันพรึ่บพรั่บ มองตะกร้าสานหลายสิบใบที่มีปลาคัดแยกไว้เป็นอย่างดี ที่ตั้งอยู่บนลานกว้างหน้าที่อยู่หน้าโรงนอน "ไปกินข้าวเช้ากันซะ แล้วก็มานั่งรวมกันที่นี่ ผู้ใดแบกได้เยอะก็แบกไป เราจะไปขายเสียส่วนหนึ่ง แจกโรงทานอีกส่วนหนึ่ง ที่ปิดแน่นแล้วก็คือปลาหิมะกรอบที่จะแจกโรงทานในเช้านี้ ดังเช่นที่พวกเจ้ากินกันในวันนี้ เรากินสิ่งใด เราให้สิ่งนั้นแก่ผู้คน กุศลผลบุญจะหนุนนำพาพวกเจ้าออกสู่ยุทธภพอย่างมั่นคง จงเอื้อเฟื้อผู้คนและคิดว่า สิ่งใดทำประโยชน์ได้ก็จงทำ สิ่งใดทำร้ายผู้คน จงนึกเสียให้ดี ศิษย์ง้อไบ๊คือชาวธรรมะ มิใช่ฝ่ายมารจงจดจำให้มั่น “ “กินข้าวได้ !!!! " สิ้นเสียงสั่งสอนคุณธรรมทุกผู้คนก็ต่างเร่งรีบดื่มกินอาหารในทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม