ศิลาจำใจต้องพาเธอกลับมาที่บ้านอีกครั้งเพราะตนเองก็ไม่รู้ว่าจะพาเธอไปที่ไหนดี มาถึงเธอก็กลับมานั่งเงียบๆอยู่คนเดียว ศิลาเลยต้องปรึกษาเพื่อนอย่างนพดลที่รู้จักเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี ไม่นานนพดลก็ขับรถเข้ามาหาศิลาถึงที่บ้าน
“ป้าผึ้งผมรบกวนเรียกน้องเจ้าขามาหน่อยครับ” นพดลเอนหลังไปกับพนักพิงของโซฟา เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยวันนี้เลยรู้สึกเหวี่ยงๆเหมือนคนแฮงค์ ไม่นานสาวน้อยก็เดินมานั่งที่พื้นกับคุณป้าแม่บ้าน
“น้องได้เซ็นสัญญาอะไรกับซ่องนั่นไหม” นพดลถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเพราะถ้าเธอได้เซ็นสัญญาทาสก็อาจจะหมดหวังที่จะช่วย
“ยังนะคะแต่เพื่อนของหนูได้เซ็นแล้ว เมื่อคืนคุณเรียกหนูก่อนก็เลยไม่ได้เซ็นอะไรเลย” เจ้าขาบอกความจริงกับคุณทั้งสองไปจนหมดพร้อมกับเล่าเรื่องของเธอให้ฟังทำเอาทุกคนต่างเห็นใจกับชีวิตของเธอ เสียงร้องไห้ของคุณป้าแม่บ้านที่ร้องไห้เพราะสงสารสาวน้อยที่ชีวิตรันทดดังขึ้นจนศิลาต้องกุมขมับ
“เอาไงดีวะ ต่อให้ไม่เซ็นสัญญามันก็ต้องตามเพื่อปิดปากอะ ยิ่งเรื่องตำรวจรู้เห็นเพราะรับส่วยด้วยมันไม่ปล่อยแน่ ๆ อันตรายพวกนี้มันมีอิทพลมากเกินไป” นพดลออกความเห็นทำให้เจ้าขารู้ชะตากรรมหากเธอยังอยู่ที่นี่ทุกคนอาจจะเดือดร้อนก็ได้
“งั้นเอาแบบนี้ช่วงนี้เรื่องมันยังร้อนอยู่ เธอก็อยู่ที่นี่ไปก่อนอยู่ในฐานะหลานของฉันก็ได้ อายุเธอเท่ากับนทีหลานชายฉันเลย” ศิลาถอนหายใจออกมาเพราะตอนนี้ตนต้องรับเลี้ยงเด็กคนนี้ไปก่อนจนกว่าจะหาที่ทางที่ปลอดภัยให้เธอได้
“ขอบคุณที่ช่วยหนูนะคะ” เจ้าขายกมือไหว้ทุกคนจากนั้นคุณป้าแม่บ้านก็พาเธอมานั่งคุยกันอยู่ในครัว
ด้านศิลาที่นั่งมองอยู่ไกลๆก็แอบหวั่นใจที่มีสาวน้อยเข้ามาอยู่ในบ้านแถมเพื่อนรักอย่างนพดลก็แอบหมายปองเธออยู่ห่างๆ ยิ่งถ้าริต้าแฟนสาวของตนรู้เรื่องก็คงไม่ยอมอาจจะได้มีปากเสียงกันอีก
“มึงคิดอะไรอยู่วะไอ้ศิลา” นพดลหันมาถามเพื่อนที่นั่งเครียดอยู่ข้างๆ
“กูกลัวริต้าจะไม่โอเค กูอาจจะต้องโกหกว่าเจ้าขาเป็นหลานสาวกูไม่งั้นริต้าวีนแน่” ชายหนุ่มตอบอย่างเหนื่อยๆเพราะตนรู้จักนิสัยของแฟนสาวเป็นอย่างดี
“หรือมึงจะให้ไปอยู่กับกูล่ะ” คำถามของนพดลทำเอาศิลามองหน้าอย่างห่วงๆขืนปล่อยไปเจ้าขาคงไม่รอดแน่
กลางดึกคืนนั้นเจ้าขายังคงเตรียมหั่นผักเพื่อเก็บไว้ทำอาหารเช้าให้เจ้าของบ้านจนกระทั้งศิลาเดินมาเอาน้ำจึงเดินเข้ามานั่งคุยเรื่องสำคัญกับเจ้าขาให้รู้เรื่อง
“เจ้าขาฉันจะขอร้องให้เธออยู่ที่นี่ในฐานะหลานสาวของฉันก่อนนะ เรียกฉันว่าคุณอาก็ได้หลานชายฉันก็เรียกฉันว่าอา” สาวน้อยมองหน้าอย่างครุ่นคิดแต่ก็พยักหน้าเป็นคำตอบ สายตาบ้องแบ๊วของเธอมันดูไร้เดียงสาจริงๆ
“ลองเรียกสิ เรียกให้ชินล่ะ” ศิลากำชับให้เจ้าขารับรู้เธอจึงรวบความความกล้าเปล่งเสียงเรียกออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก
“คุณอา...”
“อื้อออ” ผมรีบหยิบขวดน้ำจากนั้นก็เดินขึ้นมาบนห้องเพื่อเตรียมพักผ่อน พรุ่งนี้ผมมีงานต้องทำส่วนเจ้าขาก็คงต้องฝากให้ป้าผึ้งดูแลไปก่อนป้าผึ้งเองก็ดูเอ็นดูเธอเหมือนกัน
หลายวันผ่านไป...
ทุกคนในบ้านเริ่มสนิทกับเจ้าขามากขึ้นเธออยู่ที่นี่ก็ช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง ทั้งปัด กวาด เช็ดถู ซักผ้ารีดผ้าที่สำคัญเธอยังทำอาหารทั้งเช้าและเย็นกาแฟก็ชงให้ชายหนุ่มไม่เคยขาด อยู่รอจนกว่าชายหนุ่มจะเลิกงานกลับมาบ้าน
“สงสัยฉันคงต้องให้เงินเดือนเธอบ้างแล้วล่ะ” ผมมองงานบ้านที่เธอทำ ถ้าล้างรถกับทำสวนเป็นเธอคงทำไปแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณอา แค่นี้หนูก็ไม่รู้ว่าชาตินี้จะตอบแทนหมดหรือเปล่า” เจ้าขาตอบด้วยน้ำเสียงที่เจียมตัวแต่ศิลากับหยิบกระเป๋าตังออกมาจากกระเป๋ากางเกง แบงค์สีเทาจำนวนสองใบถูกดึงออกมาและส่งให้เจ้าขา แม้เธอจะชักมือกลับเธอไม่กล้าที่จะรับ การที่เธอมีที่นอนมีข้าวให้กินมันก็เพียงพอแล้ว
“เอาไว้ซื้อเสื้อผ้าซื้อของใช้ส่วนตัว เวลาไปตลาดกับป้าผึ้งจะได้ไม่ต้องขอป้าผึ้ง” ชายหนุ่มยื่นเงินให้เจ้าขาอีกครั้งพร้อมสงสายตาเชิงบังคับให้เธอรับไป
“ขอบคุณค่ะคุณอา” สาวน้อยยกมือไหว้ศิลาก่อนจะรับเงินมาเก็บไว้ สองขาเล็กๆก็รีบไปจัดโต๊ะอาหารให้เจ้าของบ้านที่พึ่งกลับมาเหนื่อย ๆ น้ำส้มและปลานึ่งมะนาวถูกนำมาเสิร์ฟไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ
“เจ้าขาไปนอนเถอะลูกเดี๋ยวตรงนี้ป้าจัดการเอง วันนี้ทำงานมาทั้งวันแล้ว” ป้าผึ้งไล่ให้สาวน้อยที่นั่งหาวจนน้ำตาเล็ดไปนอนซึ่งเจ้าขาก็ยอมไปนอนแต่โดยดี เมื่อสาวน้อยเดินไปจนพ้นสายตาป้าผึ้งก็รีบรายงานความขยันให้เจ้านายที่กำลังทานข้าวได้ฟัง
เจ้าขาเรียบจบแค่ม.6 เธอเคยทำงานเป็นผู้ช่วยพ่อครัวที่ร้านอาหารแต่พอมีคนมาติดต่อขอรับเธอไปอุปการะแถมยังจะส่งเธอเรียนต่อเธอก็เลยยินยอม คนดูแลที่บ้านเด็กกำพร้าบอกว่าคนที่ชื่อลดาจะมารับเด็กที่บ้านเด็กกำพร้าปีละ1คน แต่พอเธอมาก็ถึงได้รู้ว่ามันคือการเอาเด็กมาขายในซ่อง
ชีวิตของเธอลำบากมามากพอแล้วศิลาเลยตัดสินใจว่าจะขอดูพฤติกรรมของเธอไปก่อนหากมีความมานะไม่ใช่เด็กเที่ยวเตร่เรื่องเรียนต่อก็คงไม่ใช่ปัญหา
วันต่อมา...
เจ้าขาเดินออกมาจากในครัวก็เห็นเจ้าของบ้านกำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะอาหารเธอจึงยกกาแฟมาเสิร์ฟพร้อมกับคุกกี้ที่เธอทำตอนว่างๆ
“คุกกี้อร่อยอะ ซื้อมาจากไหน” เพียงแค่หยิบใส่ปากศิลาก็รับรู้ถึงราชาติที่กำลังพอดี หอมเนยไม่หวานมากไม่เลี่ยนด้วย
“คุณอาขา...คุกกี้พวกนี้หนูทำเองค่ะ” เจ้าขายิ้มด้วยความดีใจศิลาจึงเลิกคิ้วมองอย่างเหลือเชื่อ สายตาบ้องแบ๊วของเจ้าขามันทำให้ศิลาต้องหลบสายตาอีกครั้ง เจ้าขาเลยขอตัวไปทำงานอย่างอื่นต่อโดยมีสายตาของเจ้าของบ้านมองมาเป็นระยะ
“วันนี้คุณศิลาไม่ได้ไปทำงานหรือคะ ป้าจะได้เตรียมกับข้าวไว้”
“ครับ ผมหยุดสองวันว่าจะพาริต้าไปเที่ยวหน่อย ช่วงนี้ทำแต่งานไม่มีเวลาให้เธอเลย”
“ไม่พาเจ้าขาไปด้วยล่ะคะ อยู่แต่บ้านทำงานบ้านจนไม่มีอะไรจะทำแล้ว”
“อยู่บ้านนี่แหละ เดี๋ยวผมหาหนังสือมาให้เธออ่านเผื่อว่าจะเรียนต่อจะได้ทันคนอื่นเขา” ศิลามองไปที่สาวน้อยตอนนี้เธอกำลังจัดเรียงของที่ป้าผึ้งซื้อมาใส่ตู้อย่างเป็นระเบียบ